ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2638 พบกันอีกครั้ง / บทที่ 2639 พบกันอีกครั้ง 2
บทที่ 2638 พบกันอีกครั้ง
“โง่! บรรพบุรุษของเผ่าจิ้งจอกครามที่นี่คือสายเลือดราชวงศ์จากดาวจิ้งจอกครามของพวกเรา พลังจิตของผู้สืบสายเลือดราชวงศ์ล้วนทรงพลังยิ่ง แถมพลังจิตยังมีความคล้ายคลึงกับพลังวิญญาณที่มนุษย์ของที่นี่ฝึกฝนด้วย จิ้งจอกครามรุ่นหลังเหล่านี้ก็ฝึกฝนพลังวิญญาณที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน บางทีท่านจอมพลของพวกเราอาจต้องการอาศัยพลังจิตของพวกเขาเพื่อต่อกรกับคนอื่นล่ะมั้ง?”
“ชู่ว อย่าวิจารณ์ท่านจอมพลสิ แกอยากตายหรือไง?”
ในที่สุดก็มีคนยับยั้งแล้ว หัวข้อนี้จึงสิ้นสุดลง
กู้ซีจิ่วเร้นกายยืนฟังเรื่องซุบซิบนินทาเช่นนี้อยู่ตรงนั้น หัวใจดิ่งวาบลงทันที
ไม่น่าเชื่อว่าเผ่าจิ้งจอกครามจะไม่ใช่ประชากรพื้นเมืองของโลกใบนี้ แต่มาจากดาวจิ้งจอกคราม มาจากดาวเคราะห์ดวงเดียวกันกับผู้รุกรานเหล่านี้ แถมยังเป็นเชื้อพระวงศ์ของดาวจิ้งจอกครามด้วย
เธอจำได้ว่าปีนั้นทั้งเธอและตี้ฝูอีล้วนอยู่ที่โลกเบื้องล่าง เคยเจรจาหารือถึงปัญหาของเผ่าจิ้งจอกครามด้วย ตอนนั้นตี้ฝูอีเคยบอกว่า เผ่าจิ้งจอกครามเข้ากับมนุษย์ของโลกใบนี้ไม่ค่อยได้ การฝึกฝนบ่มเพาะวรยุทธ์ก็ค่อนข้างประหลาดกว่าเผ่าพันธุ์อื่น อย่างไรก็ตามเผ่าจิ้งจอกครามเป็นตัวตนที่ดำรงอยู่มาเนิ่นนานแล้ว อย่างน้อยก็ตั้งแต่เขาจำความได้ เผ่าจิ้งจอกครามก็ดำเนินชีวิตอยู่บนทวีปซิงเยวี่ยแล้ว
เพียงแต่คนเผ่านี้สันโดษยิ่งนัก ไม่คบค้าสมาคมกับคนนอกง่ายๆ และไม่แก่งแย่งชิงอำนาจ ดังนั้นตี้ฝูอีจึงไม่ได้ใส่ใจ
ถึงอย่างไรบนทวีปซิงเยวี่ยก็มีเผ่าพันธุ์ต่างๆ อยู่มากมาย ไม่ได้มีแค่เผ่ามนุษย์ เผ่าปีศาจ เผ่ามาร ยังมีเผ่าเงือก มีเผ่าจิ้งจอกครามเพิ่มเข้ามาอีก ตี้ฝูอีจึงไม่เก็บมาใส่ใจอยู่แล้ว
กู้ซีจิ่วไม่ได้รู้สึกเป็นปรปักษ์กับมนุษย์จากต่างดาวเลย เพราะถึงอย่างไรเสียสำหรับทวีปซิงเยวี่ยแห่งนี้ ตัวเธอ กู้ซีจิ่วอันที่จริงก็นับเป็นชาวต่างดาว ไม่ใช่ชาวท้องถิ่นเหมือนกัน
แต่เธอไม่อาจยอมรับผู้รุกรานที่แทบจะทำลายทวีปซิงเยวี่ยให้ย่อยยับเหล่านี้ได้! พวกเขาคือผู้รุกราน เป็นอันธพาล!
