ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2359 ตี้ฝูอีมาแล้ว / บทที่ 2360 ตี้ฝูอีมาแล้ว 2
บทที่ 2359 ตี้ฝูอีมาแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าลาจะล่าสัตว์ได้รวดเร็วเช่นกัน เวลาผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยาม มันก็วิ่งกลับมาแล้ว
ในปากคาบไก่ฟ้าตัวหนึ่ง บนหลังยังแบกแกะดำตัวหนึ่งกับกระต่ายตัวหนึ่งไว้ด้วย
มันนำสัตว์ที่ล่าได้มาวางไว้ข้างตัวกู้ซีจิ่วอย่างภาคภูมิใจ กะพริบดวงตาโตที่มีหนังตาสองชั้น ท่าทางคล้ายจะขอคำชมคำเยินยอ
กู้ซีจิ่วตบแก้มมันเบาๆ
“เจ้าช่างหล่อเหลาเหลือเกิน!”
ด้วยเหตุนี้ เจ้าลาผู้หล่อเหลาเสียเหลือเกินจึงหยิ่งผยองภาคภูมิขึ้นเรื่อยๆ เหลือบมองจู๋ตู๋ชิงแวบหนึ่ง แล้วเดินไปเล็มหญ้าที่ด้านหนึ่ง
จู๋ตู๋ชิงโมโหยิ่ง ถ้ารู้แต่แรกว่าไปล่าสัตว์แล้วจะมีโอกาสถูกลูบหน้าถูกชมเชยล่ะก็ เขาคงไปล่าสัตว์เองแล้ว…
กู้ซีจิ่วเริ่มจัดการเหยื่อที่ลาล่ามาได้ จู๋ตู๋ชิงจึงเสนอตัวช่วยเหลือ
“ข้าจะเป็นลูกมือให้เจ้าเอง”
ช่วยตัดมือตัดเท้าสัตว์ที่ล่ามาได้ สุมฟืนก่อไฟ…
สองคนหนึ่งลา แถมเจ้าลายังกินหญ้าด้วย กินกันไม่มากมายขนาดนั้น ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงย่างเพียงไก่ตัวนั้นกับกระต่าย แกะดำเก็บไว้ในถุงเก็บของชั่วคราว เดินทางไปอีกสองร้อยกว่าลี้ก็จะถึงบึงพิษแล้ว ที่นั่นสภาพแวดล้อมเลวร้าย สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนมีพิษแฝงอยู่ กินไม่ได้ แกะตัวนี้ค่อยเอาไว้ย่างกินคราวหน้า
ตกกลางคืนแล้ว บนนภามีจันทร์เพ็ญดวงนั้นแขวนลอยอยู่
รอบข้างมีเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด เสียงขบกัดของสัตว์ร้ายสารพัดชนิดแว่วมาเป็นระยะๆ ทำให้คนได้ยินแล้วหนาวสะท้านไปทั่วร่าง
กู้ซีจิ่วก่อค่ายกลไว้ในละแวกนี้แล้ว ซ้ำยังก่อไฟที่นี่อีก สัตว์ร้ายเหล่านั้นจึงไม่เข้ามาใกล้ชั่วขณะ เพียงแต่วนเวียนอยู่ด้านนอกค่ายกล
เธอนั่งอยู่ตรงนั้น ค่อยๆ ย่างเนื้อ กองไฟแดงฉานส่องกระทบปรางแก้มเธอ ทำให้แดงเรื่อขึ้นมา
จู๋ตู๋ชิงนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างว่าง่าย หลังจากที่ได้กลิ่นหอมนั้นก็คล้ายว่าจะถูกมอมเมาแล้ว
ย่างเนื้อใต้จันทรา หนึ่งชายหนึ่งหญิง ซ้ำด้านข้างยังมีลาตัวหนึ่งเล็มหญ้าอยู่ด้วย
ฉากนี้ช่างงดงามมากจริงๆ
กู้ซีจิ่วพลิกย่างเนื้อสัตว์อยู่ ทว่าจิตใจกลับเหม่อลอยอยู่บ้าง
จู่ๆ เธอก็นึกถึงตี้ฝูอีขึ้นมา…
ดูเหมือนเขาก็ชอบกินของที่ย่างเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่เธอกับเขาแตกแยกห่างเหินกันอย่างแท้จริงแล้ว โอกาสที่จะได้อยู่ร่วมกันย่างเนื้อกินอย่างสงบช่างน้อยนิดเสียจนน่าเวทนา หากว่าวันนี้เขาอยู่ที่นี่ด้วย…
หยุดนะ!
