ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2602 ศึกพ่อลูก 2 / บทที่ 2603 ศึกพ่อลูก 3
บทที่ 2602 ศึกพ่อลูก 2
เขามองกู้ซีจิ่วน้ำตาคลอในทันใด ชูนิ้วเล็กๆ ที่ถูกก้างทิ่มขึ้นมา ราวกับโบกธงประกาศชัยอยู่
“ท่านแม่ เจ็บอ่า…”
กู้ซีจิ่วย่อมสัมผัสถึงคลื่นใต้น้ำระหว่างพ่อลูกคู่นี้ได้ แน่นอนว่าทราบเช่นกันว่าเด็กคนนี้ฉลาดเกินวัย ไม่อาจอนุมานด้วยหลักสามัญสำนึกได้
เพียงแต่รูปลักษณ์ที่เป็นเด็กน้อยของอีกฝ่ายขายได้จริงๆ ให้เด็กน้อยคนหนึ่งแกะก้างปลาเองช่างไม่มีมนุษยธรรมจริงๆ…
เธอมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง เมื่อวานคนผู้นี้ยังบอกอยู่เลยว่าจะปฏิบัติต่อตี้เฮ่าเหมือนบุตรชายแท้ๆ วันนี้กลับ ‘เคี่ยวกรำ’ เด็กน้อยเสียแล้ว
ตี้เฮ่าในสภาพน้ำตาคลอเช่นนี้ชวนให้คนโอ๋เอ็นดูจริงๆ เธอยื่นมือไปจับนิ้วน้อยๆ ที่ได้รับบาดเจ็บนิ้วนั้น จัดการบาดแผลเล็กๆ นั้น
ท่านแม่มือเบาจริงๆ อบอุ่นจริงๆ
ความรู้สึกที่ได้รับการปกป้องจากท่านแม่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน!
ด้วยเหตุนี้เขาจึงลอบโคจรพลังยุทธ์ที่นิ้วอย่างเงียบเชียบ ทำให้หยาดโลหิตเล็กๆ ซึมออกมาจากนิ้วมากขึ้น
ตี้เฮ่าพอใจมาก เงยหน้ามองบิดาตนแวบหนึ่ง สายตานี้มีเจตนาประท้วงต่อต้าน
ตี้ฝูอีกลับไม่ได้พูดอื่นใด เพียงมองเขาด้วยรอยยิ้ม แววตาเต็มไปด้วยความรักเอ็นดู…
ตี้เฮ่าหนาวสะท้านแล้ว! สัญชาตญาณบอกว่าเล่นต่อไปไม่ได้แล้ว ถ้าเล่นต่ออีกจะเกิดเพลิงขึ้น!
ดังนั้นหลังจากเขาให้กู้ซีจิ่วทายาให้เขาเล็กน้อยแล้ว ก็ชักมือกลับทันที เอ่ยอย่างสมเป็นชายชาตรีว่า
“ไม่เป็นไรแล้ว บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น เฮ่าเอ๋อร์ไม่เก็บมาใส่ใจ”
คิดไปคิดมา ก็เลื่อนจานหูฉลามผัดพริกไปเบื้องหน้าตี้ฝูอี
“ท่านพ่อ ท่านชิมนี่สิ นี่เป็นอาหารที่ท่านชอบที่สุดเลยนะ”
ตี้ฝูอีหลุบตามองหูฉลามจานนั้น เขาแน่ใจยิ่งนักว่าไม่เคยกินมันมาก่อน ดูเหมือนในอนาคตเขาจะชอบกินสินะ…
เจ้าเด็กนี่กลัวเขาจะเอาคืนเลยมาประจบเขารึ?
เขาไหนเลยจะถือสาหาความกับบุตรชายของตน?
เด็กคนนี้เห็นเขาเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยเกินไปหน่อยแล้ว! อย่างมากก็แค่คิดว่าวันหน้าจะให้เขาติดตามอยู่ข้างกายสั่งสอนวรยุทธ์ให้มากหน่อยเท่านั้น ให้เขารู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน…
เพียงแต่ เห็นแก่ความช่างเอาใจของเด็กคนนี้ ตี้ฝูอีตัดสินใจจะลดบทเรียนของเขาลงกึ่งหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงชิมดูหนึ่งชิ้น รสชาติไม่เลวเลยจริงๆ เข้ากับรสปากของเขา!
ตี้เฮ่าหยิบกาสุราขึ้นมา รินสุราให้เขาถ้วยหนึ่ง
“ท่านพ่อ ท่านชิมนี่ด้วยสิ สุรานี้รสชาติดีเยี่ยม ท่านต้องชอบดื่มมากแน่นอน”
เขาตัวเตี้ย ต้องยืนบนเก้าอี้ถึงจะสามารถรินสุราให้ตี้ฝูอีได้ ดูค่อนข้างเปลืองแรงยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วมองแล้วปวดใจอยู่บ้าง นึกถึงสิ่งที่ตี้ฝูอีปฏิบัติต่อตี้เฮ่า จากนั้นก็มองสิ่งที่ตี้เฮ่าปฏิบัติต่อตี้ฝูอี…
เด็กน้อยคนนี้ช่างรู้ความนัก!
