ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2397 ใครเล่นงานใครกันแน่ 2 / บทที่ 2398 ใครเล่นงานใครกันแน่ 3
บทที่ 2397 ใครเล่นงานใครกันแน่ 2
อวิ๋นชิงหลัวชักกระตุกไม่หยุด น่าจะสัมผัสได้ว่าตี้ฝูอีมาแล้ว นางจึงเงยหน้าขึ้น ยื่นมือที่สั่นเทาไปหาเขา ริมฝีปากสั่นระริกอยู่หลายครา ถึงเอ่ยออกมาได้สองคำ
“ช่วยข้า…”
ตี้ฝูอียกมุมปากขึ้นน้อยๆ
“ดวงใจกุมารีที่เจ้าหลอมขึ้นถูกกัดกิน ตัวเจ้าก็จะได้ลิ้มรสความเจ็บปวดของการถูกกัดกินหัวใจด้วยเหมือนกัน ความรู้สึกนี้ยอดเยี่ยมดีหรือไม่?”
อวิ๋นชิงหลัวแข็งทื่อไปทันที ดวงตาฉายแววตระหนกแวบหนึ่ง
“อ…อะไรนะ?”
หวาเฉียนจวิ้นกับองครักษ์จินก็งุนงงไปแล้วเช่นกัน มองหน้ากันอย่างเหลอหลาแวบหนึ่ง แล้วมองไปทางหัวใจดวงนั้นที่ถูกกัดกินอยู่อย่างพร้อมเพรียง นี่คือดวงใจกุมารีรึ?
การเลี้ยงกุมารเดิมทีก็เป็นวิชามารชนิดหนึ่ง เมื่อก่อนในอาณาจักรมารก็มีชาวมารมากมายที่เลี้ยงไว้ทำงานให้ตน บังคับบงการให้มันไปกระทำการ เป็นอาวุธสังหารคน
แต่ดวงใจกุมารีคือสิ่งใดกัน? กุมารีก็มีหัวใจหรือ?
การหลอมกุมารของอาณาจักรมารนั้นโหดร้ายอย่างยิ่ง ต้องนำเด็กที่ต้องการหลอมมาทรมานให้ตาย ใช้ไอพยาบาทมาควบรวมเป็นกุมาร
เนื่องจากใช้ไอพยาบาทในการควบรวมออกมา โดยทั่วไปแล้วมันจึงปรากฏตัวในสภาพไอวิญญาณ ต่อให้มองเห็นเป็นรูปร่างมนุษย์ แต่อย่างไรมันก็ไม่มีร่างกายจริงๆ ย่อมไม่มีหัวใจด้วย…
แล้วหัวใจดวงเล็กสีแดงสดที่อยู่ตรงหน้านี้คืออะไรกันแน่?
ตี้ฝูอีนั่งลงบนศิลาก้อนหนึ่ง มองนางอย่างเฉยชา
“ยังเสแสร้งอยู่อีกหรือ? อวิ๋นชิงหลัว เจ้านึกว่าเจ้าปกปิดได้แนบเนียนแล้วจริงหรือ? เจ้านึกว่าข้าเชื่อคำพูดทั้งหมดของเจ้าจริงๆ น่ะหรือ?”
คนที่เหลือไม่เข้าใจ จึงรอฟังอยู่ตรงนั้นเสียเลย
ตี้ฝูอีพูดต่อไป
“เจ้าบอกว่าถ้าได้หัวใจจระเข้ตัวนี้มาก็สามารถหลอมยาถอนพิษได้แล้ว เจ้าบอกถูกจริงๆ นั่นแหละ จำเป็นต้องใช้หัวใจของมัน แต่หากว่าเปิ่นจวินฆ่ามันด้วยวิธีการธรรมดา หัวใจที่ได้มาไม่มีทางใช้การได้ ไม่สามารถหลอมเป็นยาถอนพิษได้ถูกหรือไม่?”
อวิ๋นชิงหลัวหลับตาลง ยามนี้นางทราบแล้วว่าตี้ฝูอีมองนางออกทะลุปรุโปร่งทุกอย่างแล้ว นางเล่นแง่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์
นางฉงนอยู่เพียงเรื่องเดียว
“ท่าน…สรุปแล้วท่านมองออกได้อย่างไร?”
