ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2385 เอ็นดูนาง 3 / บทที่ 2386 หญิงผู้นี้บ้าไปแล้ว!
บทที่ 2385 เอ็นดูนาง 3
หัวใจหวาเฉียนจวิ้นเจ็บแปลบ ซ้ำไม่อาจปลอบโยนได้ จึงติดตามอยู่ข้างกายนางเงียบๆ
หลังจากอดกลั้นอยู่เนิ่นนาน ในที่สุดก็นึกถึงประโยคหนึ่งขึ้นมา
“พระองค์เหนื่อยหรือไม่? ให้กระหม่อมพยุงไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
“ขอบใจมากนะ แต่ว่าไม่ต้องหรอก”
ในที่สุดอวิ๋นชิงหลัวก็ควบคุมอารมณ์ได้แล้ว หันไปยิ้มให้เขาทีหนึ่ง น้ำตาในดวงตายังไม่แห้งเหือดไป ยามที่ยิ้มแย้มดุจบุปผายิ่งดูน่าสงสารนัก
พวกเขาคุยกันเสียงเบายิ่ง และภายในอุโมงค์เส้นนี้ก็มีเสียงลมพัดหวีดหวิว เสียงน้ำไหลหยด บทสนทนาของพวกเขาจึงไม่มีใครได้ยินสักเท่าไหร่
ตี้ฝูอีที่อยู่ด้านหน้าหยักมุมปากนิดๆ ลอบส่ายหน้า
กู้ซีจิ่วเพิ่งตรวจสอบกระแสน้ำที่ไหลสู่ส่วนลึกของอุโมงค์ พอหันกลับมาเห็นตี้ฝูอียิ้มมุมปากนิดๆ ก็ทึ่มทื่อไปครู่หนึ่ง
“เจ้ายิ้มอะไร?”
ปัดแขนเสื้อคราหนึ่ง
“เจ้าไม่รู้สึกหรือว่าเปิ่นจวินยิ้มแล้วน่ามองกว่าเดิม?”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
เอาเถอะ ถือว่าเธอไม่ได้ถามก็แล้วกัน!
การเดินทางครั้งนี้ราบรื่นนัก หลังผ่านพ้นไปหนึ่งชั่วยาม พวกเขาก็มาถึงส่วนลึกสุดของอุโมงค์เส้นนั้นแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าจะกว้างขวางอย่างยิ่ง ใหญ่พอๆ กับสนามฟุตบอล
ราวกับว่าสัตว์ร้ายที่เจาะอุโมงค์นี้ขึ้นมากลิ้งเล่นอยู่ที่นี่ หาความสำราญ
ที่นี่มีอุโมงค์เชื่อมสู่ด้านบน เลี้ยวลดคดเคี้ยวขึ้นไปข้างบน มองไม่เห็นยอด ได้ยินเพียงเสียงคำรามของสัตว์ร้ายแว่วมาจากด้านบน…
“ด้านบนคือรังของจระเข้วงแหวนเงินแล้ว”
อวิ๋นชิงหลัวเอ่ยขึ้นอย่างสงบ ดวงตาจับจ้องไปที่ร่างตี้ฝูอี
“จะให้ข้าขึ้นไปล่อจระเข้ตัวนั้นลงมาเอง หรือว่าท่านจะไปกับข้าด้วย?”
ตี้ฝูอีตรงไปตรงมายิ่งนัก
“เปิ่นจวินจะไปกับเจ้าด้วย!”
อวิ๋นชิงหลัวพยักหน้า
“เช่นนั้นก็ดี พวกเราไปกัน!”
ตี้ฝูอีเอ่ยสั่งการองครักษ์อีกคน
“เจ้าพาองค์หญิงขึ้นไป”
จากนั้นก็กวาดตามองหวาเฉียนจวิ้นแวบหนึ่ง
“เจ้าอยู่ซุ่มโจมตีกับแม่นางกู้และคุณชายไผ่ขจี”
หวาเฉียนจวิ้นผงะไปแวบหนึ่ง เอ่ยค้านเป็นครั้งแรก
“องค์ราชันย์ กระหม่อมชำนาญศาตร์พิษกว่าเหล่าจิน ให้กระหม่อมเดินทางไปกับพวกพระองค์ แล้วให้ เหล่าจินรั้งอยู่ซุ่มโจมตีดีกว่าไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
ตี้ฝูอีมองเขาด้วยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้ม
“เจ้าจะขัดคำสั่งเปิ่นจวินหรือ?”
ประโยคเดียวก็ทำให้หวาเฉียนจวิ้นเหมือนลูกบอลถูกปล่อยลมได้แล้ว
“กระหม่อมทราบความผิดแล้ว กระหม่อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
ตี้ฝูอีกวาดตามองเขาแวบหนึ่ง คล้ายอยากจะพูดอะไร ทว่ากลั้นเอาไว้อีกครั้ง
แววตากู้ซีจิ่ววูบไหว
“ให้ข้าไปกับพวกเจ้าเถอะ จะได้คอยดูแล”
เธอมีวิชาเคลื่อนย้าย ถึงคราวจำเป็นขึ้นมาก็พาทั้งสองคนเคลื่อนย้ายกลับมาพร้อมกันได้
ตี้ฝูอีปฏิเสธ
“ไม่ต้อง เจ้าดักซุ่มอยู่ข้างล่างเถอะ เรื่องล่อจระเข้ พวกเราสามคนก็พอแล้ว”
กู้ซีจิ่วชะงักไปเล็กน้อย ไม่ยืนกรานอีกต่อไป
….