ในเมื่อผู้รุกรานเหล่านี้เป็นคนจากดาวจิ้งจอกคราม เช่นนั้นเหตุผลที่พวกเขามาก็จะเกี่ยวข้องกับเผ่าจิ้งจอกครามหรือเปล่า?
แล้วหลานเยวี่ยที่อยู่ด้านในมีบทบาทอย่างไร?
คำถามนับไม่ถ้วนพลิกตลบอยู่ในสมองกู้ซีจิ่ว เธอหลุบตาลงนิดๆ เห็นทีว่ามีแต่ต้องเข้าไปเท่านั้นถึงจะหาคำตอบได้
ไม่ช้าโอกาสก็มาถึง ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูที่คล้ายน้ำวนบานนั้นเปิดออกอีกครั้ง กวนย่าหนิงเดินออกมา
และในวินาทีที่ประตูเปิดออกกู้ซีจิ่วที่เร้นกายอยู่ก็เคลื่อนย้ายเข้าไปทันที!
กวนย่าหนิงเพียงรู้สึกได้รางๆ ว่ามีกระแสลมพัดผ่านข้างกายไป สายลมนั้นแฝงกลิ่นหอมสดชื่นของพืชหญ้าไว้ เขาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเช่นกัน เอ่ยสั่งการลูกน้องที่หน้าประตูไม่กี่ประโยค ก็เดินจากไปแล้ว
โครงสร้างภายในใหญ่โตมาก เสมือนเรือนที่สร้างขึ้นด้วยโลหะอ่อนชนิดหนึ่ง เมื่อเดินหน้าไปตามเส้นทาง จะได้เห็นห้องเดี่ยวแต่ห้องละเรียงรายกันไป
สีสันของโถงทางเดินแฝงสีครามอ่อนไว้เล็กน้อย กู้ซีจิ่วมีความรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในกระสวยอวกาศของมนุษย์ต่างดาว
วัสดุทั้งหมดล้วนไม่ใช่วัสดุที่เธอคุ้นเคย เธอใช้นิ้วแตะดูเบาๆ คล้ายกับวัสดุของห้องโดยสารภายในยานรบเหล่านั้นยิ่งนัก ต่างกันแค่สีสันเท่านั้น
ในโถงทางเดินมีกล้องวงจรปิดอยู่ไม่น้อยเลย ถึงขั้นที่ติดตั้งอุปกรณ์จำพวกกล้องอินฟราเรดที่สามารถเผยตัวสิ่งมีชีวิตทั้งหมดได้
เธอยังคงปรับอุณหภูมิร่างกายให้เย็นเฉียบเช่นเดียวกับผนังที่อยู่รอบข้าง แบบนี้เธอก็สามารถเร้นกายต่อไปได้โดยไม่ถูกกล้องอินฟราเรดพบตัว
ด้านในก็มิใช่ผนังที่เย็นเฉียบเหมือนห้องวิจัยเท่านั้นไปเสียทั้งหมด กู้ซีจิ่ววนไปวนมาสองสามรอบ ไม่น่าเชื่อว่าจะพบสถานที่ที่ดูเหมือนสวนดอกไม้แห่งหนึ่ง
ในสวนดอกไม้มีดอกไม้ใบหญ้า ถึงขั้นที่มีลำธารสายเล็กๆ ด้วย…
แน่นอน ดอกไม้ใบหญ้าที่เติบโตอยู่ในนี้ล้วนแต่เป็นสายพันธุ์แปลกๆ ที่เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อน แม้แต่ลำธารก็ยังเจือกลิ่นหอมของน้ำนมเอาไว้จางๆ…
