ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2399 ใครเล่นงานใครกันแน่ 4 / บทที่ 2400 ใครเล่นงานใครกันแน่ 5
บทที่ 2399 ใครเล่นงานใครกันแน่ 4
เดิมทีแล้วไม่ว่าจระเข้วงแหวนเงินตัวนั้นจะฝึกฝนบำเพ็ญอย่างไรก็ไม่อาจเป็นสีแดงฉานเช่นนี้ได้ เป็นเพราะผลกระทบจากหนอนกู่ตัวนั้น พันธุกรรมของมันจึงกลายพันธุ์ไป เปลี่ยนเป็นใหญ่โตมโหฬารขนาดนี้ สีสันก็พิสดารเช่นนี้
มารดาของตี้ฝูอีเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้พิษ อีกทั้งมีบิดาเป็นมหาเทพ ความรู้ลึกซึ้งกว้างขวาง ก่อนที่ตี้ฝูอีจะมายังแดนอสุรา พวกเสินจิ่วหลีสามีภรรยาเคยประสิทธิ์ประสาทความรู้เกี่ยวกับสัตว์พิษบางส่วนให้เขาแล้ว มุ่งเน้นไปที่สัตว์พิษของแดนอสุราโดยเฉพาะ
ได้อธิบายถึงลักษณะพิเศษของจระเข้วงแหวนเงินชนิดนี้เอาไว้ด้วย
ดังนั้นหลังจากตี้ฝูอีเห็นจระเข้ตัวนี้ ก็ทราบแล้วว่ามันคือสัตว์กู่ตัวหนึ่ง…
ต่อมาถึงได้วางแผนการเช่นนี้ขึ้นมา
พวกหวาเฉียนจวิ้นทั้งสองนึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องราวภายในจะซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากขนาดนี้ ทึ่มทื่อกันไปพักหนึ่ง!
หวาเฉียนจวิ้นมองหนอนกู่ที่ตั้งหน้าตั้งตากัดแทะดวงใจกุมารีอยู่ หนอนกู่ตัวนั้นราวกับงูตะกละ ช่วงที่พูดคุยกันอยู่มันได้กัดกินดวงใจกุมารีไปพอสมควรแล้ว
อวิ๋นชิงหลัวคิดจะดิ้นรนออกมายับยั้งอยู่หลายครั้ง ล้วนแต่ล้มเหลว
ครั้งนี้นางเจ็บปวดสุดขีดจริงๆ หยาดเหงื่อบนหน้าผากขนาดเท่าเม็ดถั่ว สีหน้าซีดเซียวจนเริ่มเขียวแล้ว ร่างกายกระตุกไม่หยุด
หวาเฉียนจวิ้นทนไม่ไหว ตัดสินใจในทันใด หมายจะฟาดฝ่ามือเพื่อฟันหนอนกู่ตัวนั้น!
เป็นหนอนกู่ตัวนี้ที่ทำให้องค์หญิงต้องเจ็บปวดเช่นนี้ บางทีถ้าฟันมันตายเสียก็คงจบเรื่องแล้ว
เมื่อเห็นว่าฝ่ามือนี้ของเขากำลังจะฟาดฟันลงบนร่างของหนอนกู่ ตี้ฝูอีพลันปล่อยลำแสงสีรุ้งสายหนึ่งออกมา สกัดฝ่ามือนั้นของเขา ขัดขวางเขาไว้
หวาเฉียนจวิ้นเซถอยไปสองก้าวแล้วคุกเข่าลงเสียงดังตึง
“องค์ราชัน ขอพระองค์ทรงเห็นแก่ที่นางเคยเป็นพระขนิษฐาที่พระองค์ทรงโปรดปรานเอ็นดูที่สุด ไว้ชีวิตนาง ช่วยเหลือนาง…กำจัดกู่ตัวนี้ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
ตี้ฝูอีมองเขาด้วยท่าทียิ้มมิเชิงยิ้ม
“นี่เจ้ากำลังกดดันเปิ่นจวินงั้นรึ?”
