ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2608 ไม่ดี ท่านอัปลักษณ์เกินไป / บทที่ 2609 สามีคนนี้ของเธอช่างดึงดูดดอกท้อเสียเหลือเกิน!
- Home
- ลำนำบุปผาพิษ
- บทที่ 2608 ไม่ดี ท่านอัปลักษณ์เกินไป / บทที่ 2609 สามีคนนี้ของเธอช่างดึงดูดดอกท้อเสียเหลือเกิน!
บทที่ 2608 ไม่ดี ท่านอัปลักษณ์เกินไป
นี่ก็เว้นช่วงห่างเกินไปหน่อยแล้ว!
เธอจ้องตาเขา
“เพราะอะไร?”
“เพราะอะไรอันใด?”
กู้ซีจิ่วไม่เอ่ยวาจา เพียงมองจ้องเขา
ตี้ฝูอีจุมพิตดวงตาเธอทีหนึ่ง
“เด็กโง่ ตอนนี้เจ้ามีครรภ์นี้ ก็ทำให้ข้า ‘ไม่สะดวก’ เช่นนี้แล้ว ข้าย่อมไม่อยากให้มีครรภ์ที่สองตามมาเร็วนัก”
ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องนี้
กู้ซีจิ่วหน้าร้อนวูบ ผลักเขาออกไปทีหนึ่ง
“ลามก!”
ตี้ฝูอีหัวเราะเสียงดัง เสียงหัวเราะกระจ่างปานสายลม
ตี้เฮ่าที่วิ่งนำหน้าพวกเขาอดไม่ได้ที่จะหันหลังกลับไปมองแวบหนึ่ง ท่านพ่อที่อยู่ด้านหลังกอดท่านแม่ไว้ งดงามเข้าคู่ อบอุ่นดุจภาพวาดขุนเขาอ่อนช้อยธาราไหลเอื่อย ทำให้คนมองแวบเดียวก็สัมผัสถึงความหวานชื่นอ่อนโยนได้
ดวงตาเขาพลันร้อนผ่าวแสบเคืองอยู่บ้าง จึงยกมือน้อยๆ ขึ้นขยี้
ยามนี้ทั้งสามคนหนึ่งครอบครัวเพิ่งออกมาจากจวนว่าการ ประชาชนที่อยู่ด้านนอกย่อมเกาะกลุ่มอยู่เต็มสองข้างทาง
พวกเขาได้ยินเสียงท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หัวเราะก่อนไม่กี่ครา เสียงหัวเราะนั้นกระจ่างดึงดูด ไพเราะจนแทบทำให้หูตั้งครรภ์ได้
จากนั้นก็ได้เห็นหนูน้อยที่ขาวอวบดั่งก้อนแป้งคนหนึ่งวิ่งออกมา ต่อมาก็ได้เห็นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ในชุดขาวพลิ้วไสวโอบอุ้มสตรีในชุดเขียวเดินออกมา
คนที่ตาแหลมเห็นว่าขอบตาของหนูน้อยแดงอยู่บ้าง จากนั้นก็เห็นเด็กน้อยติดตามอยู่ด้านหลังคู่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์สามีภรรยา เกรงว่าเด็กน้อยจะได้รับความไม่เป็นธรรมเสียแล้ว!
เด็กที่ยังเล็กถึงเพียงนี้ เป็นช่วงวัยที่สมควรให้พ่อแม่โอบอุ้มอย่างถนอมเอ็นดู ตอนนี้ท่านพ่อเขาไม่อุ้มเขาแต่กลับไปอุ้มภรรยาแทน…
ไม่แปลกเลยที่หนูน้อยจะร่ำไห้ด้วยความคับข้องใจ!
