ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2383 เอ็นดูนาง / บทที่ 2384 เอ็นดูนาง 2
บทที่ 2383 เอ็นดูนาง
อุโมงค์เส้นหนึ่งทอดตัวลึกลงไปใต้ดินกว่าร้อยเมตร มืดครึ้มชื้นแฉะ ผนังอุโมงค์ก็ขรุขระไม่ราบเรียบ มองเผินๆ คล้ายถูกสัตว์ประหลาดมหึมาอันใดเจาะมุดออกมา
บนพื้นมีแอ่งน้ำหล่มโคลนอยู่บ้างประปราย คล้ายถ้ำใต้ดินที่พบเห็นได้ทั่วไปยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วนำอยู่ด้านหน้า มือคอยสัมผัสผนังอุโมงค์เป็นระยะๆ ขยับเข้าไปมองใกล้ๆบ้าง
ตี้ฝูอีติดตามอยู่ข้างกายเธอ เอ่ยถามเธอ
“เจออะไรไหม?”
“ที่นี่ถูกทิ้งร้างมานานมากแล้ว อย่างน้อยก็ไม่มีคนมาสิบปีขึ้นไปแล้ว”
“มีอะไรอีกไหม?”
“ที่นี่คล้ายโพรงที่สัตว์ขนาดมหึมาจำพวกมังกรดินชนิดหนึ่งขุดขึ้น ไม่มีร่องรอยการขุดโดยฝีมือมนุษย์”
“เจ้ามีความเห็นอันใดอีกหรือไม่?”
“ข้ารู้สึกอยู่ตลอดว่าการปรากฏขึ้นของอุโมงค์นี้ค่อนข้างมีเลศนัย ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าในบึงพิษมีสัตว์พิษใหญ่ยักษ์เช่นนี้อยู่”
ตี้ฝูอีถอนหายใจเบาๆ
“ข้าก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน เพียงแต่บึงพิษมีผู้มาเยือนน้อยนิดยิ่ง ที่นี่มีสัตว์พิษบางส่วนที่คนภายนอกไม่รู้จักอยู่จริงๆ”
กู้ซีจิ่วพยักหน้า ไม่พูดอะไรอีก
อันที่จริงเธอไม่ไว้ใจอวิ๋นชิงหลัว รู้สึกอยู่เสมอว่าอีกฝ่ายยังคงเก็บงำเจตนาร้ายเอาไว้ไม่เผยออกมา แต่เธอก็มองพิรุธใหญ่โตอันใดไม่ออกไปชั่วขณะ
บางทีตี้ฝูอีอาจพูดกล่อมอวิ๋นชิงหลัวได้จริงๆ กระมัง?
ถึงอย่างไรอวิ๋นชิงหลัวก็ชอบตี้ฝูอีจนแทบจะกลายเป็นความหมกมุ่นแล้ว เชื่อฟังคำพูดเขา ดังนั้นต่อให้ในใจไม่ยินยอม ก็ยังวิ่งมาที่นี่อยู่ดี…
ทั้งคณะเดินทางเข้าไปด้านใน ตลอดทางนี้ราบรื่นอย่างที่หาได้ยากนัก แทบไม่พบอุปสรรคอะไรเลย
บางครั้งก็พบพานสัตว์พิษที่หลงเข้ามาที่นี่บ้างตัวสองตัว และไม่ใช่ชนิดที่ร้ายกาจด้วย ตี้ฝูอีขยับตัวนิดหน่อยก็จัดการได้แล้ว
ไม่เหมือนที่ด้านนอก เดินได้ไม่ถึงร้อยเมตรก็แทบจะพบปัญหาใหญ่แล้ว…
องครักษ์ตำหนักมารทั้งสองถอนหายใจยาวๆ ด้วยความโล่งอก
นับตั้งแต่ออกมาจากอาณาจักรมาร ความรับผิดชอบอันหนักหน่วงในการอารักขาองค์หญิงก็ตกใส่ร่างพวกเขา เหน็ดเหนื่อยอย่างยิ่ง