หวาเฉียนจวิ้นโขกศีรษะติดๆ กัน
“กระหม่อมมิกล้า! กระหม่อมเพียงอยากขอให้องค์ราชันทรงช่วยเหลือนาง…”
ตี้ฝูอีเอ่ยขึ้นมาช้าๆ
“หวาเฉียนจวิ้น เจ้าเคยเป็นนักเลงใหญ่ของอาณาจักรมาร ตอนนั้นเจ้ายอมหักไม่ยอมงอ เดิมทีเปิ่นจวินคิดจะกำจัดเจ้าทิ้ง เป็นอวิ๋นชิงหลัวที่เกลี้ยกล่อมให้ข้าไว้ชีวิตเจ้า พูดหว่านล้อมให้เจ้ายอมสวามิภักดิ์ต่อข้า จนยอมจำนนแล้วมาช่วยเปิ่นจวินรวบรวมอาณาจักรมารให้เป็นปึกแผ่นสร้างคุณงามความชอบนับไม่ถ้วน ด้วยเหตุนี้เปิ่นจวินไว้ใจเจ้าให้ค่าเจ้า เปิ่นจวินรู้ว่าเจ้าซาบซึ้งในพระคุณที่นางช่วยชีวิต ดังนั้นปกติแล้วเจ้าจึงโอนอ่อนให้นางตามใจนาง บางครั้งก็นำข่าวของเปิ่นจวินไปถ่ายทอดต่อนาง เปิ่นจวินทำเป็นหลับตาข้างลืมตาข้างมาโดยตลอด แต่เจ้ากลับทรยศเปิ่นจวินเพื่อนาง…”
พอเอ่ยมาถึงประโยคสุดท้ายสุ้มเสียงพลันเยียบเย็น อำนาจบนร่างสะกดข่มผู้คน
หวาเฉียนจวิ้นหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบท่วมร่าง เขาย่อมทราบดีว่ายั่วยุให้ท่านราชันมารผู้นี้โกรธกริ้วเข้าแล้ว แต่ว่า…
เขาทำได้เพียงพยายามโขกศีรษะอย่างสุดชีวิต โขกจนหน้าผากแตกหมดแล้ว
“องค์ราชันพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงมีบุญคุณที่ช่วยเกื้อหนุนกระหม่อม กระหม่อมทราบดีว่าทำเช่นนี้ผิดต่อพระองค์ แต่กระหม่อมละวางนางไม่ได้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ขอองค์ราชันทรงเห็นแก่ที่นางไม่ได้ก่อกรรมมหันต์อันใด…”
“มิได้ก่อกรรมมหันต์รึ?”
ตี้ฝูอีเอ่ยขัดเขา
“เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าดวงใจกุมารีมาจากไหน?”
หวาเฉียนจวิ้นงงงันปานน้ำเข้าสมอง
“มะ…มาจากไหนพ่ะย่ะค่ะ?”
“ดวงใจกุมารีของนางหลอมจากหัวใจของดรุณีวัยแรกรุ่นเก้าร้อยเก้าสิบเก้าคน ดรุณีเหล่านี้ถูกทรมานจนตายด้วยวิธีการพิเศษ เพียงเพื่อจะเก็บไอพยาบาทตอนที่พวกนางสิ้นชีพ…”
หวาเฉียนจวิ้นตกตะลึง…
ถึงแม้เขาจะเป็นมาร ก็ยากจะจินตนาการถึงพฤติกรรมเช่นนี้ของอวิ๋นชิงหลัวได้
ในใจเขาอวิ๋นชิงหลัวเป็นคนอ่อนโยนมีเมตตามาโดยตลอด เป็นประเภทที่แม้แต่กระต่ายก็หักใจทำร้ายไม่ลง กลับนึกไม่ถึงเลยว่านางจะกระทำเรื่องที่ชวนให้คนเดือดดาลเช่นนี้ออกมาได้…
องครักษ์จินขมวดคิ้วแน่น ถึงแม้พวกเขาจะเป็นมาร แต่พฤติกรรมก็ยังคงตรงไปตรงมายิ่งนัก รังเกียจและขยะแขยงคนสับปลับที่หน้าซื่อใจคดเป็นที่สุด
และอวิ๋นชิงหลัวก็เป็นตัวเต็งในด้านนี้พอดี!