ตี้ฝูอีตอบอย่างเฉยเมย
“เจ้าวางแผนมาหลายร้อยปีแล้ว หลอมกลั่นพิษชนิดนี้ขึ้นมาเป็นพิเศษ สำหรับใช้กับนางโดยเฉพาะ เจ้าเกลียดชังนางปานนี้ กลับยอมบอกวิธีรักษานางออกมาอย่างง่ายดายยิ่งนัก…”
“ง่ายดายรึ? เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเป็นท่านที่ทรมานข้า…”
“เปิ่นจวินทรมานเจ้าจริงๆ แต่เปิ่นจวินก็รู้เช่นกันว่าร่างกายเจ้ามีลักษณะพิเศษประการหนึ่งอยู่ ไม่รู้สึกเจ็บปวดเท่าไหร่ ความจริงแล้วเจ้ารับรู้ความเจ็บปวดได้เพียงหนึ่งในสิบส่วนเท่านั้น ความเจ็บปวดที่ผู้อื่นไม่อาจทนรับได้เจ้าสามารถรับไว้ได้ทั้งหมด หลายครั้งที่ได้รับบาดเจ็บเจ้าแค่แสร้งแสดงท่าทางว่าเจ็บปวดยิ่งนักเท่านั้น ความจริงแล้วเจ้ารู้สึกเพียงเล็กน้อยเท่านั้นถูกหรือไม่?”
อวิ๋นชิงหลัวกัดปากแน่น นางไม่นึกเลยว่าแม้แต่ความลับเรื่องนี้ของนางตี้ฝูอีก็ยังทราบได้
นางจำแลงมาจากดวงจิตหนึ่ง ตอนที่เป็นอวิ๋นชิงหลัวเนื่องจากถูกจับได้ว่าสมคบคิดวางแผนชั่ว จึงร่วงหล่นลงสู่ลาวาถูกหลอมละลาย
เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็อยู่ที่แดนอสุราแล้ว มิได้ถือกำเนิดขึ้นตามวิธีธรรมชาติ จึงไม่มีบิดามารดา ทว่ามีความทรงจำของทั้งสามชาติภพ
ร่างกายก็มีคุณสมบัติพิเศษเช่นนี้ รับรู้ความเจ็บปวดได้น้อยนิด หลังจากร่อนเร่อยู่ในแดนอสุรามานานหลายปีก็ได้พบกับอวิ๋นเยียนหลีที่พลัดหลงร่วงหล่นมายังที่นี่เข้า กลายเป็นเครื่องมือในการฝึกฝนบำเพ็ญวิชามารของอวิ๋นเยียนหลี…
ครั้งนี้ที่ตี้ฝูอีทรมานนาง นางก็เจ็บปวด แต่ว่ารับไหวทั้งสิ้น แค่เสแสร้งแสดงว่าทนรับไม่ไหวเท่านั้น…
นางนึกว่าการเสแสร้งของตนสมจริงอย่างยิ่ง เรียกได้ว่ามิดชิดไร้รอยต่อ กลับคาดไม่ถึงว่าตี้ฝูอีจะมองออกนานแล้ว…
“ถ้าคิดจะโป้ปดให้ผู้อื่นเชื่ออย่างสนิทใจ ก็ต้องแฝงความจริงส่วนใหญ่เอาไว้ในคำพูดด้วย ดังนั้นเปิ่นจวินจึงเชื่อคำพูดที่เจ้าบอกว่าต้องใช้โลหิตหัวใจของเจ้าถึงจะล่อจระเข้ที่เจาะจงออกมาได้ แต่เปิ่นจวินรู้ว่าเจ้าจะต้องเล่นเล่ห์แน่ เลยตามหาสถานที่ที่เจ้าต้องการจะเล่นเล่ห์มาโดยตลอด…”
อวิ๋นชิงหลัวเงียบงันไปแล้ว ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ยังคงน่ากลัวเช่นที่แล้วมา! ความสามารถในการวิเคราะห์หาเหตุผลช่างแข็งแกร่งจนทำให้คนตกตะลึงได้
————————————————————————————-
บทที่ 2398 ใครเล่นงานใครกันแน่ 3
“จวบจนมาถึงบึงพิษ เปิ่นจวินถึงได้เรียบเรียงเรื่องราวส่วนใหญ่อยู่ในใจได้แล้ว ด้วยวรยุทธ์ของเจ้า เป็นไปไม่ได้ที่จะมายังบึงแห่งนี้คนเดียวแล้วจับจระเข้มาหลอมกู่ด้วยตัวเอง ดังนั้นข้างกายเจ้าจะต้องมีผู้ช่วยที่แข็งแกร่งยิ่งนักเป็นแน่ ผู้ช่วยคนนี้ของเจ้าคืออวิ๋นเยียนหลีใช่หรือไม่?”