โดยเฉพาะที่บึงพิษแห่งนี้ พวกเขาแทบจะต้องออกศึกทุกๆ สิบก้าว เหนื่อยจนหอบเหมือนสุนัข แม้แต่เรี่ยวแรงจะหายใจก็ไม่มีแล้ว ยามนี้ในที่สุดก็ปลอดภัยไปสักระยะแล้ว
พวกเขาคุ้มกันอวิ๋นชิงหลัวไว้ตรงกลาง อวิ๋นชิงหลัวรักสะอาด ไม่ยอมให้ใครแตะต้องโดนตัวนางง่ายๆ ดังนั้นสองคนนี้จึงไม่กล้าเข้าใกล้นางเกินไป เลี่ยงไม่ให้ถูกนางมองหมิ่น…
บุญคุณความแค้นระหว่างองค์หญิงย่วนย่วนกับกู้ซีจิ่วพวกเขาก็พอทราบมาบ้าง แน่นอนว่าทราบถึงความรักที่องค์หญิงย่วนย่วนมีต่อองค์ราชันย์ด้วย…
พวกเขาเป็นองครักษ์คนสนิทของตี้ฝูอี รู้ดีว่าถึงแม้ตี้ฝูอีจะเอื้อเอ็นดูน้องสาวคนนี้มาก แต่ก็ไม่เคยแตะเนื้อต้องตัวนางเลย
ครั้งนี้เป็นเพราะเรื่องของกู้ซีจิ่ว องค์ราชันย์ถึงลงโทษองค์หญิงย่วนย่วนอย่างหนัก พวกเขายังนึกอยู่เลยว่าองค์หญิงย่วนย่วนคงต้องนอนติดเตียงไปเป็นเดือนเสียแล้ว กลับคาดไม่ถึงว่าแค่ไม่กี่วันก็ถูกองค์ราชันย์พาออกมาแล้ว…
องครักษ์ทั้งสองไม่ทราบเรื่องบุญคุณความแค้นทั้งหมดระหว่างสามคนนี้ แต่ดูจากท่าทีที่องค์ราชันย์ปฏิบัติกับทั้งสองคนก็รู้แล้วว่าหัวใจขององค์ราชันย์อยู่ที่ผู้ใด…
และรู้ดีว่าตอนนี้ในร่างของอวิ๋นชิงหลัวไม่เหลือพลังยุทธ์สักเท่าไหร่แล้ว ดีกว่าคนธรรมดาเพียงเล็กน้อย ในบึงพิษแห่งนี้ ชีวิตของนางเปราะบางยิ่งกว่าเปลือกไข่เสียอีก ลมพัดหญ้าไหวเล็กน้อยก็เป็นอันตรายที่ทำให้บุบสลายได้แล้ว…
อวิ๋นชิงหลัวยังคงเอาชนะใจผู้อื่นเป็นยิ่งนัก ดีต่อองครักษ์คนสนิทของตี้ฝูอีเสมอมา บางครั้งก็มอบของขวัญอันใดไปให้บ้าง ดังนั้นปกติแล้วองครักษ์เหล่านี้จึงมีความสัมพันธ์อันดีกับนาง
ประกอบกับเมื่อก่อนตี้ฝูอีเอื้อเอ็นดูนาง ทำให้องครักษ์เหล่านี้พลอยเอื้อเอ็นดูนางอย่างยิ่งไปด้วย แทบจะขออะไรก็ตอบรับทั้งสิ้น
มิเช่นนั้นตอนที่อวิ๋นชิงหลัวส่งคนไปขอยืมตาข่ายฟ้าดินจากองครักษ์คนนั้น ก็คงไม่หยิบยืมมาได้ง่ายดายปานนี้
ในสายตาพวกเขา การออกมาในเที่ยวนี้ องค์หญิงย่วนย่วนสงบนิ่งยิ่งนัก เงียบขรึมเฉยเมย
————————————————————————————-
บทที่ 2384 เอ็นดูนาง 2
ในสายตาพวกเขา การออกมาในเที่ยวนี้ องค์หญิงย่วนย่วนสงบยิ่งนัก เงียบขรึมเฉยเมย ในหนึ่งวันก็ยังไม่แน่เลยว่าจะเอ่ยถึงสองประโยค ดูเปราะบางและซีดเซียว น่าสงสารนัก
ผู้ชายมีความปรารถนาจะปกป้องอยู่ตามธรรมชาติ ดังนั้นพอเห็นองค์หญิงเป็นเช่นนี้ ในใจพวกเขาก็อึดอัดกันยิ่งนัก รู้สึกว่าไม่ค่อยยุติธรรมต่อนาง จึงโอนอ่อนผ่อนผันต่อนางยิ่ง ปกป้องเป็นอย่างดี