….
————————————————————————————-
บทที่ 2400 ใครเล่นงานใครกันแน่ 5
ก่อนที่องครักษ์เหล่านี้จะมาติดตามตี้ฝูอี ล้วนเป็นคนที่มีฐานะยิ่งใหญ่ของอาณาจักร มีความสามารถอย่างยิ่ง เป็นตัวตนที่สามารถเรียกลมเรียกฝนได้ของอาณาจักรมารเช่นกัน ช่องทางข่าวสารของพวกเขาย่อมฉับไวอย่างยิ่ง
พอตี้ฝูอีวิเคราะห์ออกมาเช่นนี้ จู่ๆ องครักษ์จินก็นึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
เมื่อสองร้อยสิบปีก่อนเคยเกิดคดีใหญ่ที่สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วแดนอสุรา
ยามนั้นเกิดคดีใหญ่ขึ้นมาพร้อมกัน สตรีกว่าพันคนทยอยหายตัวไป ฐานะของสตรีเหล่านี้บ้างก็มั่งมีบ้างก็ยากจน รุปโฉมบ้างก็งดงามบ้างก็อัปลักษณ์ แต่มีจุดร่วมกันอยู่สองอย่างคือ หนึ่ง ล้วนอยู่ในช่วงอายุสิบสี่ปี สอง ในชื่อจะมีคำว่าซีหรือไม่ก็จิ่วอยู่…
ต่อมาได้พบตัวสตรีเหล่านี้ในห้องใต้ดินแห่งหนึ่ง ล้วนสิ้นชีพกันหมดแล้ว ตายอย่างน่าเวทนายิ่ง ทุกคนล้วนถูกเลาะเอ็นถลกหนังควักหัวใจ!
ทำให้เหล่าผู้คนที่ล้อมวงมุงดูในเวลานั้นล้วนสะอิดสะเอียนหัวใจหนาวยะเยือก
คดีนี้ตามจับตัวคนร้ายไม่ได้มาโดยตลอด ถูกยกให้เป็นคดีความที่ไม่อาจไขได้อันดับหนึ่งของแดนอสุรา ทุกคนต่างคาดเดากันมาตลอดว่าเป็นฆาตกรโรคจิตที่โฉดชั่วคนใดถึงได้สังหารคนอย่างโหดเหี้ยม อาณาจักรมารจึงต้องกลายเป็นแพะรับบาปเพราะเรื่องนี้อยู่หลายร้อยปี…
กลับนึกไม่ถึงเลยว่าคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังจะเป็นโฉมงามที่ดูอ่อนหวานบอบบางเช่นนี้
เขามองไปที่หวาเฉียนจวิ้น ถ้าหากเขาจำไม่ผิดล่ะก็ บรรดาผู้ที่เสียชีวิตในปีนั้นมีญาติของหวาเฉียนจวิ้นอยู่คนหนึ่งด้วย เป็นหลานสาวตัวน้อยที่เขาเอื้อเอ็นดูยิ่งนัก…
เนื่องจากบุตรสาวต้องประสบเคราะห์กรรมเช่นนี้ ยามนั้นน้องชายของเขาจึงได้รับความสะเทือนใจจนกลายเป็นบ้า
เช่นเดียวกับพ่อแม่ของเด็กสาวคนอื่นๆ ที่หายตัวไป ตระเวนไปทั่วสารทิศเพื่อตามหาตัวฆาตกร
ผลคือสิ้นชีพอย่างไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน ตอนที่ถูกพบโลหิตทั้งร่างล้วนถูกสูบออกไปหมด แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวและโกรธแค้น…ทำให้คนรู้สึกขนลุก
สายตาที่องครักษ์จินมองอวิ๋นชิงหลัวเสมือนมองคนบ้าผู้หนึ่ง!
