ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2644 ปิดล้อม 4 / บทที่ 2645 ใครจริงใครปลอม
บทที่ 2644 ปิดล้อม 4
คาดไม่ถึงว่าทันทีที่คนเหล่านั้นออกไปก็ถูกปิดล้อมไว้ทันที แทบจะแตกพ่ายกันไปหมด มีเพียงเยี่ยนเฉินที่พาหลานไว่หูหนีรอดกลับมาได้…
“ครานั้นออกไปกว่าสิบคน หากว่าพวกเราทั้งหมดออกไปพร้อมกัน ถึงพวกเขาอาจจะไล่ตามทุกคนไม่ได้ หนีรอดไปได้หนึ่งคนก็คือหนึ่งคน แต่ก็ดีกว่ารอความตายอยู่ที่นี่…”
“ใช่แล้วๆ พวกเราไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว”
คลื่นอารมณ์พลุ่งพล่านขึ้นมาอีกอีกครั้ง ล้วนโวยวายว่าจะสู้ตายอย่างไม่สนใจไยดีอะไรแล้ว!
อันที่จริงมู่เฟิงก็สิ้นหวังเช่นกัน พวกเขายืนหยัดมาเนิ่นนานเหลือเกิน แต่กองหนุนกลับไม่เคยมาถึงแล้ว ถึงขั้นมีความเป็นไปได้ว่าจะไม่มีมาอีกเลยตลอดกาล
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ บางทีการฝ่าออกไปสู้ตายสิถึงจะเป็นเสี้ยวความหวัง…
แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เกี่ยวพันกับชีวิตของคนหลายพันคน เขาไม่อาจตัดสินใจเรื่องนี้ได้ในชั่วขณะ
พวกเขาสี่คนยังพอจะมีความหวังในการฝ่าออกไปได้ แต่ถ้าคนอื่นฝ่าออกไป จะเหลือรอดเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
คนเหล่านี้คือความหวังของทวีปซิงเยวี่ย ถ้าล้มหายตายจากกันไปหมด ทวีปซิงเยวี่ยจะไม่เหลือความหวังอันใดอีกต่อไปแล้ว!
แต่หากว่าไม่ไป ในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ก็ไม่เหลือข้าวสักเม็ดแล้ว แม้แต่รากหญ้าบนภูเขาก็โดนขุดจนเตียนแล้ว! ไม่มีสิ่งใดให้กินอีกต่อไปแล้ว ไม่ไปก็ทำได้เพียงอยู่รอความตาย…
ก่อนที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กู้ซีจิ่วจะจากไป เคยสั่งการให้พวกเขาคอยดูแลจัดการให้ดี ปกป้องชาวทวีปซิงเยวี่ยไว้ดีๆ ตอนนี้กลายเป็นเช่นนี้ไปเสียแล้ว…
แววตามู่เฟิงหม่นหมอง เขากวาดตามองฝูงชนที่อยู่ด้านล่างแวบหนึ่ง แล้วมองศิษย์น้องทั้งสามของตน
พวกมู่เหล่นก็มีการสะกดกลั้นเพลิงโทสะไว้ในใจมานานแล้ว อยากพุ่งออกไปสู้ตายอย่างไม่สนใจอะไรแล้วเช่นกัน พวกเขาตัดสินใจแล้ว จะร่วมหัวจมท้ายกับผู้คนทั้งหมดนี้!
หากถูกลิขิตให้ล่มสลายกันไปทั้งหมด เช่นนั้นพวกเขาก็ทำได้เพียงทุ่มชีวิตออกไปสังเวยเท่านั้น!
มู่เฟิงมองไปที่ทางกู่ฉานโม่ และพวกเยี่ยนเฉิน
“สู้เถอะ!”
กู่ฉานโม่และเยี่ยนเฉินเอ่ยขึ้นอย่างพร้อมเพรียง สีหน้าแต่ละคนเศร้าสลด
มู่เฟิงพลันหลับตาลง
“ได้! สู้ตาย!”
