ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2558 ฉากงานวิวาห์ 3 / บทที่ 2559 ฉากงานวิวาห์ 4
บทที่ 2558 ฉากงานวิวาห์ 3
“แค่จวนหลังเดียวเท่านั้น ไม่มีค่าอันใดเลย”
อวิ๋นเยียนหลีหนักแน่นดุจขุนเขา รัดเอวคุนเสวี่ยอี๋ไว้แน่น
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเข้าพิธีสมรสให้เสร็จสิ้นก่อน!”
เขาพลันยกแขนเสื้อขึ้น พลุสายหนึ่งลอยขึ้นสู่นภา ระเบิดออกกลางฟ้า คล้ายจะแสดงสัญญาณลับอัดใด
“ทุกคนอย่าตระหนก! ยืนที่เดิมดีๆ ถ้าก่อความวุ่นวายอีกจะสังหารโดยไม่ละเว้น!”
เสียงของเจ้าวังน้อยแว่วมาไกลๆ
“ท่านเจ้าเมืองมีเรื่องจะพูด”
เสียงนี้มีผลลัพธ์อย่างน่าตะลึงยิ่ง ประกอบกับหน่วยลับที่แฝงอยู่ในซุ้มม่านด้านล่างทยอยออกโรงแล้ว ปราบปรามจลาจลอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่สับสนอลหม่านจึงสงบลง
คุนเสวี่ยอี๋ขมวดคิ้ว มองไปทางทิศเหนือ…
ตรงนั้นยังคงมีเพลิงลุกโชนอยู่ รูปสลักหยกนั้นยังถูกมัดไว้บนเสาต้นนั้น คล้ายว่าทุกอย่างจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย…
ความเปลี่ยนแปลงอย่างเดียวคือ จู่ๆ ผู้คุ้มกันด้านล่างเวทีทั้งสองแห่งก็เพิ่มมากขึ้น ผู้คุ้มกันเหล่านี้สวมเกราะวาววับ องอาจดุดัน โอบล้อมเวทีทั้งสองเอาไว้อย่างหนาแน่นรัดกุม อย่าว่าแต่มือสังหารไม่อาจเข้าใกล้ได้เลย ต่อให้เป็นยุงลายสักตัวก็ไม่อาจเข้าไปได้เช่นกัน
ชัดเจนยิ่งนัก อวิ๋นเยียนหลีเตรียมการไว้นานแล้ว
ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาที ทั่วทั้งจัตุรัสราชธรรมก็กลับสู่ความสงบอีกครั้ง
อวิ๋นเยียนหลีโอบเอวคุนเสวี่ยอี๋เอาไว้ กวาดตามองไปด้านล่างเวทีรอบหนึ่ง ยิ้มน้อยๆ แล้วเอ่ยขึ้น
“ทุกท่านไม่จำเป็นต้องแตกตื่น จวนว่าการนั้นสร้างมานานนมแล้ว อันที่จริงข้าก็คิดจะทุบมันทิ้งเพื่อสร้างใหม่อยู่แล้ว ข้าผู้เป็นเจ้าเมืองแต่งภรรยาทั้งที ย่อมต้องสร้างคฤหาสน์หลังใหม่ให้นาง ตั้งใจสั่งให้คนระเบิดจวนเก่าทิ้งเสีย เจตนาทำลายของเดิมเพื่อสร้างขึ้นใหม่”
ฝูงชนมองหน้ากันเหลอหลา ที่แท้ท่านเจ้าเมืองก็ส่งคนไประเบิดจวนนั้นเองหรอกหรือ?