ด้านบนคือรังของจระเข้วงแหวนเงินจริงๆ มีจระเข้น้อยใหญ่จมอยู่ในหล่มโคลนสีแดงแห่งหนึ่ง โผล่ขึ้นมาเพียงศีรษะอันใหญ่โตมากมาย…
ส่วนหัวของเจ้าสิ่งนี้คล้ายจระเข้ ร่างกายคล้ายฮิปโป ตัวเท่าช้าง พอเคลื่อนไหวขึ้นมา จะก่อให้เกิดแผ่นดินไหวเล็กๆ ในบริเวณนั้น ทำให้ผืนดินสั่นสะเทือนไปหมด
เมื่อพวกตี้ฝูอีทั้งสามโผล่มา ก็ดึงดูดความสนใจของจระเข้เหล่านี้ได้ทันที นัยน์ตาสีเขียวมรกตแต่ละคู่ต่างมองเข้ามา แฝงไอยะเยือกมหาศาลไว้
พวกมันช่างสมกับที่เป็นราชาของบึงพิษแห่งนี้ บนร่างมีกลิ่นอายดุร้ายที่ข่มขวัญคนได้ชนิดหนึ่ง
องครักษ์จินที่วรยุทธ์สุขุมกล้าแกร่ง ก็ยังถูกสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความดุร้ายเหล่านี้มองจนหนังหัวชาหนึบแล้ว
อวิ๋นชิงหลัวกลับคล้ายว่าจะไม่หวาดกลัวเลย นางยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสง่างาม ผินหน้ามองตี้ฝูอี
“พี่ใหญ่ ท่านจะไม่เสียใจภายหลังจริงๆ น่ะหรือ? ไร้เยื่อใยถึงเพียงนี้จริงๆ หรือ?”
แววตาตี้ฝูอีลุ่มลึก ไม่หวั่นไหว
“นี่เป็นโอกาสเดียวที่เจ้าจะได้ช่วยเหลือตัวเอง”
อวิ๋นชิงหลัวหลับตาลง เอ่ยพึมพำ
“ถ้ากรีดเอาโลหิตหัวใจข้าอาจตายได้นะ…”
————————————————————————————-
บทที่ 2386 หญิงผู้นี้บ้าไปแล้ว!
องครักษ์จินตะลึงงัน ต้องการโลหิตหัวใจขององค์หญิงรึ?
เขามองไปที่อวิ๋นชิงหลัวสุ้มเสียงตี้ฝูอีเฉยเมย
“เจ้าเจาะเอาเลือดออกมาตามปกติเถอะ เปิ่นจวินจะดูแลความปลอดภัยให้เจ้าเอง”
ขณะที่พูด มีจระเข้วงแหวนเงินเจ็ดแปดตัวพุ่งเข้ามายังทิศทางนี้ของพวกเขาแล้ว!
หวีดร้องเสียงแหลมบาดหูน่าตกใจ…
จระเข้เหล่านี้ร่างกายใหญ่โต ทว่าคล่องแคล่วดุจหมาป่า ไม่น่าเชื่อว่าจะบินได้ด้วย!