ในเมื่อกำหนดแล้วว่าจะฝ่าออกไปในคืนนี้ ทุกคนจึงพากันเก็บข้าวของๆ แต่ละคน และพากันเสาะหาสหายหรือญาติของตน…
การฝ่าสังหารออกไปครานี้ มีความเป็นไปได้เกือบสิบส่วนที่จะต้องตาย ต่อให้ต้องตายพวกเขาก็อยากตายไปพร้อมญาติมิตรของตน
พวกมู่เฟิงสี่เทวทูตและพวกกู่ฉานโม่ล้วนยืนอยู่ในลานแล้ว
พวกเขากำลังรอทุกคนอยู่ เมื่อเตรียมการพร้อมแล้ว พวกเขาจะปลดเขตแดนในอากาศออก ทั้งหมดจะฝ่าหนีออกไป…
ฝูงชนที่กระจัดกระจายกันไปทยอยมารวมตัวกันแล้ว จักรพรรดิแห่งสามอาณาจักรก็ต่างเข้ามาพร้อมเหล่าข้าราชบริพารที่ห้อมล้อมอยู่รอบกายตน
วรยุทธ์ของจักรพรรดิทั้งสามพระองค์ล้วนไม่อ่อนด้อย ยามนี้ได้ถอดฉลองพระองค์ชุดจักรพรรดิออกหมดแล้ว เปลี่ยนไปสวมชุดฝึกยุทธ์ที่เหมาะสำหรับต่อสู้ พวกเขาก็จะสู้ตายเช่นกัน รอพลีชีพเพื่อแผ่นดิน…
ทุกคนต่างทราบกันดี ว่านี่คือการรวมตัวกันครั้งสุดท้าย บรรยากาศโศกสลดแพร่กระจายไปทั่วทั้งลานกว้าง
เชียนหลิงอวี่จักรพรรดิแห่งอาณาจักรเฮ่าเยวี่ยดื่มน้ำในชามเข้าไปอึกหนึ่ง กู่ตะโกนขึ้นมา
“ทุกคน ขอให้พวกเราได้รวมตัวกันอีกครั้งในปรโลก! ทุกคนทุ่มเทสังหารได้หนึ่งคนก็คือหนึ่งคน!”
“ได้! ไปรวมตัวกันอีกครั้งในปรโลก! สู้ตายกับพวกเขากัน!”
ทุกคนยกชามขึ้นมา ดื่มน้ำในชามจนหมด เตรียมจะโยนชามในมือทิ้งแล้ว
ในอากาศพลันมีสายลมโชยมาเล็กน้อย เสียงสายหนึ่งแว่วขึ้นมา
“นี่ทุกท่านทำอะไรอยู่หรือ?”
น้ำเสียงเย็นกระจ่าง เสนาะหูยิ่ง
มู่เฟิงยังถือชามเอาไว้ในมือ ทันทีที่ได้ยินเสียงนี้ ชามในมือพลันหลุดมือร่วงลงพื้น! เขาเงยหน้าขึ้นทันที มองไปตามเสียง
มองเห็นภายในลานมีคนเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง อาภรณ์ขาวพิสุทธิ์ เกล้าผมขึ้นเล็กน้อย อำนาจแกร่งกล้า รูปโฉมงามล้ำเลิศ…
กู้ซีจิ่ว!
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา ในที่สุดก็กลับมาแล้ว!
‘เพล้ง!’
‘เพล้ง!’
‘เพล้ง!’ ชามนับไม่ถ้วนหลุดมือร่วงลงพื้น สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปยังท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ที่จู่ๆ ปรากฏขึ้นตรงนั้นในขณะนี้ ไม่กล้ากะพริบตาเลย ด้วยเกรงว่านี่จะเป็นแค่ภาพหลอนของพวกเขา เพียงกะพริบตาทีหนึ่ง ตัวคนก็จะเลือนหายไป
เงียบสงัด!
