ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2586 บาดเจ็บ 2 / บทที่ 2587 บาดเจ็บ 3
บทที่ 2586 บาดเจ็บ 2
เขาเหลือบมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง ภาคภูมิอยู่ในใจ เขากล้าพนันได้เลยว่าตี้ฝูอีไม่เข้าใจว่าทำไมอวิ๋นเยียนหลีถึงเลือกนั่งสมาธิเอาในยามนี้…
และอีกหนึ่งเค่อให้หลัง อวิ๋นเยียนหลีจะเตลิดหนีไปอย่างสิ้นเชิง เปิดระบบทำลายล้างโลก ทำลายทั้งแดนอสุราให้พินาศ ดูดกลืนไอพยาบาททั้งหมด…
และเมื่อหลอมเครื่องจักรสังหารชั้นเลิศสำเร็จ ต่อให้ตี้ฝูอีฟื้นฟูความทรงจำและพลังยุทธ์ของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์กลับมา ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
หากเป็นไปตามคาด เครื่องจักรสังหารชั้นเลิศผนวกกับกลยุทธ์อันเป็นเอกลักษณ์ของเขาจะสามารถสังหารเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ได้ ทำให้เขาหายไปอย่างสมบูรณ์…
แขนข้างหนึ่งของตี้ฝูอีโอบเอวกู้ซีจิ่วเอาไว้ อีกข้างถือขลุ่ยเลานั้นของเขาไว้ หัวเราะเยาะอยู่ในใจเช่นกัน
การส่งกระแสเสียงของเขาใช้วิธีที่พิเศษยิ่งนัก มีเพียงผู้รับกระแสเสียงคนนั้นที่ได้ยิน ต่อให้บุคคลที่สามมีวรยุทธ์สูงส่งปานใดก็ไม่ได้ยิน เพียงแต่วิธีนี้มีแต่เขาคนเดียวที่ทำได้ อวิ๋นเยียนหลีทำไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ให้อวิ๋นเยียนหลีเอ่ยตอบกลับ เพียงให้เขาเลือกด้วยตัวเอง…
วิธีที่ทั้งสองถ่ายทอดให้กันมีความคล้ายคลึงกัน ขั้นตอนเริ่มต้นล้วนเป็น ‘ปารมิตาหฤทัยสูตร’ ดังนั้นเมื่อคนชุดดำเห็นอวิ๋นเยียนหลีแสดงท่าทางเช่นนี้ ก็หลงนึกว่าตนเองประสบความสำเร็จแล้ว
เพียงแต่เชื้อไฟแห่งความยินดีของเขายังไม่ทันได้ลุกโชนขึ้นมาอย่างแท้จริง ก็พบว่าที่มือซ้ายข้างนั้นของอวิ๋นเยียนหลีปรากฏดาบสีทองเล่มหนึ่งขึ้น…
เอ๊ะ สิ่งนี้ไม่น่าจะอยู่ในขั้นตอนนี่
มองเห็นดาบสีทองนั้นสว่างขึ้นมาเรื่อยๆ เจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดคนชุดดำก็พบความผิดปกติแล้ว
เขาขมวดคิ้วแวบหนึ่ง
“เจ้าทำอะไร! หยุดนะ!”
พลันสะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสายหนึ่งก็พุ่งเข้าใส่อวิ๋นเยียนหลี!
ลำแสงสายนี้ยังไม่ทันถึงเบื้องหน้าอวิ๋นเยียนหลีก็ถูกแสงสีรุ้งสายหนึ่งสกัดไว้…
ผู้ที่ปล่อยลำแสงสีรุ้งออกมาย่อมเป็นตี้ฝูอีที่เตรียมตัวอยู่นานแล้ว เขาควงขลุ่ยไผ่ในมือ
“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”
และไม่ทันรอให้คนชุดดำได้เคลื่อนไหวอื่นๆได้ อวิ๋นเยียนหลีก็ลงมือแล้ว!
สีหน้าเขาเผือดซีด ไม่รู้ว่าที่โคจรอยู่คือเคล็ดอันใด บนดาบสีทองมีอาคมหมุนวนพัวพัน จากนั้นเขาก็หลับตาลง แทงดาบในมือออกไปข้างหน้าทันที!
“อ๊าก…”
ผีดิบทั้งสองกรีดร้องโหยหวนเจียนตาย คมดาบสีทองเล่มนั้นแทงทะลุพวกมันทั้งคู่…
มีคลื่นแสงชั้นแล้วชั้นเล่าผุดออกมา ครอบคลุมซากศพสองร่างนั้นไว้ ชำระล้างไอพยาบาทดำทะมึนที่พัวพันอยู่บนร่างของพวกมันออกไปทีละสาย
แรกเริ่มสองซากศพนั้นยังคงดิ้นรนตามสัญชาตญาณ แต่ในตอนท้ายก็คล้ายจะได้รับการปลดปล่อย ไม่ดิ้นรนอีกต่อไป ค่อยๆ สงบลง…
“ขออภัยด้วย!”