ตี้ฝูอีก็เห็นอยู่ชัดเจน…
ช่างเถอะ เป็นเธอก็ได้
“เฮ่าเอ๋อร์ เจ้ายังเด็ก สมควรเป็นพวกเราคีบอาหารให้เจ้า มา บอกแม่สิ เจ้าอยากกินอะไร?”
ดวงตาตี้เฮ่าส่องประกาย เขากะพริบตาปริบๆ
“ท่านแม่ ข้าชอบกินปู ชอบกินผัดหอยลาย…”
เขาเอ่ยหลายอย่างออกมาในคราวเดียว
จากนั้นกู้ซีจิ่วก็พบว่า สิ่งที่เด็กคนนี้ชอบกินล้วนมีเปลือก…
ต่อจากนั้น กู้ซีจิ่วค้นพบอีกว่า อาหารหลายอย่างนี้ อยู่ที่ฝั่งตี้ฝูอีทั้งสิ้น ห่างจากหนูน้อยค่อนข้างไกล
ที่สำคัญกว่านั้นคือ เปลือกเหล่านั้นล้วนเป็นเปลือกแข็ง ส่วนมือตี้เฮ่าก็นุ่มนิ่มบอบบาง ซ้ำยังเพิ่งถูกก้างตำมา ย่อมไม่สามารถแกะของเหล่านี้เองได้
ด้วยเหตุนี้ กู้ซีจิ่วจึงมองไปที่ตี้ฝูอี
ตี้ฝูอียิ้มแล้ว เด็กคนนี้ร้ายนัก! นี่คือการถอยเพื่อรุกสินะ!
อืม สมกับเป็นบุตรของเขา
เขาโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ตี้เฮ่าลงไปนั่งอย่างไม่อาจควบคุมร่างกายได้
“เฮ่าเอ๋อร์ หาได้ยากนักที่เจ้าชอบกินสิ่งเหล่านี้ พ่อย่อมจะเติมเต็มให้เจ้า พ่อจะแกะให้เจ้ากินเอง”
น้ำเสียงตี้ฝูอีอบอุ่น ดึงดูด เปี่ยมด้วยความรักของบิดา
————————————————————————————-
บทที่ 2603 ศึกพ่อลูก 3
ระหว่างที่พูด เขาดีดนิ้วหลายครั้ง ปู หอยลาย กุ้งตัวใหญ่บนโต๊ะ…อาหารมีเปลือกทั้งหมด แกะเปลือกออกด้วยตัวเอง เนื้อปู เนื้อกุ้ง เนื้อหอยลาย…พากันพุ่งออกมา ร่อนลงในชามของตี้เฮ่า อัดแน่นเต็มชาม
ตี้เฮ่าตะลึง
เขาไม่ชอบกินเนื้อผสมรวมกันนะ!
เพียงแต่ตี้ฝูอียังคงตบหัวเขาเบาๆ ด้วยความรักเอ็นดูยิ่ง
“ค่อยๆ กินไปนะ ถ้าไม่พอพ่อจะทำให้เจ้าอีก แกะให้เจ้าอีก อย่ารังเกียจหัวใจรักถนอมที่พ่อมีเลย”
ตี้เฮ่าพูดไม่ออกเลย…
ท่านพ่อ ความรักของท่านหนักหนาเกินไปแล้ว! ลูกรับไว้ไม่ไหวหรอก…
วันนี้ท่านพ่อร้ายกาจเป็นพิเศษ หรือจะมีเหตุจากการที่เติมเต็มความปรารถนาไม่ได้?
ตี้เฮ่าปฏิเสธไม่ได้ ทำได้เพียงกินเข้าไปอย่างระทม สุดท้ายก็กินจนจุกอยู่บ้าง…
อาหารมื้อนี้จบลงด้วยความความสุขสมัครสมานพร้อมหน้า หลังจากตี้เฮ่ากินเนื้อในชามนั้นเสร็จก็ออกไปเดินเล่นเพื่อย่อยอาหารเลย
กู้ซีจิ่วคล้ายจะนึกอะไรได้ เอ่ยถามประโยคหนึ่ง
“ฝูอี ท่านเคยมีสหายหรือศัตรูที่ชอบสวมชุดดำบ้างไหม?”
