ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2594 ทำไมจะไม่นับ?! / บทที่ 2595 รู้สึกราวกับฝันไปอยู่บ้าง
บทที่ 2594 ทำไมจะไม่นับ?!
ระหว่างพวกเขามีความเกี่ยวข้องที่ละเอียดอ่อนอื่นใดอยู่ไหมนะ?
เพียงแต่ไม่ว่าระหว่างพวกเขาจะมีความเกี่ยวข้องอันใดกัน มีจุดหนึ่งที่ตี้ฝูอีมั่นใจอย่างยิ่ง
“พวกเขาพุ่งเป้ามาที่ข้า!”
“หือ? ไม่ใช่กระมัง? หากพวกเขาพุ่งเป้ามาที่ท่าน ตอนที่ท่านแฝงเร้นอยู่ในอาณาจักรมารวรยุทธ์ไม่สูงส่ง ด้วยวรยุทธ์ของพวกเขาถ้าอยากสังหารท่านก็ง่ายดายปานพลิกฝ่ามือ เหตุใดต้องอ้อมไปไกลขนาดนี้เพื่อปองร้ายท่านด้วย?”
ตี้ฝูอีหลุบตาลงนิดๆ ในจุดนี้เขาก็คิดไม่ออกในชั่วขณะเช่นกัน
ตี้ฝูอีไปทำลายผังดาราที่ปรากฏออกมาแล้วอันนั้นก่อน ด้วยวรยุทธ์ในปัจจุบันของเขา ทำลายผังดาวนี้ได้ไม่ยาก และในที่สุดปวงชนก็ได้ทราบแล้วว่าผังดาวฉบับดั้งเดิมเป็นอย่างไร ถูกวิญญาณอาฆาตที่ดิ้นรนโหยหวนอยู่บนนั้นทำให้ตกตะลึงพรึงเพริด…
การชำระล้างวิญญาณอาฆาตสำหรับตี้ฝูอีในตอนนี้ง่ายดายยิ่ง สวดส่งวิญญาณบทเดียว ไอพยาบาทของวิญญาณอาฆาตทั้งหมดล้วนคลี่คลายสลายไป ผังดาราก็กลายเป็นผังดาราธรรมดา ไม่มีฤทธิ์เดชเช่นก่อนหน้านี้แล้ว
หลังจากผังดาวถูกทำลายลง เมฆาทะมึนที่บดบังท้องนภา มาโดยตลอดในที่สุดก็กระจายออกไปแล้ว แสงตะวันส่องเจิดจ้า สายลมโชยแผ่ว ดึงดูดเสียงโห่ร้องยินดีจากฝูงชน…
เรื่องราวที่เมืองลั่วฮวาแพร่สะพัดไปยังทุกหัวระแหงของแดนอสุราอย่างรวดเร็วดุจสายลมฤดูใบไม้ผลิ ด้วยเหตุนี้ชาวเมืองอื่นๆ จึงลุกฮือแล้ว!
พากันบุกเข้าไปในจวนว่าการของเมืองตน บังคับเจ้าเมืองให้บอกที่ตั้งของผังดาว จากนั้นก็ตั้งตารอการมาของพวกตี้ฝูอีอย่างใจจดใจจ่อ…
….
“ข้าขอพูดหน่อยเถอะ องค์ราชันยังนับเป็นองค์ราชันมารของพวกเราอยู่หรือเปล่า?”
ว่านหงซิ่วสับสนยิ่ง
“ทำไมจะไม่นับ?! เสี่ยวหงหง เจ้าถามเช่นนี้หมายความว่ายังไง?”