ถึงแม้ทุกคนจะเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่ในเมื่อท่านเจ้าเมืองออกปากเองเช่นนี้แล้ว
“ระเบิดจวนว่าการเพื่อสร้างใหม่ งานวิวาห์ของท่านเจ้าเมืองช่างแปลกใหม่โดยแท้”
คุนเสวี่ยอี๋ยิ้มเยาะ
สีหน้าของอวิ๋นเยียนหลีไม่ค่อยดีจริงๆ
อันที่จริงเขาระแวงอยู่แล้ว ระแวงว่าคนของอาณาจักรมารจะฉวยโอกาสนี้มาก่อความวุ่นวาย ดังนั้นจวนของเขาจึงไม่เพียงแต่เสริมค่ายกลไว้อย่างแน่นหนาเท่านั้น ได้ส่งทหารไปคอยเฝ้าอารักขาด้วย ขอเพียงมีความไม่ชอบมาพากลขึ้นสักนิดก็จะมีคนส่งข่าวมารายงาน ทหารที่คุมอยู่ในพื้นที่อื่นก็จะรีบไปเสริมทัพทันที
ภายใต้การจัดแจงเช่นนี้ ต่อให้มีแม่ทัพมารพันคนบุกสังหารเข้ามา ก็โจมตีเข้าไปไม่ได้ กลับคาดไม่ถึงว่าจะถูกคนระเบิดได้!
เป็นใครกันนะที่มีฝีมือเลิศล้ำขนาดนี้? ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ยังมีคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในจวนของเขาได้โดยที่เทพไม่รู้ผีไม่เห็นได้อีกหรือ?
ภายในจวนของเขามีสิ่งที่เป็นความลับอยู่ไม่น้อยเลย ในบรรดานั้นมีสมบัติล้ำค่าอยู่มากมาย กลับนึกไม่ถึงเลย…
ปวดใจนัก!
เขาฝืนยืนหยัดแสดงสีหน้าเรียบเฉย สัญญาณลับที่ปล่อยออกไปเมื่อครู่คือส่งผู้คุ้มกันเหล่านั้นของตน ให้พวกเขารีบไปดูที่จวนว่าการ…
เขามอง ‘กู้ซีจิ่ว’ ในอ้อมแขน หากมิใช่เพราะนางในดวงใจอยู่ในอ้อมแขนตน เขาแทบนึกสงสัยแล้วว่าคนที่เข้าไปก่อความวุ่นวายในจวนของเขาก็คือนาง!
จู่ๆ เขาก็นึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมาได้
“คนที่บุกเข้าไปในจวนของข้าคือคุนอวิ๋นจ่านเจ้าปลาไหลตัวนั้นกระมัง?”
เขาคิดๆ ดูแล้ว มีเพียงเจ้าคุนตัวนั้นที่มีความสามารถเช่นนี้
แพขนตาคุนเสวี่ยอี๋หยีโค้งนิดๆ
“ท่านเจ้าเมืองผู้สูงศักดิ์ไม่รู้ความปานนี้เชียว เขาเป็นคุน มิใช่ปลาไหล! เพียงแต่ ผู้ที่บุกจวนเจ้ามิใช่เขาหรอก”
“แล้วเป็นผู้ใด?”
“เจ้าเดาสิ?”
อวิ๋นเยียนหลีหลุบตายิ้มแวบหนึ่ง
“ข้าไม่มีอารมณ์จะเดาหรอก! คิดเพียงจะวิวาห์กับเจ้าเท่านั้น!”
สายตาของเขากวาดมองไปทางเวทีทิศเหนือแวบหนึ่ง
“และจะทำต่อหน้าเขาด้วย!”
หากว่ารูปสลักหยกนี้คือตี้ฝูอีจริงๆ ถ้าได้เห็นทุกอย่างนี้จะต้องโมโหจนอกแตกแน่!
และนี่ก็เป็นผลลัพธ์ที่อวิ๋นเยียนหลีต้องการ
คุนเสวี่ยอี๋มองเขาอย่างเฉยเมย เอ่ยเนิบๆ
“เจ้าไม่ปวดใจที่จวนระเบิดก็แล้วไปเถอะ แต่ผังดาวที่อยู่ใต้จวนเล่า? ถ้าผังดาวนั้นระเบิดขึ้นมาต่อหน้าเหล่าปวงชน เจ้าก็ไม่กลัวหรือ?”