เขามีคนอื่นอยู่ในใจแล้ว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธออีกแล้ว ไม่ต้องนึกถึงเขาแล้ว…
เนื่องจากใจลอยไปชั่วขณะ ขณะที่เธอพลิกหมุนเนื้อย่าง ไม่ทันได้ระวังจึงถูกลวกมือเข้าเล็กน้อย ปวดแสบปวดร้อนขึ้นมา
จู๋ตู๋ชิงมองนางอยู่ตลอด รีบเอ่ยขึ้นอย่างห่วงใยทันที
“เป็นยังไงบ้าง? อาจารย์? ไฟลวกหรือ? ข้ามียารักษาแผลพุพองอยู่นะ มาๆ ข้าจะทาให้ท่าน”
หลังจากหยิบขวดยาใบน้อยออกมา หมายจะฉวยมือซ้ายของกู้ซีจิ่ว
‘เพล้ง!’
ไม่ทราบว่าใบไม้ใบหนึ่งปลิวมาจากไหน กระทบกับขวดยาของจู๋ตู๋ชิงเข้า
ขวดยาแตกกระจาย นองเต็มพื้น
จู๋ตู๋ชิงกระโดดผลุงขึ้นมาทันที ชักกระบี่พร้อมออกศึก ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว
“เป็นผู้ใด?!”
“เปิ่นจวินเอง”
คนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นบนต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล
อาภรณ์แดงดุจอัคคี นัยน์ตาดุจระลอกคลื่น ยืนยิ้มละไมอยู่ตรงนั้น ท่าทางดูอารมณ์ดียิ่ง
ตี้ฝูอีมาแล้ว
จู๋ตู๋ชิงหน้าเปลี่ยนสีแล้ว!
ราชันย์มารผู้นี้ช่างเป็นผีร้ายที่ไม่ยอมเลิกราโดยแท้! เหตุใดจึงพบเจอเขาได้ทุกหนทุกแห่งกัน?!
เขากุมกระบี่ในมือแน่นเริ่มใคร่ครวญแล้วว่าจะเปิดประตูไปไหนก็ได้อีกรอบดีไหม…
แต่ตอนนี้พลังของเขายังไม่ฟื้นกลับมา ถ้าเปิดอีกรอบคาดว่าตัวคนคงเสื่อมสภาพแล้ว!
หัวใจกู้ซีจิ่วก็เต้นผิดจังหวะไปสองสามครั้งเช่นกัน เพียงแต่เธอรักษาอารมณ์ให้มั่นคงได้อย่างรวดเร็ว เงยหน้ามองเขายิ้มน้อยๆ
“ไม่นึกเลยว่าอยู่ที่นี่ก็จะยังพบพานท่านราชันย์มารได้ ขอบคุณมากที่ก่อนหน้านี้ท่านราชันย์มารช่วยกู้สถานการณ์ให้”
แล้วประสานมือให้เขา
เรือนกายตี้ฝูอีพลันทะยานขึ้น ร่อนเข้าสู่ใจกลางค่ายกล ค่ายกลที่กู้ซีจิ่วก่อขึ้นสำหรับเขาแล้วไม่นับว่าเป็นสิ่งใดเลย พริบตาเดียวเขาก็เดินมาถึงหน้ากองไฟอย่างสบายๆ ได้แล้ว สายตาร่อนลงบนร่างกู้ซีจิ่ว เอ่ยถามนางอย่างจริงจังนัก
“จะขอบคุณอย่างไร?”