มีสตรีนางหนึ่งทนไม่ไหวก้าวเข้ามา กางสองแขนโผเข้าหาตี้เฮ่า
“หนูน้อย มาเถอะ น้าจะอุ้มเจ้านะ”
ตี้เฮ่าถอยหลังไปสองก้าว เงยหน้ามองสตรีนางนั้น
รูปโฉมของสตรีนางนั้นงดงามหยาดเยิ้มนัก เรือนร่างก็สะโอดสะอง เป็นโฉมงามเลื่องชื่อของเมืองนี้ และนางก็ภูมิใจในรูปโฉมอันงดงามของตนด้วย ในสายตาของนางแล้ว บุรุษที่พัวพันอยู่รอบกายล้วนอัปลักษณ์ไม่เข้าท่า ไม่คู่ควรกับนางเลยสักคน
หลังจากนางได้เห็นตี้ฝูอี หัวใจก็เต้นกระหน่ำปานถูกกวางน้อยเตะ พลันรู้สึกว่าในที่สุดฤดูใบไม้ผลิของตนก็มาเยือนแล้ว
เพียงแต่ข้างกายของบุรุษที่เทพเซียนจากสวรรค์ผู้นั้นมีสตรีอันเป็นที่รักอยู่แล้ว รักถนอมปานแก้วตาดวงใจ นางไม่อาจเข้าไปใกล้ได้ชั่วขณะ ยิ่งไม่อาจทำให้บุรุษผู้นี้มองเห็นความมีตัวตนของนางได้…
บังเอิญได้เห็นความ ‘คับข้องใจ’ ของไอ้เด็กตัวเหม็นเข้า เธอจึงเกินความคิดบรรเจิด ทำใจกล้าโผเข้าไปอุ้มเด็กน้อย
แผนการของนางคืออุ้มตี้เฮ่าขึ้นมา จากนั้นก็ใช้ข้ออ้างนี้มาถามหาความรับผิดชอบจากตี้ฝูอีอย่างผ่าเผย ให้เขาพบเห็นการมีอยู่ของนาง…
วรยุทธ์ของนางก็ยอดเยี่ยมนัก โผออกมาอย่างกะทันหัน มั่นใจว่าจะสามารถโอบอุ้มตี้เฮ่าไว้ในอ้อมแขนได้ คาดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้จะเคลื่อนไหวว่องไวเหนือธรรมดา ถอยไปเล็กน้อยก็หลบหลีกจากอ้อมกอดของนางได้แล้ว…
บัดนี้เด็กน้อยที่มีนัยน์ตาขาวดำตัดกันชัดเจน ฉ่ำแวววาว ยามที่มองดูนางดุจมีคลื่นแสงกระเพื่อมไหว ตอนที่เงยหน้ามองนาง ทำเอาจิตใจนางสั่นไหวเล็กน้อย นางยิ้มนิดๆ มุมปากหยักบางๆ เผยรอยยิ้มที่ชวนลุ่มหลงที่สุดออกมา
“เด็กน้อย ให้น้าอุ้มเจ้าดีหรือเปล่า?”
เธอเบี่ยงกายไปครึ่งหนึ่ง เผยดวงหน้ากว่าครึ่งไปทางตี้ฝูอี
เนื่องจากนางรู้ว่าใบหน้าด้านข้างของนางงดงามที่สุด โดยเฉพาะยามที่แย้มยิ้มน้อยๆ เช่นนี้จะชวนให้คนลุ่มหลงที่สุด เป็นประเภทที่สามารถดึงดูดบุรุษน้อยใหญ่ได้
ตี้ฝูอีส่ายหน้า
“ไม่ดี ท่านอัปลักษณ์เกินไป!”
ได้รับค่าความเสียหายหนึ่งหมื่นแต้ม!
ใบหน้าเฉิดฉันของสตรีนางนั้นเดี๋ยวคล้ำเดี๋ยวซีด อ้าปากน้อยๆ
“ข้า…”
ไอ้เด็กตาไม่มีแวว!