ฝีเท้าเธอพลันชะงักลง ด้านหน้าภายในแปลงสมุนไพรที่อยู่ไม่ไกลออกไป คนผู้หนึ่งกำลังค้อมเอวก้มดูแลสมุนไพรอยู่
ด้านข้างยังมีลูกสุนัขตัวหนึ่งวิ่งไปวิ่งมาด้วย
ลูกสุนัขตัวนั้นลักษณะเหมือนหมาคอร์กี้ สี่ขาเล็กสั้น ตัวอ้วนเล็กน้อย เวลาวิ่งดูเหมือนลูกบอล น่ารักมาก
————————————————————————————-
บทที่ 2639 พบกันอีกครั้ง 2
คนผู้นี้เปลือยท่อนบน ท่อนล่างสวมกางเกงทหารสีเทาอ่อนตัวเดียว สวมรองเท้าหุ้มข้อที่ไม่รู้ว่าทำมาจากหนังอะไร ย่อตัวเล็กน้อยอยู่ตรงนั้น กู้ซีจิ่วมองเห็นเพียงแผ่นหลังของเขา
แค่แผ่นหลังนี้ก็ทำให้คนใจสั่นหวั่นไหวได้แล้ว
ลายกล้ามส่วนหลังเรียบเนียน เป็นทรงสามเหลี่ยมที่สมบูรณ์แบบ ไหล่กว้าง หลังตรงเอวสอบทรงพลัง
ลายเส้นผิวพรรณชัดเจน เป็นสีแทนที่ดูสุขภาพดี กล้ามเนื้อบนท่อนแขนปูดนูนขึ้นมา ดูกำยำอย่างยิ่ง
คงเป็นเพราะที่นี่ค่อนข้างร้อน บนหลังคนผู้นี้จึงมีเหงื่อ เหงื่อบางหยดไหลกลิ้งอยู่บนแผ่นหลังเขา ยิ่งเพิ่มความงดงามสมชายเข้าไปอีก…
คนผู้นี้มีกลิ่นอายความเป็นชายที่กล้าแกร่งนัก จับตาคนได้ยิ่งกว่านักเพาะกายเสียอีก
คนคนนี้เป็นใครกัน?
กู้ซีจิ่วเดินเข้าไป อ้อมไปอยู่ตรงข้ามกับชายคนนี้
ถึงยังไงคนๆ นี้ก็มองไม่เห็นเธออยู่ดี เธอเลยปล่อยตัวตามสบายยิ่ง
ในที่สุดเธอก็ได้เห็นรูปโฉมของคนผู้นี้ชัดๆ แล้ว ใจเต้นเล็กน้อย
รูปโฉมของคนผู้นี้ดูคล้ายจะเป็นลูกครึ่ง เป็นลูกครึ่งที่รวมเอาจุดเด่นของชาวที่ราบกับชาวตะวันตกไว้ คิ้วคมพาดเฉียงชี้เข้าหาจอนผม ตาหงส์เรียวเฉี่ยวเว้าลึก จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง
รูปโฉมของคนผู้นี้งดงามสมบูรณ์แบบยิ่ง งามพร้อมไม่มีจุดบกพร่องเลยสักนิด ราวกับไม่ใช่ของจริง
เขานั่งย่ออยู่ตรงนั้น เห็นชัดเจนว่ากำลังดูแลสมุนไพรอยู่ แต่ทำให้คนรู้สึกเสมือนเสือดาวที่หมอบซุ่มอยู่ งดงามลึกลับอันตราย! อำนาจก็กล้าแกร่งมากเช่นกัน!
คนคนนี้…
คงมิใช่ท่านจอมพลของผู้รุกรานเหล่านี้กระมัง?!