“ใช่! เป็นเขากับลูกน้องของเขาที่ช่วยเหลือข้า”
แววตาอวิ๋นชิงหลัววูบไหว ยอมรับอย่างรวดเร็ว
ตี้ฝูอีกระตุกยิ้มแวบหนึ่ง
“ยังจะโป้ปดอีกรึ?! เจ้ามาถึงแดนอสุราแห่งนี้ก่อนอวิ๋นเยียนหลีร้อยปี ตอนที่เขายังไม่มา เจ้าก็เริ่มฝึกฝนศาสตร์มาร สร้างชื่อลือชาในแดนอสุราแล้ว เพียงแต่เจ้าไม่เคยเผยโฉมหน้าที่แท้จริงเลย คอยบงการอยู่หลังม่าน หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ วิชามารที่อวิ๋นเยียนหลีใช้เพื่อดูดพลังวิญญาณจากสิ่งมีชีวิตในแดนอสุราแห่งนี้ก็เป็นเจ้าที่สอนให้เขา ใช่หรือไม่?”
อวิ๋นชิงหลัวพูดไม่ออกแล้ว
แววตระหนกพาดผ่านนัยน์ตานางแวบหนึ่ง ถึงแม้จะแค่แวบเดียว แต่ก็ไม่รอดพ้นสายตาของตี้ฝูอี
เขารู้ว่าตนเดาถูกแล้ว!
เบื้องหลังอวิ๋นชิงหลัวน่าจะมีตัวการใหญ่อีกคนอยู่จริงๆ เพียงแต่คนผู้นั้นซ่อนตัวอยู่ลึกยิ่งนัก เขายังสืบสาวหาเบาะแสของอีกฝ่ายไม่ได้เลยสักนิด
“ท่าน…ในเมื่อท่านสังเกตเห็นเรื่องพวกนี้แล้ว เช่นนั้น…เช่นนั้นเหตุใดยังกล้าควักหัวใจจระเข้ตัวนั้นออกมาให้ กู้ซีจิ่วใช้อีก? ท่าน…ท่านไม่เกรงว่าหัวใจนั้นจะมีพิษหรือ?”
อวิ๋นชิงหลัวยังไม่ยอมแพ้
ตี้ฝูอีตอบสียงเรียบ
“ถ้าหากข้าไม่มั่นใจเต็มที่ แล้วจะมอบให้นางใช้ได้อย่างไร? เจ้าคงจะไม่รู้ เปิ่นจวินเคยศึกษาเรื่องกู่พิษที่แฝงร่างอยู่ในตัวสัตว์พิษมาก่อน รู้ว่าชีวิตของสัตว์พิษประเภทนี้จะเชื่อมโยงกับกู่พิษ ตอนแรกเปิ่นจวินยังไม่แน่ใจเต็มที่ จนกระทั่งเจ้าใช้โลหิตหัวใจล่อจระเข้ตัวนี้ออกมา พอเห็นรูปร่างหน้าตาของมันแล้วข้าถึงได้มั่นใจอย่างสมบูรณ์”
“จระเข้ตัวนี้ได้ผสานรวมกับเอกลักษณ์ของกู่พิษอย่างสมบูรณ์แล้ว หัวใจของมันเป็นกระสายยาถอนพิษจริงๆ แต่จะต้องขับหนอนกู่ออกมาจากหัวใจของมันก่อน และหนอนกู่ที่อยู่ในหัวใจของมันก็เชื่อมต่อกับดวงใจกุมารีที่เจ้าหลอมขึ้นมา”
“มีแต่ต้องทำให้เจ้าใช้ดวงใจกุมารีควบคุมให้จระเข้คลุ้มคลั่งขึ้นมาอย่างสมบูรณ์โดยไม่แยแสสิ่งใดอีก เปิ่นจวินถึงจะสามารถใช้ค่ายกลขับหนอนกู่ออกมาจากหัวใจของมันได้ ทำให้ข้าสามารถใช้หัวใจดวงนั้นได้”