ทุกคนล้วนกลั้นหายใจแล้ว…
————————————————————————————-
บทที่ 2645 ใครจริงใครปลอม
ทุกคนล้วนกลั้นหายใจแล้ว อ้าปากน้อยๆ มองสตรีชุดขาวที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้น…
ถึงแม้ผู้คนที่นี่จะไม่ได้รู้จักกู้ซีจิ่วกันทุกคน แต่การที่เธอปรากฏตัวขึ้นกะทันหันแบบนี้ ซ้ำยังแต่งกายหมดจดเรียบร้อยแบบนี้ (ผู้คนของที่นี่ถูกปิดล้อมไว้หลายเดือนแล้ว แต่ละคนผอมซูบจนหน้าเหลือง ใบหน้ามอมแมม เนื่องจากอารมณ์ไม่ดี แม้แต่เสื้อผ้าก็คร้านจะซักล้าง ดังนั้นโดยปกติแล้วทุกคนจึงดูทรุดโทรมยิ่งนัก ผู้คนมากมายดูไม่ต่างจากขอทานข้างถนนสักเท่าไหร่)
ซ้ำบนร่างกู้ซีจิ่วยังแฝงแสงรัศมีจางๆ เอาไว้ด้วย ตัวเธอที่เป็นเช่นนี้ไม่ว่าจะยืนอยู่ที่ไหน ล้วนเป็นตัวตนที่สะดุดตาอย่างยิ่ง
“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์”
คนที่ต่อให้ภูเขาถล่มลงตรงหน้าสีหน้าก็ไม่แปรเปลี่ยนเลยเสมอมาอย่างมู่เฟิงก็เสียงสั่นแล้ว! เขาอยากจะพุ่งเข้าไปหาแต่สองขาทั้งอ่อนยวบทั้งแข็งทื่อ…
“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์”
“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์”
“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์”
คนมากมายที่รู้จักเธอต่างร้องเรียกออกมา บางคนขาอ่อนจนทรุดลงไปคุกเข่าแล้ว บางคนร่ำไห้อย่างไร้เสียง บางคนร้องเสียงหลงแล้ว บางคนพยายามขยี้ตาอย่างสุดกำลัง บางคนปิติยินดีจนนึกอยากจะตีลังกา มีอยู่สามสี่คนที่ร่างกายอ่อนแอถูกความปิติยินดีมหาศาลเข้าโจมตีกะทันหัน ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นลมไปเลย…
ในระยะเวลาเพียงครู่เดียว เบื้องหน้าของกู้ซีจิ่ว คนทั้งหมดได้คุกเข่าลงแล้ว
ตอนนี้เวลานี้ เดิมทีพวกเขายินดีจนอยากจะกระโดดโลดเต้นอยากจะร้องตะโกน แต่น้ำตากลับหลั่งไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กลับมาแล้ว! พวกเขามีทางรอดแล้ว! ทวีปซิงเยวี่ยมีทางรอดแล้ว
ขอบตากู้ซีจิ่วก็แดงเรื่อเช่นกัน!
เพื่อนของเธอ ราษฎรของเธอ บัดนี้ถูกบีบคั้นจนมีสภาพเช่นนี้…
เธอมองประชาชนที่ใบหน้าซูบหมองขาดสารอาหาร สูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง
“ขอโทษนะ ข้ากลับมาช้าไป…”
กู้ซีจิ่วเป็นนักเคลื่อนไหวมาโดยตลอด ทันทีที่เธอมาถึงก็นำสิ่งที่จำเป็นที่สุดให้ทุกคนด้วย…เสบียงอาหาร!