————————————————————————————-
บทที่ 2559 ฉากงานวิวาห์ 4
สีหน้าอวิ๋นเยียนหลีแปรเปลี่ยนเล็กน้อย แต่กลอกตาแล้วหัวเราะเบาๆ
“เด็กโง่ ที่ตั้งผังดาราของเมืองนี้อยู่ลึกยิ่งนัก ไม่มีผู้ใดสามารถทำลายที่นั่นได้ ต่อให้จวนด้านบนถูกพังราบคาบ ผังดารานั้นก็ไม่เผยออกมาอยู่ดี”
เขามั่นใจในจุดนี้อย่างยิ่ง ผังดาราของเมืองเล่อกั่วถูกทำลายและได้เผยออกมาให้ใต้หล้าได้ยล นั่นเป็นเพราะไม่ได้อยู่ลึกลงไปใต้พื้นดิน แต่เมืองลั่วฮวามิใช่เช่นนั้น ถ้าคิดจะทำลายที่นั่น ไม่เพียงแต่ต้องทำลายค่ายกลที่แน่นหนาเท่านั้น ยังต้องใช้ดินระเบิดอย่างน้อยหนึ่งตันด้วย!
แต่ฟังจากเสียงระเบิดเมื่อครู่แล้ว ถึงแม้จะสร้างความสั่นสะเทือนได้ไม่น้อย แต่มีปริมาณดินระเบิดเพียงครึ่งตัน ระเบิดไปไม่ถึงจุดนั้น
หากกล่าวอย่างอ่อนข้อให้ ต่อให้ระเบิดที่นั่นได้จริงๆ แต่ซากปรักหักพังด้านบนก็จะกลบฝังผังดารานั้นทันที ไม่โผล่ออกมาเลยสักเสี้ยว
อวิ๋นเยียนหลีมั่นใจในข้อนี้ยิ่งนัก แต่เขาเอ่ยประโยคนี้ออกมาไม่ถึงครึ่งวินาที ท่ามกลางฝูงชนพลันมีบางคนตะโกนขึ้นมา
“เอ๊ะ ที่สว่างขึ้นมาคืออะไรน่ะ?”
ฝูงชนพากันมองไปตามทิศทางที่คนผู้นั้นชี้ อวิ๋นเยียนก็มองตามเช่นกัน ใจหายวาบในทันใด!
ควันรูปทรงเห็ดที่เกิดจากการระเบิดค่อยๆ สลายไปแล้ว แต่จุดที่ระเบิดมีแสงสว่างนับไม่ถ้วนกำลังส่องกะพริบอยู่ พร่างพราวดุจดวงดารา
“ผังดาว!”
“นั่นคือผังดาว!”
มีคนร้องตะโกนท่ามกลางฝูงชน! นั่นคือชาวบ้านที่มาจากเมืองเล่อกั่ว
“ใช่ นี่คือผังดาว! ที่แท้มันถูกซ่อนไว้ใต้จวนว่าการจริงๆ!”
“ไปดูกันเถอะ!”
“ไป พวกเราไปดูกัน”
ฝูงชนก่อจลาจลขึ้นแล้ว
เมื่อเทียบกับงานวิวาห์ของเจ้าเมืองแล้ว พวกเขาสนใจในผังดาวที่ร่ำลือกันมากกว่า! ถึงอย่างไรก็ลือกันมานานเหลือเกิน พวกเขาก็ตามหามานานเหลือเกินเช่นกัน!