สีหน้าอวิ๋นชิงหลัวซีดเผือดดุจกระดาษ นางทราบความร้ายกาจของจระเข้ตัวนี้ดี เมื่อก่อนนึกว่าต่อให้ล่อมันออกมาแล้ว พวกตี้ฝูอีก็ทำอันใดมันไม่ได้อยู่ดี
ถึงอย่างไรปีนั้นอวิ๋นเยียนหลีก็คิดจะใช้จระเข้ตัวนี้มาข่มขู่นางเช่นกัน เคยนำพลยอดฝีมือผู้เลิศล้ำกว่าร้อยคนมาดักจับด้วยตัวเอง ผลคือเขาต้องกลับไปมือเปล่า ยอดฝีมือกว่าร้อยคนก็สิ้นชีพอยู่ที่นี่เกือบทั้งหมด
ยามนั้นวรยุทธ์ของอวิ๋นเยียนหลีอยู่ในชั้นซ่างเซียนแล้ว สมุนเหล่านั้นของเขาก็บรรลุขั้นจินเซียนแล้ว มาที่นี่ยังได้รับความเสียหายมากมายถึงเพียงนี้ นับประสาอะไรกับพวกตี้ฝูอีเล่า
ตอนนี้ระดับบำเพ็ญของตี้ฝูอีคือจินเซียนที่ใกล้บรรลุขั้นซ่างเซียนแล้ว จู๋ตู๋ชิงก็พอๆ กับตี้ฝูอี
ส่วนกู้ซีจิ่วไม่อาจใช้พลังวิญญาณได้ องครักษ์ตำหนักมารทั้งสองก็เป็นเพียงจินเซียนขั้นแรกเท่านั้น…
กลุ่มที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเช่นนี้ ไม่มีทางที่คนกลุ่มนี้จะสังหารจระเข้ตัวนี้ได้…
สิ่งที่นางคาดไม่ถึงคือ พวกตี้ฝูอีจะตั้งค่ายกลเช่นนี้ขึ้นมาได้ ไม่น่าเชื่อว่าเกือบจะสังหารจระเข้วงแหวนเงินได้แล้วจริงๆ!
นางเคยคิดแล้วว่าจระเข้จะตายก็ให้ตายไปเถิด อย่างมากนางก็แค่สูญเสียพลังชีวิตไปครึ่งหนึ่งเท่านั้น
แต่ตี้ฝูอีดีต่อกู้ซีจิ่วเช่นนั้นต่อหน้านาง…
เรื่องนี้ทำให้เพลิงริษยาในใจนางลุกโหมเพิ่มพูนขึ้นมา อยากลากกู้ซีจิ่วลงหลุมไปด้วยกันจนแทบทนไม่ไหวแล้ว ดังนั้นเมื่อนางเห็นว่าจระเข้กำลังจะพ่ายแพ้ จึงตัดสินใจในทันใด ใช้ดวงใจกุมารีควบคุมจระเข้ให้บ้าคลั่ง…
ถึงได้ติดกับตี้ฝูอีเข้า
อันที่จริงก่อนหน้านี้ที่ดูคล้ายว่านางหลับตาทำสมาธิอยู่ ความจริงได้เริ่มควบคุมดวงใจกุมารีแล้ว…
ก่อนที่หนอนกู่ในหัวใจของจระเข้จะถูกขับออกมา อวิ๋นชิงหลัวไม่อาจเกิดเหตุเหนือความคาดหมายได้ มิเช่นนั้นความพยายามก่อนหน้านี้จะสูญเปล่า ดังนั้นตี้ฝูอีถึงได้ใส่ใจความปลอดภัยของนางเช่นนี้…