เธอคาดการณ์ไว้แล้วว่าประชาชนในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์คงกำลังหิวโซ ดังนั้นก่อนเธอจะออกจากเผ่าจิ้งจอกคราม ได้ตามหายุ้งฉางของชาวดาวจิ้งจอกครามจนพบ…
ยุ้งฉ่างย่อมมีทหารเฝ้ายามอย่างเข้มงวด แต่ทหารกว่าสิบคนนั้นในสายตาของกู้ซีจิ่วแล้วไม่ต่างอะไรกับไก่อ่อนเลย เธอลงมือนิดๆ หน่อยๆ ก็จัดการได้แล้ว จากนั้นก็ปล้นสะดมอย่างไม่เกรงใจ…
ตอนนี้เธอเป็นซ่างเสินแล้ว มิติเก็บของกว้างใหญ่ไพศาลยิ่ง เก็บเสบียงอาหารหลายสิบตันได้ไม่มีปัญหาเลย ดังนั้นเธอจึงกวาดยุ้งฉางแห่งนั้นมาจนเกลี้ยง แถมยังไปปล้นคลังเสบียงด้วย ภายในคลังเสบียงมีข้าวของสมบูรณ์พร้อมยิ่ง พืชผักเนื้อสัตว์สารพัดชนิด ถึงขั้นที่แม้แต่น้ำมันเครื่องปรุงรสก็มีอยู่ครบครัน ถูกเธอปล้นมาจนเกลี้ยง เอากลับมาด้วยทั้งหมด
ทันทีที่กู้ซีจิ่วเปิดช่องมิติออก สายตาของทุกคนก็ลุกวาวแล้ว! ไชโยโห่ร้องสะท้านฟ้าสะเทือนดิน!
ด้วยเหตุนี้หลังจากผ่านไปหนึ่งเค่อ โรงครัวของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์จึงมีควันโขมงขึ้นมาอีกครั้ง เสียงหม้อกระทะดังเกรียวกราว ผู้คนมากมายทั้งที่มีทักษะงานครัวและไม่มีทักษะงานครัวต่างพากันพับแขนเสื้อขึ้นเพื่อทำกับข้าว บ้างก็ล้างผักเลือกผักผัดผัก ยังมีคนที่หั่นเนื้อด้วย…
บางคนรังเกียจที่มีดหั่นผักหั่นได้ช้าเกินไป จึงหยิบดาบล้ำค่าของตนออกมาหั่นเนื้อหั่นผักเสียงดังฉับๆ
คนคือเหล็ก อาหารคือเหล็กกล้า[1] ถ้าไม่กินข้าวสักมื้อก็จะหิวจนกระวนกระวาย
นับประสาอะไรกับผู้คนของที่นี่ซึ่งหิวโซมานานขนาดนี้แล้ว ในท้องของทุกคนเต็มไปด้วยหญ้ากองหนึ่ง อยากกินอาหารตามปกติจนแทบบ้าแล้ว!
ในอดีตผู้คนของที่นี่ล้วนเป็นคนที่อยู่ดีกินดีกันทั้งนั้น ไม่เคยทุกข์ร้อนเรื่องอาหารหารกินเลย อย่างมากก็กังวลเพียงว่าอาหารจะไม่ดีพอ ไม่ประณีตพอ หรือไม่ก็ไม่อร่อยพอ แต่หลายเดือนมานี้พวกเขาได้ลิ้มรสความทุกข์ยากจากการขาดแคลนอาหารอย่างแท้จริงแล้ว…
ตอนนี้อย่าว่าแต่อาหารเลิศรสอันใดเลย ต่อให้มอบหมั่นโถวให้พวกเขาสักลูกนั่นก็นับเป็นอาหารโอชาหนึ่งในใต้หล้าแล้ว!
แทบทุกคนล้วนไม่มีใครอยู่ว่างเลย ล้วนพับแขนเสื้อเข้าร่วมวงด้วย ขอเพียงได้กินอาหารจนอิ่มเร็วขึ้นสักเค่อเท่านั้น
กู้ซีจิ่วพุดคุยกับพวกมู่เฟิงอยู่ไม่กี่ประโยค สี่ทูตก็คงจะตื่นเต้นเกินไป จึงพูดจาตะกุกตะกัก
เพียงแต่ยังคงเล่าสถานการณ์ในสองปีมานี้ออกมา กู้ซีจิ่วคาดเดาอยู่ในใจได้คร่าวๆ แล้ว
————————————————————————————-
[1] คนคือเหล็ก อาหารคือเหล็กกล้า เหล็กกล้านั้นมีความแข็งแรงกว่าเหล็ก คนจีนจึงเปรียบเทียบข้าวเป็นเหล็กกล้า เพื่อแสดงถึงความสำคัญของข้าวหรืออาหาร เพราะคนเราไม่ว่าจะเก่งหรือแข็งแรงขนาดไหนก็ต้องกินข้าว