มีบางคนที่อดรนทนไม่ไหวยามที่ได้เห็นทุกอย่างนั้นอย่างชัดเจน ไม่สนใจการขัดขวางจากหน่วยลับพวกนั้นแล้ว เหินกายขึ้นทันที พุ่งทะยานไปยังทิศทางของจวนว่าการ…
คนที่อยู่ในพื้นที่มีหลายหมื่นคน แต่คนที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อยมีแค่สามพันกว่าคนเท่านั้น ถ้าเกิดเหตุขึ้นมาจริงๆ สามพันกว่าคนนี้ก็ต้านทานขัดขวางไม่ไหว ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ในทันใด…
สีหน้าอวิ๋นเยียนหลีเขียวคล้ำแล้ว!
เขาร้องฮึคราหนึ่ง โบกมือให้สัญญาณลูกน้องที่อยู่ไกลออกไป
เจ้าวังน้อยชูมือปล่อยพลุสายหนึ่งออกไปทันที ในยามที่พลุขึ้นสู่ท้องนภา ทหารม้าสี่กองราวกับโผล่ออกมาจากพื้นดินก็มิปาน กวาดต้อนเข้ามาจากด้านนอกจัตุรัสอย่างรวดเร็ว
ปิดต้อนทุกเส้นทางเข้าออกของจัตุรัสไว้
คนเหินทะยานออกไปเหล่านั้นยังไปได้ไม่ถึงครึ่งลี้ ก็ถูกคนที่คล้ายเงาทมิฬเหล่านั้นสกัดต้อนกลับไปแล้ว
ทหารม้าสี่กองนี้มีเกือบหมื่นคน ล้วนสวมชุดดำ สวมหมวกโม่งสีดำ ทำให้คนมองไม่เห็นใบหน้า แต่ไอพิฆาตที่พัวพันอยู่รอบกายกลับเพียงพอจะทำให้คนอกสั่นขวัญแขวนได้แล้ว!
คนเหล่านี้ล้อมจัตุรัสเอาไว้อย่างแน่นหนาปานถังเหล็ก ไม่มีใครสามารถฝ่าออกไปได้อีกเลย
คนพวกนี้สำหรับชาวเมืองลั่วฮวาแล้ว ล้วนแปลกหน้ายิ่งนัก พวกเขาเพิ่งเคยพบเป็นครั้งแรก อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันไปมา ไม่เข้าใจว่าสรุปแล้วอวิ๋นเยียนหลีกำลังเล่นอันใดอยู่
“เจ้าเมืองอวิ๋น นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
“เจ้าเมืองอวิ๋น พวกเราล้วนเป็นประชาชนคนบริสุทธิ์…”
คับข้องใจ ไม่เข้าใจ แปลกใจ…อารมณ์ต่างๆ แผ่ขยายไปในหมู่ชน และทำให้ชาวบ้านบางส่วนทนไม่ไหวระเบิดอารมณ์ออกมา ตะโกนถามเสียงดัง
อวิ๋นเยียนหลีโบกมือคราหนึ่ง สั่งการทันที
“จับไว้!”
คนชุดดำที่ราวกับพยัคฆ์หมาป่าโผเข้าใส่ฝูงชน เพียงครู่เดียวก็จับคนที่นำกลุ่มเอะอะโวยวายไว้ได้แล้ว มัดเหมือนบ๊ะจ่างโยนไว้ด้านล่างเวที
อวิ๋นเยียนหลีลงมืออย่างเด็ดขาด ปราบจลาจลของฝูงชนได้ ถึงแม้ผู้คนจะไม่พอใจ แต่ก็ไม่มีใครกล้าออกหน้าไปชั่วขณะ
อวิ๋นเยียนหลีค่อยๆ กวาดตามองฝูงชนแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเยียบเย็น
“ล้วนเป็นอุบายชั่วช้าของสวะลัทธิมารที่อยู่ในเมือง สำแดงปาหี่ลวงตาเท่านั้น ทุกท่านไม่จำเป็นต้องสนใจ รอให้เจ้าเมืองอย่างข้าเข้าพิธี จัดการรูปสลักหยกราชันมารเรียบร้อย มนต์ลวงตาก็จะหายไปเอง ตอนนี้ได้ฤกษ์แล้ว เข้าพิธี!”