….
————————————————————————————-
บทที่ 2360 ตี้ฝูอีมาแล้ว 2
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน
เขายืนอยู่ข้างกายเธอ กลิ่นอายอ่อนจางบนร่างอวลอยู่ที่ปลายจมูกกู้ซีจิ่วคล้ายมีคล้ายมิมี เธอถอยหลังไปเล็กน้อย ยกไก่ฟ้าที่กำลังย่างตัวนั้นขึ้นมา
“มอบสิ่งนี้ให้ท่านผู้สูงศักดิ์ก่อนเป็นอย่างไร?”
ตี้ฝูอีส่ายหน้า
“ไม่พอ! มนุษย์ล้วนกล่าวกันว่าบุณคุณหนึ่งหยดวารี ต้องทดแทนเท่าบ่อน้ำ บุญคุณในการช่วยชีวิตนี้มิใช่ต้องทดแทนด้วยตาน้ำพุหรอกรึ? ให้ไก่ฟ้าตัวเดียวก็คิดจะไล่เปิ่นจวินไปแล้วหรือ?”
กู้ซีจิ่วเงียบไปครู่หนึ่ง
“…เช่นนั้นท่านผู้สูงศักดิ์ต้องการให้ตอบแทนเช่นใด?”
ตี้ฝูอีถือโอกาสนั่งลงข้างตัวนาง โน้มตัวเข้าหานางเล็กน้อย “
ตอบแทนด้วยร่างกายเป็นอย่างไร?”
กู้ซีจิ่วเขยิบตัวออกด้านข้างนิดๆ เอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ
“ท่านราชันย์มารล้อเล่นอีกแล้ว”
ภายใต้แสงกองไฟแววตาตี้ฝูอีพราวระยับดุจระลอกคลื่น
“ข้าเคยล้อเล่นทำนองนี้กับเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
กู้ซีจิ่วเสตาหลบ เจ้าคนผู้นี้เป็นราชาเจ้าบทบาทคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าครั้งนี้คิดจะเล่นละครอันใดอีกแล้ว…
กู้ซีจิ่วยังคงรักษาท่าทีเช่นเดิมไว้ ยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง ไม่พูดอะไรอีก
ตี้ฝูอีมองนางครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ไม่ดำเนินหัวข้อนี้ต่อแล้ว เขากวาดตามองจู๋ตู๋ชิงที่อยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง
“ซี่โครงที่บาดเจ็บของคุณชายไผ่ขจีดีขึ้นหรือยัง?”
จู๋ตู๋ชิงระแวดระวังอยู่ตลอด ยามนี้พอเห็นเขาเบนเป้าหมายมาที่ตน ริมฝีปากบางพลันเม้มแน่นยืดอกตอบไป
“ขอบคุณในความระลึกถึงของท่านผู้สูงศักดิ์! มันยังเจ็บปวดอยู่ เพียงแต่สุขภาพของข้าดีขึ้นแล้ว จะหายสนิทในไม่ช้านี้!”
ตี้ฝูอีถอนหายใจ
“ร่างกายนี้ของเจ้าเปราะบางเกินไปแล้ว กระแทกครั้งเดียวก็หักไปสองสามซี่เช่นนี้ เจ้าไม่ไยดีร่างกายของตนเกินไปแล้ว เหตุใดจึงปล่อยให้มันหักนานขนาดนี้เล่า?”
จู๋ตู๋ชิงพูดไม่ออกแล้ว เขาก็อยากหักซี่โครงของเจ้าราชันย์มารผู้นี้เช่นกัน!
ตี้ฝูอีมองเขาด้วยสายตาที่เป็นห่วงเป็นใยยิ่งนัก ราวกับคนที่ทุบจู๋ตู๋ชิงจนซี่โครงหักไม่ใช่เขา
เขาล้วงขวดยาใบหนึ่งออกมาจากร่างวางไว้ในมือแล้วยื่นออกไป
“ยานี้ผลิตขึ้นเพื่อรักษาบาดแผลฟกช้ำโดยเฉพาะ เหมาะสมกับเจ้ายิ่ง มอบให้เจ้าแล้วกัน! ”
จู๋ตู๋ชิงโมโหขึ้นมาแล้ว ระเบิดวาจาออกมา
“ไสหัวไป!”