ตี้ฝูอีใคร่ครวญดูเล็กน้อย คนทั้งหมดที่รู้จักในหลายปีมานี้วาบผ่านเข้ามาในสมอง ส่ายหน้าให้
“นอกจากผู้ที่มีนามแฝงว่าจู๋ตู๋ชิงแล้ว ไม่มีคนอื่นอีกเลย”
กู้ซีจิ่วชะงักไปนิดๆ เอ่ยขึ้นอีก
“อันที่จริงความฝันนั้นของข้าเลือนรางยิ่งนัก ในฝันคล้ายว่ามีคนชุดขาวกับคนชุดดำกำลังเดินหมากกันอยู่ มีเจตนาประลองกันด้วยตัวหมากอยู่รางๆ แถมวิถีหมากของคนชุดขาวผู้นั้นคล้ายกันกับวิธีจัดเรียงผังดาราของท่านมาก…”
ตี้ฝูอีใจเต้นเล็กน้อย
หากไม่เหนือไปจากที่คาดไว้ คนชุดขาวที่กู้ซีจิ่วเห็นในความฝันน่าจะเป็นตัวเขา…
ดูเหมือนตนจะยังมีอดีตอีกชาติหนึ่งอยู่ แถมอดีตชาตินั้นยังไม่ธรรมดาด้วย ใช้ดาราแทนตัวหมาก เป็นใครกัน?
ส่วนคนชุดดำผู้นั้น สามารถนั่งเดินหมากกับเขาได้ ทักษะหมากจะต้องไม่ธรรมดายิ่งนัก อีกทั้งน่าจะมีฐานะไม่ด้อยไปกว่าเขามากนัก น่าจะมีความสัมพันธ์เชิงสหาย
ชั่วชีวิตนี้ตี้ฝูอีประลองหมากมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ยังไม่เคยพบคู่ต่อสู้ที่แท้จริงเลย…
ท่านพ่อในชาตินี้ของเขาก็เป็นยอดฝีมือด้านกลหมาก แต่ตอนที่เขายังเล็ก และยังไม่ได้ฟื้นฟูความทรงจำ บางครั้งก็เดินหมากกับเสินจิ่วหลีบ้างสองสามกระดาน ล้วนพ่ายไม่เป็นท่าทั้งสิ้น
เพียงแต่ หากได้ประลองหมากกับเสินจิ่วหลีในตอนนี้ ยากจะบอกได้ว่าผู้ใดจะมีชัยเหนือกว่า
คนชุดดำในฝันของซีจิ่วจะใช่จู๋ตู๋ชิงหรือไม่?
เป็นเพราะสาเหตุบางอย่างจากสหายจึงกลายเป็นศัตรูกับเขาหรือ?
ดังนั้นจึงจัดวางแผนการที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้เพื่อเล่นงานเขา…
ปีนั้นแม้แต่คู่เสินจิ่วหลีสามีภรรยาก็ล้วนแต่ถูกเขาวางแผนเล่นงาน เกือบทำลายทั้งทวีปเสินโม่แล้ว ร้ายกาจปานนี้…
มิใช่เรื่องที่ผู้มีฐานะสูงส่งในระดับทั่วไปจะสามารถกระทำออกมาได้ กล่าวอีกนัยคือฐานะของคนชุดดำน่าจะสูงกว่าคู่เสินจิ่วหลีสามีภรรยา ถ้าเป็นอย่างที่คิด อดีตชาติของตัวเขาก็สูงส่งกว่าแน่นอน…
เสินจิ่วหลีเป็นเทพที่ถือกำเนิดจากฟ้าดิน ฐานะสูงศักดิ์ไร้ใดเทียม เป็นผู้ดำเนินลิขิตสวรรค์ สิ่งที่สามารถควบคุมเขาได้มีเพียงลิขิตสวรรค์เท่านั้น…
เมื่อก่อนตี้ฝูอีนึกว่าลิขิตสวรรค์เป็นกฎเกณฑ์ที่ก่อเกิดขึ้นมาตามธรรมชาติ ไม่น่าจะเป็นตัวตนที่เฉพาะเจาะจง
ดูจากยามนี้แล้ว ลิขิตสวรรค์น่าจะมีผู้ตราขึ้นมา หรือก็คือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์…
เขาหลุบตามองนิ้วมือตน ตนมีอิทธิพลต่อวัฏจักรดารามาตั้งแต่เกิด ถึงขั้นที่สามารถควบคุมดวงดาวบางส่วนได้ด้วย…
และดาวแต่ละดวงก็สื่อถึงคนผู้หนึ่งที่มีอิทธิพลต่อโลกใบหนึ่ง หากว่าใช้ดวงดาวเป็นตัวหมาก ถ้าเป็นอย่างที่คิด ก็คือการเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของแต่ละคน…
ไม่ถูกสิ!
คนชุดดำไม่เพียงแต่สามารถควบคุมเรื่องราวบางอย่างในโลกเบื้องล่างได้เท่านั้น แม้แต่เรื่องราวของทวีปเสินโม่ก็สามารถควบคุมได้ ชัดเจนยิ่งนัก เขาสามารถควบคุมได้มากกว่าหนึ่งโลก