สายตาของกู้ซีจิ่วกวาดมองถุงมือสีขาวพิสุทธิ์ที่อยู่ข้างตัวเขาแวบหนึ่ง สงสัยในจุดนี้ยิ่งนัก
ผู้รุกรานเหล่านี้ดูเหมือนจะมีแค่เจ้าพนักงานระดับสูงถึงจะสามารถสวมถุงมือชนิดนี้ได้…
เหมือนที่ก่อนหน้านี้กวนย่าหนิงก็สวมคู่หนึ่งเหมือนกัน
กู้ซีจิ่วหรี่ตาเล็กน้อย
จากข้อมูลที่เธอได้รับ ผู้รุกรานเหล่านี้กำลังโจมตีสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์อยู่ กวนย่าหนิงก็เพิ่งออกมาจากสนามรบ ที่กลับฐานทัพมารอบนี้เพียงเพื่อซ่อมยานที่เสียหายเหล่านั้นของเขา มิเช่นนั้นคงกลับสนามรบไปนานแล้ว
แต่คนคนนี้กลับมาดูแลสมุนไพรอย่างสบายใจเฉิบเช่นนี้อยู่ที่นี่…
ต่อให้คนผู้นี้ไม่ใช่จอมพล ก็น่าจะอยู่ในกลุ่มนายพลเหมือนกัน
ประกายคมปลาบพาดผ่านนัยน์ตาของกู้ซีจิ่ว นิ้วมือกระดิกเล็กน้อย…
จับโจรต้องจับตัวหัวหน้าก่อน เธอจะฆ่าคนคนนี้ก่อน หรือว่าไปหาหลานเยวี่ยก่อนดี?
ขณะที่เธอลังเลอยู่เล็กน้อย จู่ๆ คนผู้นั้นก็เงยหน้าขึ้นมา สองตามองเข้ามายังทิศทางที่กู้ซีจิ่วยืนอยู่ สายตาราวกับเหยี่ยว!
กู้ซีจิ่วใจเต้นแรงเล็กน้อย!
คนคนนี้มีสองม่านตา! สีของแก้วตาเป็นสีม่วงเข้ม ดุจกระแสน้ำวนที่ลึกล้ำ ยามที่มองดูคนราวกับสามารถมองทะลุเข้าไปในจิตวิญญาณของผู้อื่นได้
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน เธอไม่เชื่อว่าเขาจะมองเห็นเธอด้วยตาเปล่าของเขาได้!
ในไม่ช้า กู้ซีจิ่วก็พบว่าสายตาของเขาไม่ได้มองมาที่เธอจริงๆ แต่มองไปที่ด้านหลังของเธอ…
กู้ซีจิ่วหันหลังไป ม่านตาพลันหดตัว
ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังเธอ สวมเสื้อคลุมสีครามอ่อน เรือนผมยาวมัดรวบขึ้น รูปโฉมหล่อเหล่าพิสุทธิ์ เป็นหลานเยวี่ย เขาหลุบตามองชายที่นั่งยองอยู่ตรงนั้น
“ตวนมู่เหยี่ยน สมุนไพรนั้นใช้ได้ไหม? อาการของนางไม่ค่อยดี…”
ชายคนนั้นนามว่าตวนมู่เหยี่ยน เขามองหลานเยวี่ยแวบหนึ่งแล้วก้มหน้าลงไปอีกครั้ง ถูนิ้วลงบนสมุนไพรเบาๆ
ม่านตาของกู้ซีจิ่วหดตัวลง บนนิ้วมือของคนผู้นี้คล้ายจะมีสนามแม่เหล็กอยู่ สมุนไพรต้นนั้นที่เขาถูลงไปเบาๆ พลันเบ่งบานขึ้นมาด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า…
เมื่อบุปผานั้นเบ่งบานจนมีขนาดเท่าถ้วยชา ตวนมู่เหยี่ยนก็เด็ดมัน จากนั้นก็ลุกขึ้น
“ไปเถอะ ไปดูเธอกัน”
เขาสาวเท้าก้าวไปข้างหน้า กายแกร่งเหยียดตรง แฝงบุคลิกเฉพาะของคนเป็นทหารไว้
และไม่ทราบเช่นกันว่ารู้สึกหลอนไปหรือไม่ เมื่อครู่ตอนที่เขาเพิ่งลุกขึ้นมา กู้ซีจิ่วก็รู้สึกว่าเขามองมาที่เธอแวบหนึ่ง ราวกับว่ามองเห็นเธอ!
————————————————————————————-