ยามนี้มองเห็นองค์ราชันย์กับกู้ซีจิ่วเดินเคียงกันอยู่ด้านหน้า จากนั้นก็มองอวิ๋นชิงหลัวผู้อ่อนแอคล้ายจะล้มลงไปได้ทุกเมื่อที่อยู่ข้างกาย สงสารนางกว่าเดิม…
หวาเฉียนจวิ้นที่เป็นหนึ่งในองครักษ์ยิ่งเห็นใจนางมากขึ้นอีก
หวาเฉียนจวิ้นชำนาญศาสตร์พิษ วรยุทธ์ยอดเยี่ยมเป็นแขนขาของตี้ฝูอี และภักดีต่อเขาอย่างยิ่ง
แต่ในใจเขามีความรู้สึกดีๆ ต่อองค์หญิงย่วนย่วนมากนัก ถึงขั้นที่แอบชอบอยู่นิดหน่อย เพียงแต่มิเคยเผยท่าทีเท่านั้น แอบดูแลอย่างลับๆ อยากให้นางมีชีวิตที่ดีขึ้นอีกสักหน่อย
องค์หญิงย่วนย่วนเข้มแข็งยิ่งนักเสมอมา ร่างกายคงจะเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้ามากแล้ว ทว่าไม่ยอมให้ใครพยุง ก้าวเดินไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วด้วยตัวเองเสมอ แผ่นหลังเหยียดตรง ทำให้คนที่ได้เห็นปวดใจ…
ไม่ทราบว่าตี้ฝูอีที่อยู่ด้านหน้าคุยอะไรกับกู้ซีจิ่ว ทำให้อีกฝ่ายโมโหจนเหยียบเท้าเขาทีหนึ่ง เขากลับไม่ถือสาเลยสักนิด ซ้ำยังโอบเอวอีกฝ่ายเอาไว้เสียด้วย ยิ้มแย้มแจ่มใสไม่รู้ว่าพูดอะไรไป กู้ซีจิ่วถึงได้ผลักเขาอีกทีหนึ่งด้วย
หวาเฉียนจวิ้นถอนหายใจ
เขารู้จักนิสัยท่านองค์ราชันย์มารของบ้านตนดี เป็นโรครักสะอาด ไม่ชอบเข้าใกล้ผู้ใด ยิ่งไม่ชอบชิดเชื้อกับสตรีด้วย
เขาดีต่อองค์หญิงย่วนย่วนขนาดนี้ แต่ก็เป็นการเติมเต็มในแง่ของวัตถุเท่านั้น ไม่เคยใกล้ชิดกับองค์หญิงย่วนย่วนอย่างแท้จริงเลย มีอยู่หลายครั้งที่องค์หญิงย่วนย่วนงอแงอยากจะกอดแขนเขาสักครั้ง ล้วนถูกเขาบอกปัดทั้งสิ้น
ทำให้ลูกน้องอย่างพวกเขานึกกริ่งเกรงว่าองค์ราชันย์ของบ้านตนจะมีรสนิยมพิเศษเสียแล้ว…
เพียงแต่องค์ราชันย์ก็ไม่ใกล้ชิดกับบุรุษเช่นกัน
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงนึกไปอีกว่าองค์ราชันย์คงไร้รักไร้ปรารถนาโดยกำเนิด ไม่ชอบใกล้ชิดกับผู้ใดโดยกำเนิด วันหน้าต่อให้อภิเษกราชินี ก็เกรงว่าคงยากปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมได้ครบถ้วน สุดท้ายก็คงจะอยู่ร่วมกับราชินีอย่างให้เกียรติซึ่งกันและกันเย็นชาดุจน้ำแข็ง…
แต่พอเห็นท่าทีที่องค์ราชันย์ปฏิบัติต่อกู้ซีจิ่วในวันนี้ พวกเขาก็เข้าใจขึ้นมาทันที!
