ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2405 ตามหา / บทที่ 2406 ตามหา 2
บทที่ 2405 ตามหา
ถ้าต้องการเข้าฝันนาง ก็ต้องรอให้นางหลับ
แต่นางจะหลับเมื่อไหร่กันล่ะ?
การหลอมโอสถสิ้นเปลืองพลังวิญญาณอย่างยิ่ง หลังหลอมเสร็จนางคงจะพักผ่อนกระมัง?
หากเป็นเมื่อก่อนตอนจะเข้าฝันนาง เขาจะเฝ้ามองให้นางหลับก่อนแล้วค่อยเข้าฝันไปผ่อนคลายสักหน่อย แต่ตอนนี้เขาติดอยู่ในความฝัน ไม่รู้สถานการณ์ด้านนอกเลย
และวิชาเข้าฝันก็สิ้นเปลืองพลังวิญญาณมาก ดังนั้นต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งอย่างเขา ก็ไม่กล้าใช้ส่งเดช…
เขาใช้พลังวิญญาณฝืนสะกดควบคุมคลื่นกำหนัดที่ถาโถมปั่นป่วนอยู่ในร่างเอาไว้ พลางคำนวณเวลาไปด้วย รู้สึกว่านางน่าจะใกล้นอนหลับแล้ว ถึงได้ใช้วิชาเข้าฝัน…
ผลคือ เขาพบว่าเขาถูกกังขังไว้ในห้วงมายาผีสางแห่งนี้ ไปเข้าฝันนางไม่ได้เลย…
เขานั่งอยู่ตรงนั้น มองดูทิวทัศน์รอบข้างที่งดงามดุจภาพวาด เหงื่อเย็นเฉียบไหลลงมา
ครั้งนี้ เกรงว่าเขาคงจะหนีไม่พ้นเคราะห์แล้วจริงๆ…
ขณะที่เหม่อลอยอยู่ คล้ายมีเสียงหนึ่งแว่วดังขึ้นข้างหู
‘ท่านสำนึกเสียใจหรือไม่? อันที่จริงอวิ๋นชิงหลัวพูดถูกแล้ว ถ้าท่านมีอะไรกับนางในห้วงมายานี้ คนนอกก็จะไม่ทราบเรื่อง เหตุใดท่านต้องฝืนทนด้วยเล่า? หากว่าท่านสำนึกเสียใจ ก็ปล่อยอวิ๋นชิงหลัวออกมาเถิด…’
แผ่นหลังตี้ฝูอีเหยียดเกร็งนิดๆ
“ผู้ใด? ไสหัวออกมา!”
ในมิตินี้ยังมีคนอื่นด้วยหรือ?
ไม่มีใครตอบเขา เขาก็สัมผัสถึงการมีอยู่ของคนผู้นั้นไม่ได้เช่นกัน
แต่เสียงนั้นจะแว่วขึ้นริมหูเขาทุกๆ สองสามนาที คล้ายเสียงมารที่แว่วสู่สมองราวกับถ้าพูดให้ตี้ฝูอีหวั่นไหวไม่ได้ก็จะไม่ยอมเลิกรา…
“เปิ่นจวินไม่เคยกระทำเรื่องที่ต้องนึกเสียใจภายหลัง”
ในที่สุดตี้ฝูอีก็เอ่ยขึ้นมา น้ำเสียงสุขุมเยือกเย็น
“เปิ่นจวินจะปล่อยนางออกมาก็ได้ แต่จะใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมที่สุดมาทรมานให้ดวงวิญญาณนางแตกสลาย! เจ้ารู้ไหม ยามที่คนเราไม่สามารถเติมเต็มความปรารถนาได้ก็สามารถใช้วิธีทรมานคนอื่นมาเบี่ยงเบนความสนใจได้…”
เสียงนั้นเงียบไปแล้ว ในที่สุดมันก็หุบปากแล้ว!
ทว่าตี้ฝูอีคล้ายจะตระหนักอะไรได้แล้ว จึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”
เสียงนั้นไม่ตอบโต้
“หากเจ้าไม่พูด เปิ่นจวินจะลากอวิ๋นชิงหลัวออกมา แล้วเชือดนางตรงนี้!”