เฟิงหรูฮั่วไม่พอใจ
“ข้ารู้สึกอยู่เสมอว่าครานี้วรยุทธ์ขององค์ราชันเลิศล้ำแล้ว ตัวคนก็คล้ายจะเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ที่สำคัญที่สุดคือ ตอนนี้เขากำลังช่วยพวกมนุษย์ตั้งตัวขึ้นมาใหม่ กลายเป็นผู้กอบกู้ของมนุษย์พวกนี้ไปแล้ว…พวกเขาล้วนเรียกขานเขาว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ คำว่าเทพศักดิ์สิทธิ์นี้ฟังอย่างไรก็เหมือนผู้บำเพ็ญเซียน”
“ผู้บำเพ็ญเซียนแล้วอย่างไร? อันที่จริงพวกเราชาวเผ่ามารกับผู้บำเพ็ญก็ต่างกันแค่เผ่าพันธุ์เท่านั้น ใช่ว่าจะต้องสู้กันอย่างเจ้าตายข้าอยู่เสมอไป อันที่จริงในอดีตเมื่อนานแสนนานมาแล้ว ผู้บำเพ็ญกับมารก็อยู่ร่วมปะปนกัน ไม่ได้แบ่งแยกกันชัดเจนขนาดนี้ เพียงแต่ต่อมาชายชุดดำผู้นั้นเจตนายุแยงให้แตกคอ เป็นเขาชัดๆ ที่ก่อหายนะใหญ่นี้ขึ้น กลับโยนกระโถนอาจมมาใส่หัวพวกเราเผ่ามาร ถึงทำให้สู้รบกันอย่างเจ้าตายข้าเป็นอยู่มาเนิ่นนานหลายปี”
องครักษ์ลำดับที่สองสุ่ยจวิ้นโจวเอ่ยขึ้น เขาชี้แจงแถลงไขอย่างที่พบเห็นได้ยากนัก เขาใช้ชีวิตมายาวนานที่สุด สิ่งที่รู้จึงมากเช่นกัน
“ใช่แล้ว เมื่อก่อนไม่ได้แค้นเคืองกันขนาดนี้จริงๆ ตอนนั้นข้ากับเหม่ยเหม่ยก็มาเที่ยวเล่นที่แดนมนุษย์ประจำ เป็นโลกที่เต็มไปด้วยสีสันชวนให้คนลุ่มหลง ขุนเขาเขียวสายธารก็ใส ไหนเลยจะรกร้างกันดารเช่นยามนี้?”
เทียนซิ่วซิ่วก็ทอดถอนใจเช่นกัน
“ข้ายังคงชื่นชอบแดนมนุษย์แบบเมื่อก่อนอยู่”
เทียนเหม่ยเหม่ยเม้มปาก
“บางทีสิ่งที่องค์ราชันทำอยู่ในตอนนี้ก็คือจัดการเรื่องราวให้ถูกต้องกระมัง? เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของแดนอสุรา พวกเราก็สมควรละทิ้งอคติไปเสีย ร่วมหัวจมท้ายไปกับองค์ราชัน!”
เฟิงหรูฮั่วกำหมัด
“พวกเราย่อมต้องร่วมหัวจมท้ายกับองค์ราชันอยู่แล้ว เอาล่ะ หยุดพูดจาเหลวไหลกันได้แล้ว ว่านหงซิ่ว องค์ราชันส่งพวกเราออกมาตามหาไอ้ไผ่ชั่วตนนั้นให้ทั่ว หามาหนึ่งวันแล้ว แม้แต่ใบไผ่ก็ยังไม่เจอเลย! เจ้าคนผู้นี้หนีไปซ่อนอยู่ที่ไหนกันแน่?”
เทียนซิ่วซิ่วขมวดคิ้ว
“หาต่อไป!”
สุ่ยจวิ้นโจวไม่พูดมาก
“แจ้งสายลับทั้งหมดของอาณาจักรมาร ออกไปตามหาให้ข้าทั้งหมด!”