ที่แท้องค์ราชันย์ของพวกเขาก็มีช่วงที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับสตรีเช่นนี้และไร้เหตุผลขนาดนี้ได้เช่นกัน! ต้องการจะโอบกอดผู้อื่นไว้ตลอดเวลา…
องค์ราชันย์มีจิตปฏิพัทธ์แล้ว!
มีจิตปฏิพัทธ์ต่อสตรีนามว่ากู้ซีจิ่วเท่านั้น ข้อห้ามทั้งหมดของเขาเมื่ออยู่ต่อหน้ากู้ซีจิ่วแล้วล้วนเป็นเพียงเมฆาเลื่อนลอยทั้งสิ้น…
องค์หญิงของพวกเขาไม่มีความหวังแล้วจริงๆ!
ด้วยเหตุนี้ หวาเฉียนจวิ้นจึงปวดใจแทนองค์หญิงของบ้านตนนัก ซ้ำยังมีความหวังผุดขึ้นมาเล็กน้อยด้วย
“องค์หญิง พระองค์หิวไหมพ่ะย่ะค่ะ? ที่กระหม่อมมีผลไม้อยู่…”
หวาเฉียนจวิ้นล้วงผลไม้ลูกหนึ่งออกมาส่งให้
ผลไม้ลูกนั้นเป็นผลไม้เซียน เป็นรางวัลที่ตี้ฝูอีมอบให้หลังจากเขามีความชอบใหญ่หลวง รสชาติเลิศล้ำ ซ้ำยังมีสรรพคุณในการเสริมสร้างพลังวิญญาณด้วย เขาหักใจกินไม่ลงเสมอมา ยามนี้จึงนำมามอบให้อวิ๋นชิงหลัว
อวิ๋นชิงหลัวผงะไปเล็กน้อย ช้อนตามองเขา ในดวงตาคู่นั้นคล้ายจะมีน้ำตาเอ่อคลอ สลัวพร่ามัว ถึงขั้นที่ในดวงตาแฝงความสิ้นหวังที่ซ่อนเร้นเอาไว้ไม่ทันอยู่รางๆ ทำให้หัวใจของหวาเฉียนจวิ้นสั่นไหวอย่างรุนแรงแวบหนึ่ง!
นางส่ายหน้า เอ่ยเสียงแผ่ว
“ขอบใจนะ ข้าไม่หิว…”
น้ำเสียงคล้ายเจือแววสะอื้นอยู่บ้าง ทว่าฝืนเก็บซ่อนไว้อีกครั้ง ริมฝีปากแดงที่อยู่ด้านหลังหมวกคุลมหน้าเม้มแน่น ซีดเซียวยิ่ง
หวาเฉียนจวิ้นพยายามอดทน ทว่าทนไม่ไหวแล้ว
“องค์หญิง ความจริงแล้ว…แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรานะพ่ะย่ะค่ะ…”
อวิ๋นชิงหลัวยิ้มแวบหนึ่ง
“ข้า…ข้ารู้…”
นางคงจะร้องไห้แล้ว มีหยาดน้ำตาซึมออกมาจากหมวกคลุมหน้า นางยกแขนเสื้อขึ้นค่อยๆ เช็ดออก แต่กลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
นางจึงหันหลังไปเสียเลย ไม่อยากให้หวาเฉียนจวิ้นเห็นความน่าอับอายของนาง