ไม่น่าเชื่อว่าจะบอกว่าโฉมงามเช่นนางอัปลักษณ์…
“เด็กน้อย เช่นนั้นเจ้าพูดมาสิว่าใครที่น่ามอง?”
สตรีนางนั้นถามอย่างไม่พอใจ
“นาง ท่านแม่ของข้า!”
นิ้วน้อยๆ ของตี้เฮ่าชี้ไปที่กู้ซีจิ่วอย่างไม่ลังเลเลย
————————————————————————————-
บทที่ 2609 สามีคนนี้ของเธอช่างดึงดูดดอกท้อเสียเหลือเกิน!
สตรีนางนั้นอดไม่ได้ที่จะมองดูสตรีในอ้อมแขนของตี้ฝูอี
กู้ซีจิ่วหันหลังให้เล็กน้อย ตอนแรกสตรีนางนั้นจึงมองไม่เห็นรูปโฉมของเธอเลย ตอนนี้คงเป็นเพราะความเคลื่อนไหวทางฝั่งของตี้เฮ่าทำให้กู้ซีจิ่วตกใจ เธอจึงหันหน้ามาดูแล้ว…
สตรีนางนั้นสบตากับเธอแวบหนึ่ง ใบหน้าเฉิดฉันเขียวคล้ำทันที!
ตัวนางเมื่อเทียบกับผู้อื่นแล้ว เปรียบเสมือนหิ่งห้อยริเทียบแสงจันทรา
ไม่อาจเทียบอันใดได้เลย!ดวงหน้าเฉิดฉันของนางเผือดซีด หันหลังให้อย่างอับอายมุดเข้าไปในฝูงชน หายลับไปไม่เห็นเงา
กู้ซีจิ่วหยักมุมปากขึ้นนิดๆ ไม่นึกเลยว่าตี้เฮ่าน้อยพูดจาไม่กี่ประโยคก็ปัดดอกท้อดอกหนึ่งไปให้พ้นจากบิดาเขาได้แล้ว
สามีคนนี้ของเธอช่างดึงดูดดอกท้อเสียเหลือเกิน!
ไม่ทันระวังก็โผล่มาให้เห็นหลายดอกแล้ว…
เธอหลุบตาลงนิดๆ ไม่ได้ให้ตี้ฝูอีวางเธอลง กลับคล้องแขนโอบคอเขาอย่างเปิดเผย แสดงกรรมสิทธิ์อย่างโจ่งแจ้ง สตรีหน้าไหนก็อย่าได้หมายปองอีก!
สามพ่อแม่ลูกไปกินข้าวกันที่เหลาสุรา
ห้องรับรองส่วนตัวจัดเตรียมไว้ก่อนแล้ว เหล่าพ่อครัวในเหลาสุราต่างงัดทักษะประจำตระกูลของตนรังสรรค์สุราอาหารเลิศรสออกมาโต๊ะหนึ่ง
เนื่องจากผังดาราสิ้นซากอย่างสมบูรณ์แล้ว ท้องนภาเหนือเมืองนี้จึงเป็นเช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ ปรากฏแสงตะวันที่ไม่ได้พบเห็นมาเนิ่นนานแล้ว
ระหว่างที่กินอาหารอยู่ ตี้ฝูอีก็ได้รับข่าวที่ลูกน้องหลายคนส่งมา
เขาทำลายผังดาวไปสามเมืองแล้ว ลูกน้องเหล่านั้นแยกย้ายกันไปยังเมืองอื่นๆ คุ้มกันผังดาราของที่นั่น ป้องกันไม่ให้จู๋ตู๋ชิงลอบมาเล่นเล่ห์อีก ด้วยความจนตรอก
ตอนนี้ลูกน้องเหล่านั้นประจำตำแหน่งหมดแล้ว พากันรายงานว่าภายในเมืองที่เฝ้าอยู่ไม่มีความผิดปกติอันใด และไม่พบร่องรอยของจู๋ตู๋ชิงเลย