สุ้มเสียงนั้นดุจหุ่นยนต์
‘นางจะเป็นหรือตายก็ไม่เกี่ยวกับข้า ท่านสามารถจัดการนางได้ตามสบายเลย’
ทีแรกตี้ฝูอีนึกว่าเสียงนั้นเป็นกลไกอันใดที่อวิ๋นชิงหลัวติดตั้งเอาไว้ ใช้ถ่ายทอดคำพูดของผู้เป็นนาย ตอนนี้เห็นทีว่าจะมิใช่แล้ว…
เขาถามต่อเนื่องกันอีกหลายคำถาม จนปัญญาที่เสียงนั้นเสมือนไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ไม่ว่าเขาจะข่มขู่อย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่ปริปากออกมาอีกเลยสักประโยค
ราวกับหน้าที่ในการปรากฏตัวของมันก็คือถามว่าตี้ฝูอีสำนึกเสียใจหรือไม่? พอได้รับคำตอบไปแล้วก็ไม่ปรากฏตัวขึ้นมาอีกเลย…
ในมิติที่กว้างใหญ่นี้มีเพียงตัวเขา
ประสาทสัมผัสในร่างกายเฉียบไวขึ้นเรื่อยๆ ตี้ฝูอีหลับตาลงเล็กน้อย เป็นครั้งแรกที่มีความสิ้นหวังเอ่อล้นขึ้นมาในหัวใจ…
เงาร่างของกู้ซีจิ่วแวบขึ้นมาเบื้องหน้า เขากำหมัดแน่น เขายังไม่ได้อธิบายกับนางให้ชัดเจนเลย ยังไม่ได้บอกให้นางรู้เลยว่าเขารักเพียงนาง ไม่เคยมีคนอื่น…
หากไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย เมื่อนางออกมาจากห้องหลอมจะเห็นเขาและอวิ๋นชิงหลัวที่หลับใหลอยู่…
ด้วยนิสัยของนางแล้วนางจะต้องรู้สึกอึดอัดไม่อยากรบกวน อาจจะพูดคุยกับองครักษ์ทั้งสองของเขานิดหน่อย แล้วนางกับจู๋ตู๋ชิงก็จะจากไป ไม่ย้อนกลับมาอีก…
ถ้าพูดให้ดีหน่อยล่ะก็ ต่อให้นางพบว่าเขาผิดปกติแล้วจะทำอย่างไรได้เล่า? ด้วยวรยุทธ์ของนางในตอนนี้ใช้วิชาเข้าฝันไม่ได้ ต่อให้ใช้ได้นางก็เข้ามาไม่ได้อยู่ดี…
….
ตี้ฝูอียังคงรู้จักกู้ซีจิ่วดียิ่งนัก ในที่สุดเธอก็หลอมโอสถเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อหลอมโอสถเม็ดนั้นสำเร็จเธอก็ถอนหายใจยาวๆ ด้วยความโล่งอก
เดิมทีคิดจะกินเข้าไปเลย ต่อมาใคร่ครวญดูเล็กน้อย รู้สึกว่าตี้ฝูอีทุ่มเทกายใจเพื่อเรื่องนี้ เสียค่าตอบแทนไปมากมาย ตามหลักคุณธรรมและเหตุผลแล้วเธอควรจะนำยาลูกกลอนเม็ดนี้ไปให้เขาดูเสียหน่อย
ด้วยเหตุนี้ เธอเลยถือยาลูกกลอนเม็ดนั้นแล้วเคาะผนังกระท่อม ยาวสามสั้นสอง เป็นสัญญาณว่าเธอหลอมสำเร็จแล้วต้องการออกไป
————————————————————————————-
บทที่ 2406 ตามหา 2
กระท่อมไผ่หลังนี้มีจิตสัมผัสของจู๋ตู๋ชิง เขาจึงรีบมาเปิดกระท่อมไผ่หลังนี้ทันที
เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วค่อยๆ ก้าวออกมา เขาก็ยิ้มน้อยๆ
“อาจารย์ ยินดีด้วยที่หลอมยาสำเร็จ!”
ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะอ่อนล้ายิ่งนัก แต่จิตใจกลับแจ่มใสดี
“คนอื่นล่ะ?”
จู๋ตู๋ชิงร้องเฮอะคราหนึ่ง
“ตี้ฝูอีกำลังนั่งสมาธิฟื้นฟูอยู่ อวิ๋นชิงหลัวบาดเจ็บ องครักษ์ทั้งสองของนางกำลังเฝ้านางอยู่ พักผ่อนกันอยู่ตรงนั้นไง”
จุดที่ตี้ฝูอีนั่งสมาธิอยู่ไม่ไกลจากกระท่อมไผ่เลย ดังนั้นกู้ซีจิ่วเดินไปไม่กี่ก้าวก็มองเห็นเขาแล้ว
เขานั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น ดวงตาปิดพริ้ม ดูราวกับพุทธองค์ นิ่งสงบปานขุนเขา
ลมหายใจกู้ซีจิ่วขาดห้วงไปเล็กน้อย ตี้ฝูอีที่เป็นเช่นนี้ทำให้เธอใจสั่นได้เสมอ ราวกับในอดีตกาลเมื่อนานมาแล้วได้พบเห็นเขาในลักษณะเช่นนี้มาก่อน
เธอละสายตาไปทันที มองยาลูกกลอนในมือตัดสินใจว่าจะไม่รบกวนเขาแล้ว
คนที่เข้าสู่ห้วงสมาธิไม่สามารถไปรบกวนได้ มิเช่นนั้นจะถูกธาตุไฟเข้าแทรกได้ง่ายๆ…
จู๋ตู๋ชิงติดตามอยู่ข้างกายนางตลอด มองยาลูกกลอนในมือนาง
“นี่คือยาถอนพิษที่เพิ่งหลอมเสร็จใช่ไหม สิ่งนี้…ไม่รู้ว่าสรรพคุณจะเป็นอย่างไร อยากให้ปลุกอวิ๋นชิงหลัวขึ้นมาดูหน่อยไหม?”