ยามที่ปีกไร้ขนสีโลหิตคู่หนึ่งคลี่กางออก ราวกับเครื่องบินจู่โจมทิ้งระเบิดก็มิปาน…
ตี้ฝูอีไหวร่างแวบหนึ่ง ออกไปต้อนรับ! ก่อนจะทะยานออกไปได้เอ่ยทิ้งไว้ประโยคหนึ่ง
“เจ้ามีเวลาเพียงครึ่งก้านธูป”
ตี้ฝูอีต่อสู้กับจระเข้เหล่านั้นในคราวเดียว ลำแสงสีรุ้งพุ่งปะทะ สายลมโหมกรรโชก พัดหมอกพิษให้ฟุ้งตลบไปทั่วฟ้า
อวิ๋นชิงหลัวเงยหน้ามองเขาครู่หนึ่ง
เงาร่างสีม่วงสายนั้นเป็นตัวตนที่นางใช้สารพัดวิถีทางแล้วก็ยังไม่อาจเข้าใกล้ได้
เพื่อจะได้ใกล้ชิดเขา นางเสียค่าตอบแทนไปมากมายเหลือเกิน สิ่งได้รับกลับน้อยนิดเหลือเกิน…
เขาหลอกถามนางว่าตอนที่เขาเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายชอบสวมอาภรณ์สีใด ตอนนั้นนางอยู่ในอาการหัวร้อนจึงตอบออกไป ผลคือเขากลับไปสวมชุดเดิมแล้ว…
นางหลงนึกว่าเขาแต่งตัวเช่นนี้เพื่อให้นางดีใจสักหน่อย ทำให้นางยินยอมพร้อมใจจะมอบโลหิตหัวใจให้ยิ่งขึ้น กลับคาดไม่ถึงเลยว่าที่เขาแต่งตัวเช่นนี้มิใช่เพื่อนาง แต่เพื่อกู้ซีจิ่ว…
นางยื่นมือไปชักมีดที่บางเฉียบราวกับน้ำแข็งเล่มหนึ่งออกมา มีดนี้บางยิ่งนัก บางดุจเงาแสงที่ส่องลอด
บนสันมีดมีหลอดที่หนาเท่าเข็มเงินเล่มหนึ่งอยู่ ขอเพียงแทงมีดเล่มนี้เข้าสู่หัวใจให้ถูกองศา ก็จะมีเพียงโลหิตหัวใจที่ไหลออกมา ทว่าไม่ทำให้หัวใจบาดเจ็บร้ายแรง…
นี่เป็นมีดที่ตี้ฝูอีเตรียมไว้ให้นาง บอกว่านี่เป็นความเมตตาสุดท้ายสำหรับนาง
บุรุษหนอ ช่างมีนิสัยเย็นชา ใจดำเหลือเกิน…
เพื่อสตรีที่เขารักแล้ว ไม่สนใจชีวิตของผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตไว้เลย…
แต่ว่า นางยังคงชอบเขาอยู่ดี ชอบจนหมดหนทางเยียวยา ไม่อาจถอนตัวได้…
ตี้ฝูอี ตี้ฝูอี…
นางแหวกสาบเสื้อออก เผยเนินอกออกมากว่าครึ่ง
องครักษ์ก็ยืนอยู่ข้างกายนาง รีบละสายตาไป หมุนกายไปเล็กน้อย เช่นนี้ก็สามารถปกป้องนางได้ และไม่ต้องเห็นนางในสภาพหวาบหวิวแล้ว
“ตี้ฝูอี…”
จู่ๆ อวิ๋นชิงหลัวก็กรีดร้องออกมา น้ำเสียงโหยหวนรัดทด
ทำให้องครักษ์จินสะดุ้งโหยง กระบี่ในมือแทบจะร่วงลงพื้น
ตี้ฝูอีที่ต้านรับเหล่าจระเข้อยู่กลางอากาศคงนึกว่านางประสบอันตราย ในที่สุดก็หันไปมองนางแวบหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้จึงได้เห็นทรวงอกอวบอิ่มที่เผยอยู่ท่ามกลางหมอกแดงของนาง…
เขาละสายตาไปขมวดคิ้วนิดๆ
หมอกพิษของที่นี่ยังคงร้ายกาจยิ่งนัก หากคนเปลือยผิวออกสู่ด้านนอก ก็จะถูกหมอกพิษกัดกร่อน ดงันั้นตี้ฝูอีจึงให้จู๋ตู๋ชิงปรับเปลี่ยนชุดที่จะให้อวิ๋นชิงหลัวสวมใส่เล็กน้อย
ตรงอกซ้ายของตัวเสื้อจะมีจะมีช่องที่สามารถสอดมีดเล่มบางๆ เข้าไปได้ ยามปกติจะถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา ยามที่อวิ๋นชิงหลัวต้องเจาะเอาโลหิตหัวใจ ขอเพียงเลิกแถบผ้าเล็กๆ ที่อยู่ตรงนั้นขึ้น ก็สามารถแทงมีดเข้าไปได้แล้ว ไม่ต้องเผยผิวกายอันใดออกมาเลย
แต่ตอนนี้อวิ๋นชิงหลัวกลับคล้ายว่าบ้าไปแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะแกะสาบเสื้อของชุดป้องกันนั้นออก
นางอยากตายหรือไง?
หรือว่าอยากฆ่าตัวตายที่นี่ คิดจะลากกู้ซีจิ่วลงหลุมไปด้วยกันด้วยวิธีนี้?
หญิงผู้นี้บ้าไปแล้ว!
แววตาเขาพลันมืดมิด ซัดฝ่ามือโจมตีจระเข้ตัวหนึ่งให้ถอยไป หันกลับไปทำอะไรบางอย่าง
มีดในมืออวิ๋นชิงหลัวเปล่งแสงวาบ แทงเข้าสู่หัวใจของตัวนางเองแล้ว…
มีดบางยิ่ง ถึงแม้จะแทงเข้าสู่หัวใจ ทว่าไม่มีเลือดไหลซึมออกมานอกผิวเลย มองเห็นเพียงโลหิตสายหนึ่งพุ่งออกมาจากก้นด้ามมีดอย่างรวดเร็ว ไหลลงสู่ฝ่ามือของอวิ๋นชิงหลัวที่จับเอาไว้…
เมื่อโลหิตหัวใจไหลออกมาประมาณหนึ่งจอกสุราแล้ว นางก็ออกแรงดึงมีด