“อันที่จริงข้าค่อนข้างเป็นห่วงองค์ราชันนะ พวกเราเหล่าองครักษ์ประจำตัวล้วนถูกส่งออกมาหมด แม้แต่พี่ใหญ่คุนก็ไม่ได้อยู่ข้างกายเขา หากเจ้าไผ่ชั่วตัวนั้นไปปองร้ายเขา…”
“เจ้าคิดว่าด้วยระดับวรยุทธ์ในปัจจุบันขององค์ราชันยังต้องกลัวไอ้ไผ่ตนนั้นปองร้ายอีกหรือ? พูดอย่างอ่อนข้อให้แล้ว ต่อให้ไอ้ไผ่ต้นนั้นลอบทำร้ายเขา ด้วยฝีมือระดับพวกเราจะปกป้องได้หรือไง?”
————————————————————————————-
บทที่ 2595 รู้สึกราวกับฝันไปอยู่บ้าง
“เรื่องนั้น…ต่อให้ปกป้องไม่ได้ อย่างน้อยก็สามารถส่งสัญญาณอันใดเตือนเขาได้…”
“ไม่จำเป็น ตอนนี้องค์ราชันอยู่กับแม่นางกู้ รอบกายภายในรัศมีสิบจั้งย่อมถูกกวาดล้างไปเอง เจ้าอยู่ที่นั่นมีแต่จะขวางหูขวางตา…เอาล่ะ ไป! ไปกันได้แล้ว! เรื่องงานสำคัญกว่า!”
บนยอดเขาแห่งหนึ่ง หลังจากพวกเฟิงหรูฮั่วหารือกันแล้วก็แยกย้ายกันไป ต่างคงต่างไปทำหน้าที่
และในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งของเมืองลั่วฮวา กู้ซีจิ่วกำลังนั่งดื่มน้ำผึ้งอยู่หน้าโต๊ะ…
โรงเตี๊ยมแห่งนี้สำหรับเธอแล้วไม่แปลกหน้าเลย เป็นโรงเตี๊ยมที่เมื่อเธอกับเสินเนี่ยนโม่เข้าพักตอนเพิ่งมาถึงเมืองนี้ ถึงขั้นที่ห้องพักก็เป็นห้องนั้นที่เธอพำนักในปีนั้น
เมื่อนึกถึงตอนนั้น เขาคิดจะพักผ่อนอยู่ในห้องนี้กับเธอ เธอปฏิเสธไปครั้งเดียว จากนั้นเขาก็ย้ายไปห้องข้างๆ เลย วันต่อมาตัวคนก็หายไปแล้ว…ถึงได้เกิดเรื่องราวมากมายปานนั้นขึ้น ถึงได้พลัดพรากจากกันมากว่าหนึ่งปี…
เธอรักษาสภาพการตกแต่งที่นี่ให้คงเดิมเสมอมา มาดูบ่อยๆ และทุกครั้งที่มาดูล้วนพบแต่ความผิดหวัง…
สถานที่แห่งนี้ทิ้งเงามืดไว้ให้กู้ซีจิ่วไม่น้อยเลย ดังนั้นเวลาที่เธอนั่งอยู่ในห้องนี้อีกครั้ง จึงรู้สึกหวาดหวั่นอยู่บ้าง
หลังจากเข้ามา ที่นี่เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยแล้ว ความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดก็คือที่นี่มีข้าวของส่วนหนึ่งของตี้ฝูอีเพิ่มขึ้นมาแล้ว
เป็นการพักอาศัยชั่วคราวชัดๆ ทว่าเขากลับทำให้ที่นี่เป็นเสมือนบ้านหลังหนึ่งไปแล้ว
หลังจากจัดการผังดาวของเมืองลั่วฮวาเสร็จ ตี้ฝูอีก็เอนพิงเธออย่างอ่อนแรงยิ่งนัก บอกว่าเขาเหนื่อยแล้ว อยากพักผ่อน
กู้ซีจิ่วก็คิดว่าเขาต้องเหนื่อยแน่นอน ถึงอย่างไรวันนี้เขาก็ยุ่งง่วนทั้งวัน…
เดิมทีเธอคิดจะพาเขาไปหาโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดพักผ่อน ผลคือเขาบอกว่าที่นี่ค่อนข้างพิเศษสำหรับเขา อยากมาที่นี่