“เสด็จพ่อเสด็จแม่ ขออภัยพ่ะย่ะ!”
“ขออภัย…”
มือของอวิ๋นเยียนหลีที่กุมดาบทองสั่นสะท้านไม่หยุด แม้แต่ริมฝีปากก็ซีดขาวแล้ว…
ถึงแม้จะรู้ดีว่าทำเช่นนี้เป็นการปลดปล่อยเสด็จพ่อเสด็จแม่ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นการลงมือกับพวกมันด้วยตัวเอง สภาพอารมณ์ของอวิ๋นเยียนหลีจึงยากจะบรรยายได้
ในที่สุด ตรวนเหล็กเหมันต์บนร่างซากศพคู่นั้นก็สลายไปอย่างเงียบเชียบ มือเท้าที่ถูกพันธนาการเอาไว้ตลอดมาของพวกมันได้รับอิสระแล้ว พวกมันนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้น ส่วนอวิ๋นเยียนหลีก็แทบจะโผเข้าไปในอ้อมแขนของพวกมันแล้ว
รูปโฉมของซากศพคู่นั้นยังคงน่าสยดสยอง แต่การแสดงออกกลับไม่ดุร้ายอีกต่อไป รูปโฉมเดิมค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา พวกมันหลับตานิดๆ บนร่างมีแสงสีขาวผุดออกมาเล็กน้อย…
ในที่สุดอวิ๋นเยียนหลีก็ปล่อยมือแล้ว มือของเขายังคงสั่นเทาอยู่ บนมือคือโลหิตสีดำที่ทะลักออกมาจากซากศพคู่นั้น เขามองโลหิตบนมือตะลึงงัน แล้วเงยหน้ามองซากศพคู่นั้นช้าๆ เบิกตามองซากศพคู่นั้นค่อยๆ สลายไป ร่างกายค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแสงสีขาวสลายหายไป…
เขายื่นมืออกไปหมายจะคว้าแสงสีขาวนั้นไว้ ทว่าไร้ประโยชน์ แขนเขาแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น
————————————————————————————-
บทที่ 2587 บาดเจ็บ 3
แขนเขาแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น หลับตาลงเล็กน้อย ไม่ส่งเสียงออกมาอีก หยาดน้ำตาเม็ดโตผุดออกมาจากหางตาของเขา ไหลหยดลงไป ไหลลงบนชุดแต่งงานที่ขาดวิ่นของเขาทีละหยด
ลูกผู้ชายจะไม่หลั่งน้ำตา ถ้าไม่ถึงจุดที่โศกศัลย์จริงๆ
สีหน้าชายชุดดำก็ซีดเผือดเช่นกัน
ผู้อื่นวางแผนมาเนิ่นนานหลายปีขนาดนี้ สุดท้ายกลายเป็นฟองสบู่ สีหน้าดูไม่ได้อย่างยิ่ง
เขามองซากศพคู่นั้นที่ถูกอวิ๋นเยียนหลีสังหาร จวบจนสลายเป็นแสงสีขาว แทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง!
เป็นไปไม่ได้!
เขาสิ้นเปลืองกำลังไปมากมายปานนี้ถึงได้สร้างแหล่งกำเนิดไอพยาบาทขึ้นมาได้จะถูกสังหารอย่างง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร!
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าพวกมันคงกระพัน เวทวิชาอันใดก็ทำร้ายมันไม่ได้!
เห็นกันอยู่ชัดๆว่าไม่มีวิธีคลี่คลายไอพยาบาท มีแต่ให้อวิ๋นเยียนหลีดูดซับไปถึงจะย่อยสลายได้!
แล้วเหตุใดจึงถูกอวิ๋นเยียนหลีแทงดาบเดียวก็จบสิ้นได้เล่า?!
นี่ไม่สมเหตุสมผลเลย!
ดาบทองที่อวิ๋นเยียนหลีเรียกออกมาเมื่อครู่คือศาสตราวุธอันใดกันแน่?! เหตุใดจึงมีอานุภาพกล้าแกร่งถึงเพียงนี้?!
เขาตกตะลึงเกินไป ค่อนข้างเหม่อลอยไปชั่วขณะ
แต่ขณะนี้เขากำลังต่อสู้กับตี้ฝูอีอยู่ เดิมทีวรยุทธ์ของเขากับตี้ฝูอีก็ไม่ห่างชั้นกันอยู่แล้ว เสียสมาธิไปครั้งนี้ ถูกตี้ฝูอีซัดฝ่ามือหนึ่งใส่ทรวงอก ซวนเซไปหลายก้าว แทบพลัดหล่นลงไปจากหลังมังกรประทีป!