พลันซัดฝ่ามือไปที่ขวดยาที่ขวางหูขวางตาใบนั้นให้กระเด็นออกไป
ตี้ฝูอีเตรียมพร้อมอยู่แล้ว ขยับมือไปด้านข้างในทันใด หลบหลีกฝ่ามือนี้ของอีกฝ่ายได้ ส่ายหน้าแล้วเอ่ยว่า
“คุณชายไผ่ขจีเป็นยอดฝีมือที่สุภาพอ่อนน้อมเสมอมา เหตุใดวันนี้จึงเจ้าอารมณ์เช่นนี้เล่า? ในเมื่อเจ้าไม่ต้องการ เช่นนั้นก็แล้วไปเถิด”
แล้วเก็บขวดยาไปอีกครั้ง
จู๋ตู๋ชิงพูดไม่ออกเลย เขาอยากคืนร่างเดิมแล้วหวดเขานัก!
ใบหน้าจู๋ตู๋ชิงเขียวคล้ำ
“สรุปแล้วท่านผู้สูงศักดิ์มาด้วยกิจธุระอันใด?!”
หากว่าเป็นไปได้ เขาก็อยากจะถีบอีกฝ่ายให้กระเด็นออกไปจริงๆ
แต่พละกำลังไม่เพียงพอ สุขภาพก็ไม่อำนวย เขาจึงได้แต่คิดเท่านั้น หวังเพียงว่าจะสามารถใช้วาจายั่วยุให้อีกฝ่ายจากไปได้…
ตี้ฝูอีม้วนแขนเสื้อขึ้นอย่างไม่ร้อนรน
“เปิ่นจวินไม่ชอบค้างคากับผู้ใด ในเมื่อมีบุณคุณช่วยเหลือชีวิตของผู้อื่น ก็ต้องมาเพื่อรับสิ่งตอบแทน”
“ข้าจะไม่เอาความองค์หญิงย่วนย่วนก็ได้”
กู้ซีจิ่วเอ่ยขึ้นอย่างเยือกเย็น เธอรู้สึกว่าที่ตี้ฝูอีวอแวอยู่เช่นนี้ คงเป็นเพราะคิดจะชดใช้แทนคนรักอย่างย่วนย่วน
ถึงอย่างไรเขาก็รู้จักเธอดี ทราบว่าตอนนี้เธอมีใจคิดจะเล่นงานย่วนย่วนอยู่
ส่วนเขาก็ต้องการปกป้องย่วนย่วน ซ้ำยังหักใจทำร้ายตัวเธอกู้ซีจิ่วไม่ลง ทำได้เพียงพยายามสร้างบุญคุณกับเธอ ทำให้เธอต้องชดใช้น้ำใจในส่วนนี้…
มือตี้ฝูอีชะงักไปเล็กน้อย มองนางแวบหนึ่ง ยิ้มมิเชิงยิ้ม
“ข้าคิดได้หรือไหมว่าประโยคนี้ของเจ้าคือความหึงหวง?”
“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้หึง”
กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มนิดๆ
ตี้ฝูอีถอนหายใจ
“ข้ากลับปรารถนาให้เจ้าหึงหวงบ้าง…”
ประโยคนี้เขากล่าวเบายิ่งนัก กู้ซีจิ่วได้ยินไม่ชัด จึงเลิกคิ้วขึ้น “หะ?”
“เจ้ากระทำไปตามใจนึกแบบเดิมจะดีกว่า จะเอาหรือไม่เอาความนางก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเปิ่นจวิน เปิ่นจวินจะไม่ก้าวก่าย”
ครั้งนี้ตี้ฝูอีเอ่ยออกมาอย่างชัดเจน