ตอนนี้กู้ซีจิ่วโอ๋เขานัก เนื่องจากเธอรู้สึกว่ากว่าเขาจะกลับมาได้ไม่ง่ายเลยจริงๆ สำหรับเธอแล้วคำว่าหายากก็ยังไม่พอ ดังนั้นเขาพูดอะไรเธอก็ว่าอย่างนั้น ต่อให้ที่นี่จะทิ้งเงามืดเล็กน้อยให้ ก็ยังมาที่นี่กับเขาอยู่ดี
ระหว่างทางตี้ฝูอีได้มอบหมายภารกิจให้พวกคุนเสวี่ยอี๋ ไล่พวกเขาออกไปหมดแล้ว…
และระหว่างทางประชาชนที่มองพวกเขาเป็นผู้กอบกู้โลกไปแล้ว ถูกตี้ฝูอีพูดจาไม่กี่ประโยคก็เผ่นแน่บไปทันที
ก่อนคนเหล่านี้จะไปยังช่วยจัดการพื้นที่โดยรอบให้อย่างใส่ใจด้วย ทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้ใดมารบกวนภายในรัศมีหนึ่งร้อยเมตรได้…
เนื่องจากท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้กล่าวว่า เขาไม่ชอบเสียงดังยิ่งนัก ถ้ามีเข็มหล่นลงพื้นในระยะร้อยเมตรก็จะทำให้เขานอนไม่หลับแล้ว
กู้ซีจิ่วรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ความทรงจำกลับมาแล้ว วรยุทธ์กลับมาแล้ว และเป็นอย่างที่คิด นิสัยจุกจิกจู้จี้ก็กลับมาด้วย
ตี้ฝูอีกำลังอาบน้ำอยู่…
อยู่ในห้องอาบน้ำด้านข้าง
ใช้คาถาชำระล้างทีเดียวก็หมดเรื่องแล้วชัดๆ เขาก็ยืนกรานจะอาบน้ำ…
กู้ซีจิ่วไม่ค่อยเข้าใจระบบความคิดในปัจจุบันของเขา อย่างไรก็ตามเห็นแก่ที่เขาเหน็ดเหนื่อยขนาดนี้ เธอจึงไม่ซักไซ้ไล่เรียงเรื่องพวกนี้
เธอเหลียวมองรอบข้าง รู้สึกราวกับฝันไปอยู่บ้าง
ชุดเครื่องนอนใหม่เอี่ยมลายยวนยางเล่นน้ำ ฉกกั้นลมหกบานพับ ชั้นวางแบบโบราณ โต๊ะไม้เถิงมู่…
การตกแต่งเช่นนี้คล้ายบ้านของเขากับเธอที่โลกเบื้องล่างมาก…
กระตุ้นความคิดถึงบ้านของเธอขึ้นมา ทำให้หัวใจเธอค่อนข้างแปรปรวนยิ่งนัก
เธอจากโลกเบื้องล่างมานานขนาดนี้ ไม่รู้ว่าโลกเบื้องล่างจะเป็นยังไง?
พวกมู่เฟิง มู่อวิ๋นเป็นอย่างไรกันบ้าง?
ตามกฎแล้วเทพศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนนั้นจะจากไปเกินครึ่งปีไม่ได้ นี่เธอจากมากว่าหนึ่งปีแล้ว ไม่รู้ว่าที่นั่นจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นไหม…
“เด็กน้อย คิดอะไรอยู่?”
มีคนเข้ามาใกล้จากด้านหลัง โอบร่างเธอไว้
มีกลิ่นหอมสดชื่นของไอน้ำอยู่เบาบาง นั่นเป็นกลิ่นหอมจากร่างคนที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ประกอบกับกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์บนร่างของเขา ทำให้เธออดที่จะมัวเมาไม่ได้