มังกรประทีปทะยานสูงขึ้นไปหลายจั้ง หลีกหนีการโจมตีจากตี้ฝูอี
แววตาคนชุดดำวูบไหวนิดๆ ไม่ได้รีบร้อนลงไปประมือกับตี้ฝูอี สายตาเขาร่อนลงบนดาบทองเล่มนั้นที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นทันที
นั่นเป็นดาบที่มีหน้าตาพิสดารยิ่งนัก หรือกล่าวได้ว่ามันไม่คล้ายดาบเลย แต่เป็นไม้บรรทัดเล่มหนึ่งต่างหาก บรรทัดทองที่มีปลายคมกริบ!
ม่านตาเขาหดตัวนิดๆ ศาสตราวุธชิ้นนี้เขาก็รู้จักเช่นกัน เมื่อก่อนตอนที่อยู่กับกู้ซีจิ่ว เคยเห็นนางหยิบสิ่งนี้ออกมา…
ตอนนั้นนางเพียงเอามากวัดแกว่งต่อหน้าเขาเล็กน้อย แล้วเก็บเข้าไป ส่วนตัวเขาในยามนั้นไม่รู้สึกสนใจในศาสตราวุธอันใดสักเท่าไหร่ ดังนั้นจึงไม่ได้ไต่ถามมองดูให้ละเอียด นึกไม่ถึงเลย…
“ศาสตราวุธนี้มาอยู่ในมือเจ้าได้อย่างไร?!”
เขาจ้องมองอวิ๋นเยียนหลีแล้วตะโกนถาม
ยามนี้อวิ๋นเยียนเสมือนสูญสิ้นวิญญาณแล้ว ไม่สนใจผู้ใดเลย ย่อมไม่สนใจเขาด้วย
กลับเป็นกู้ซีจิ่วที่เอ่ยขึ้นมา
“บรรทัดทองเล่มนี้เดิมทีก็สมควรเป็นของเขาอยู่แล้ว ข้าเพียงส่งคืนให้เจ้าของเดิมเท่านั้น”
ปีนั้นเธอกับอวิ๋นเยียนหลีมีวาสนาพบพานบรรทัดทองด้วยกัน ต่อมาหลังจากเธอแตกหักกับอวิ๋นเยียนหลีแล้ว ก็ได้โยนบรรทัดทองเล่มนี้คืนให้อวิ๋นเยียนหลีไป
บรรทัดทองเล่มนี้มีอิทธิฤทธิ์ชำระล้างไอชั่วร้ายที่กล้าแกร่งนัก ประกอบกับตี้ฝูอีลอบถ่ายทอดมนต์ชำระล้างพิเศษให้เขา เมื่อใช้ร่วมกับบรรทัดทอง ถึงได้สำเร็จผลในทันใด…
ซากศพทั้งสองสลายหายไปแล้ว แปดสัตว์ร้ายก็คล้ายจะสูญเสียแรงหนุนนำไป เงาร่างค่อยๆ เลือนราง ในที่สุดก็หายไป
ในที่สุดภัยพิบัติก็เหือดหายไปแล้ว
….
สุดท้ายคนชุดดำก็หนีไปได้
หนีได้ว่องไวยิ่ง แทบจะหายไปในชั่วพริบตา
ก่อนเขาจะหลบหนีเพื่อป้องกันไม่ให้พวกตี้ฝูอีไล่ตาม เขาได้สำแดงอุบายไม้เด็ดอย่างหนึ่งออกมา ไม่รู้ว่าเขาใช้อาคมอันใดกระตุ้นทหารสามพันนายใต้สังกัดของอวิ๋นเยียนหลี ที่เคยถูกกู่ควบคุมเหล่านั้น ทำให้พวกเขาคลุ้มคลั่งขึ้นมาทันที ไล่ล่าทำร้ายชาวบ้านธรรมดาโดยตรง…
ผู้ใดก็คาดไม่ถึงว่าคนชุดดำจะยังเหลือไม้นี้อยู่ ย่อมไม่สนใจไล่ตามตัวการร้ายคนนี้แล้ว รีบขัดขวางทหารที่บ้าคลั่งเหล่านั้น
สุดท้ายก็ยังคงเป็นตี้ฝูอีที่พบวิธีปลุกสติของพวกเขาขึ้นมาอีกครั้ง บรรเลงเพลงขลุ่ยชำระจิตใจ ในที่สุดทหารที่คลุ้มคลั่งเหล่านั้นก็ดุจตื่นจากฝัน แต่ละคนมึนงงแสดงท่าทีว่า
‘ข้าเป็นใครข้าอยู่ที่ไหนข้าทำอะไรอยู่’
และในตอนนั้นชายชุดดำก็ได้หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยนานแล้ว คิดจะหาก็หาตัวคนไม่พบแล้ว