“ที่แท้มารคลั่งถลกหนังในปีนั้นก็คือเจ้า! เหล่าหวา ปีนั้นเจ้าสาบานไว้ว่าจะตามล่าฆาตกรในคดีนี้ สับเป็นหมื่นชิ้นพันชิ้นเพื่อล้างแค้นให้น้องชายกับหลานสาวนี่”
สีหน้าท่าทางของหวาเฉียนจวิ้นยากจะบรรยายออกมาได้ สายตาที่มองอวิ๋นชิงหลัวเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ย่วนย่วน เจ้าคือมารร้ายถลกหนังในตอนนั้นจริงๆ หรือ?”
เขาอยากได้ยินนางพูดออกมาเอง! แม้ว่านางจะโป้ปดไม่ยอมรับก็ตาม…
ทว่าอวิ๋นชิงหลัวกลับค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา บนดวงหน้าเฉิดฉันที่เผือดซีดปรากฏรอยยิ้มขึ้น เอ่ยเสียงแผ่ว
“รู้หรือไม่ว่าครอบครัวของเด็กสาวเหล่านั้นสิ้นชีพลงอย่างไร? พวกเขาสิ้นชีพไปด้วยความกลัว! ปีนั้นตอนที่ข้าเอาเด็กสาวพวกนั้นมาหลอมได้สร้างห้องลับแบบพิเศษห้องหนึ่งขึ้นมา ในห้องลับนั้นติดตั้งอุปกรณ์พิเศษสำหรับเก็บภาพบันทึกเสียง ขั้นตอนทุกอย่างในการรทรมานหลอมกลั่นเด็กสาวเหล่านั้นล้วนถูกบันทึกไว้บนผนังอีกฟากหนึ่ง…”
บัดนี้หนอนกู่ตัวนั้นกัดกินดวงใจกุมารีไปหมดแล้ว กำลังคืบคลานขึ้นไปตามรอยเลือดบนพื้นไต่ขึ้นไปบนร่างอวิ๋นชิงหลัว…
อวิ๋นชิงหลัวคล้ายจะมองไม่เห็น หลังจากหอบหายใจอยู่ไม่กี่ครา ก็หัวเราะเบาๆ อีกครั้ง
“หลังจากข้าจับตัวคนในครอบครัวของเด็กสาวเหล่านั้นได้ก็จะเอาไปขังไว้ในห้องลับห้องนั้น มัดไว้บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง เปิดอุปกรณ์บนผนัง ฉายภาพตอนที่บุตรสาวของพวกเขาถูกทรมาน…จากนั้นก็ใช้มีดบางๆ กรีดข้อมือของพวกเขาปล่อยให้โลหิตไหลออกไปทีละนิดๆ…”
“หุบปาก! หุบปากซะ! เจ้ามันวิปริต!”
ร่างหวาเฉียนจวิ้นสั่นเทิ้ม กำหมัดแน่น เส้นเลือดบนหลังมือปูดโปน ราวกับหมัดเขาจะถูกเหวี่ยงออกไปในวินาทีต่อไป
เพียงแต่อวิ๋นชิงหลัวยังคงราดน้ำมันลงบนกองไฟต่อ “นี่ตามสถานการณ์ปกติแล้ว พวกเขายืนหยัดอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งคืนก็จะหวาดผวาและโมโหจนตาย โลหิตในกายก็จะถูกปล่อยออกไปจนหมดเกลี้ยง เจ้ารู้ไหม ถ้าสังหารคนมากๆ ทรมานคนจนตาย บนร่างจะมีไอพยาบาทตามพัวพัน ถ้าเอาโลหิตของพวกเขามาอาบ จะสามารถชำระล้างไอพยาบาทบนตัวข้าที่บุตรสาวของพวกเขาสาปแช่งเอาไว้ก่อนตายได้ ได้ผลดียิ่ง และหลังจากใช้วิธีนี้แล้ว ไอพยาบาทวิญญาณอาฆาตของเด็กสาวที่สิ้นชีพเหล่านั้นจะเพิ่มพูนขึ้น ข้าเอามันมาหลอมกลั่นดวงใจกุมารีให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น ทรงพลังมากยิ่งขึ้น!”