กลับเป็นคุนเสวี่ยอี๋ที่พบพานอวิ๋นเยียนหลีในตรอกแคบ คุนเสวี่ยอี๋ยังโบกมือร้องทักทายเขาอยู่เลย ผลคือผู้อื่นเพียงพยักหน้าให้เขานิดๆ เดินเฉียดไหล่เขาไป จากไปไกลในชั่วพริบตา
สุดท้ายคุนเสวี่ยอี๋ยังสรุปความให้ด้วย
“ข้าน้อยคิดว่าอวิ๋นเยียนหลีก็กำลังตามหาเจ้าไผ่ต้นนั้นเพื่อล้างแค้นอยู่เช่นกัน เฮ้อ แต่ดีแล้วที่เขาหาไม่เจอ มิเช่นนั้นด้วยตัวเขาเพียงลำพังไร้ซึ่งผู้ช่วยเหลือ เกรงว่าคงจะถูกเจ้าไผ่ต้นนั้นปลิดชีพเขาทันที”
ตี้ฝูอีเพียงตอบอืมคำหนึ่ง แล้วตัดสายยันต์ถ่ายทอดเสียง
กู้ซีจิ่วฟังอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยถามตี้ฝูอี
“ท่านว่า จู๋ตู๋ชิงหนีไปอยู่ที่ไหนแล้ว? อันที่จริงข้าค่อนข้างฉงน ข้ายังนึกอยู่เลยว่าเมื่อแผนชั่วของเขาถูกเปิดโปงแล้ว จะไปเล่นเล่ห์กับผังดาราของเมืองอื่นๆ เสียอีก ผลคือไม่มีเลย”
ตี้ฝูอีใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ได้ตอบคำถามของนาง กลับยกมือเรียกกระดานหมากชุดหนึ่งออกมา ผลักชามตัวหมากสีดำให้กับนาง
“เจ้ายังจำวิถีเดินหมากของสองคนนั้นในความฝันได้ไหม? พวกเรามาลองกันสักตาไหม?”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว
“หา?”
“หากว่าเจ้ายังจำได้ ให้พยายามเลียนอย่างการเดินหมากของคนชุดดำผู้นั้น แน่นอน ดีที่สุดคือจำแนวทางการเดินของเขาให้ได้เกินสิบก้าว…”
กู้ซีจิ่วเม้มปากนิดๆ
“ข้าจำได้หมดเลย…”
ครั้งนี้สร้างความประหลาดใจให้ตี้ฝูอีได้แล้ว
“หือ? จำแนวทางการลงหมากกว่าร้อยก้าวได้หมดเลยหรือ?”
หมากล้อมมีทั้งหมดสามร้อยหกสิบเอ็ดเม็ด หมากขาวหนึ่งร้อยแปดสิบเม็ด หมากดำหนึ่งร้อยแปดสิบเอ็ดเม็ด เป็นเหตุให้ตี้ฝูอีถามเช่นนี้
กู้ซีจิ่วเชิดหน้านิดๆ
“ข้าจำกลหมากของเขาได้หมดเลย! เพียงแต่มิใช่แค่กว่าร้อยตัวเท่านั้น แต่เป็นกว่าห้าร้อยตัว กลหมากของพวกเขาแตกต่างไปจากปกติ ซับซ้อนกว่านั้นมาก”
ตี้ฝูอีตกตะลึง
“ดูท่าเจ้าจะจำกระดานหมากได้ด้วยกระมัง?”
“แน่นอน!”
ด้วยเหตุนี้ตี้ฝูอีพลันโบกมือลบเส้นตารางทั้งหมดบนกระดานหมากออก
“วาดลงบนกระดานดูสักรอบสิ”
กู้ซีจิ่วก็ไม่เกรงใจ หยิบมีดเล่มหนึ่งออกมาสลักกระดานหมากทันที