“ไม่ต้องหรอก ข้ามีความคิดอยู่ในใจแล้ว”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า เรื่องนี้เธอยังมั่นใจในตัวเองอยู่
และเธอก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับอวิ๋นชิงหลัวแล้ว
เธอให้จู๋ตู๋ชิงรับหน้าที่คุ้มกันเธอ หาจุดที่เงียบสงบสักแห่งแล้วกินยาเข้าไป โคจรพลังยุทธ์ละลายยาอยู่ครึ่งชั่วยาม จากนั้นก็ลืมตาแล้วสำรวจร่างกายดูเล็กน้อย รู้สึกยินดีเมื่อพบว่าในที่สุดพิษในร่างเธอก็ถูกถอนออกไปแล้ว!
เธอถอนหายใจเหยียดยาวอย่างโล่งอก
แล้วลุกขึ้นมาทันที
“ข้าหายแล้ว!”
น้ำเสียงหนักแน่นทรงพลัง แทบจะได้ยินกันทั่วห้องโถง
จู๋ตู๋ชิงย่อมกล่าวแสดงความยินดีกับเธอ กู้ซีจิ่วตอบรับอย่างสงบ
องครักษ์จินกับองครักษ์หวาได้ยินเสียงจึงเดินมาหา และเอ่ยแสดงความยินดีกับเธอ กู้ซีจิ่วยิ้มน้อยๆ พยักหน้าแล้วเอ่ยขอบคุณ
เนื่องจากก่อนหน้านี้ได้ร่วมกันเป็นอย่างดี เธอจึงมีความประทับใจอันดีต่อองครักษ์สองคนนี้ยิ่งนัก
องครักษ์จินกับองครักษ์หวาเนื่องจากพะวงถึงหน้าที่คุ้มกันอวิ๋นชิงหลัว จึงไม่กล้ารั้งอยู่ตรงนี้นาน หลังจากเจรจากับกู้ซีจิ่วสองสามประโยคก็รีบกลับไปยังจุดเดิม
พวกเขาไม่ใช่คนชอบพูด องค์ราชันย์ก็อยู่ไม่ไกล เรื่องคำอธิบายสมควรให้องค์ราชันย์อธิบายด้วยตัวเองจะดีกว่า ถ้าต้องการให้พวกเขาออกหน้าเดี๋ยวค่อยมาเสนอหน้าก็ได้
องค์ราชันย์กระทำการลึกลับซับซ้อนเสมอมา ต่อให้เป็นพวกเขา ก็คาดเดาความคิดเขาไม่ออก ไม่กล้าออกโรงวุ่นวายโดยพลการ เลี่ยงไม่ทำให้องค์ราชันย์เสียเรื่องเข้า
“อาจารย์ซีจิ่ว ในเมื่อท่านถอนพิษได้แล้ว เช่นนั้นพวกเราก็ไปกันเลยไหม? สถานที่แห่งนี้ไม่ควรรั้งอยู่นาน”
จู๋ตู๋ชิงออกความเห็น
กู้ซีจิ่วมองไปทางตี้ฝูอีแวบหนึ่ง พบว่าเขายังคงนั่งสมาธิอยู่ตรงนั้น ไม่มีทีท่าว่าจะยกเปลือกตาขึ้นเลยด้วยซ้ำ
การแยกจากพลัดพรากเป็นเรื่องที่ไม่อาจเลี่ยงได้ ไม่ว่าเขาจะตื่นหรืออยู่ในห้วงสมาธิก็ไม่มีอะไรแตกต่าง
กู้ซีจิ่วคิดดูเล็กน้อย ตัดสินใจไม่รบกวนตี้ฝูอีแล้ว เรียกองครักษ์จินมาเสียเลย บอกเขาว่าตนต้องการจะไปแล้ว องครักษ์จินค่อนข้างร้อนรนแล้ว
“แม่นางกู้ ท่านรอให้องค์ราชันย์ของพวกเราตื่นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยจากไปได้หรือไม่? พระองค์เป็นห่วงท่านมากจริงๆ อย่างน้อยก็ให้พระองค์ได้เห็นเถิดว่าพิษในร่างท่านคลี่คลายแล้ว…”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้าเล็กน้อย
“ไม่ต้องหรอก เจ้าบอกกับเขาก็ไม่ต่างกันหรอก ข้ายังมีเรื่องอื่นต้องไปจัดการอีก โอ้เอ้อยู่นานไม่ได้ พอเขาตื่นก็บอกเขาแล้วกัน บุญคุณในวันนี้ข้าจะหาทางตอบแทนเขาในวันหน้า”
จากนั้นเธอก็หยิบขวดยาจำนวนหนึ่งออกมายื่นให้องครักษ์จิน
“โอสถเหล่านี้ล้วนเป็นยาแก้พิษครอบจักรวาล ขอเพียงมิใช่พิษที่พิเศษเจาะจงยิ่งนัก ล้วนสามารถถอนพิษส่วนใหญ่ได้ทั้งหมด ขอมอบสิ่งนี้ให้เจ้าทั้งสองเป็นของขวัญขอบคุณ”