ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2648 ใครจริงใครปลอม 4 / บทที่ 2649 วางแผน
บทที่ 2648 ใครจริงใครปลอม 4
“สตรีนางนั้นโป้ปดไม่แนบเนียน แถมยังพูดจาสับสนวกวน ข้าถามนางอยู่หลายคำถาม เป็นคำถามที่มีเพียงข้ากับจิ้งจอกน้อยเท่านั้นที่รู้ นางล้วนตอบไม่ได้ทั้งสิ้น…ต่อมาถูกข้าถามมากเข้าก็อับอายจนพาลโกรธ ลงมือกับข้าทันที เดิมทีข้าเห็นแก่ที่นางมีรูปโฉมเหมือนจิ้งจอกน้อย ไม่อยากจะทำร้ายนางจริงๆ แต่เพิ่งลงมือได้สองกระบวนท่า นางก็เรียกกำลังเสริมมาลอบโจมตีข้าแล้ว…หลังจากข้าทำร้ายนางจนสาหัสถึงได้หนีรอดมาได้…”
กู้ซีจิ่วถามเยี่ยนเฉินอีกหลายคำถาม ล้วนไม่รู้สึกว่ามีจุดไหนที่ผิดปกติ
เมื่อคิดถึงเด็กสาวที่ได้รับบาดเจ็บคนนั้นดูอีกครั้ง ยังคงแตกต่างกับหลานไว่หูมากจริงๆ
หรือเด็กสาวคนนั้นจะเป็นหุ่นเชิดที่ชาวดาวจิ้งจอกครามเหล่านั้นสร้างขึ้นมา?
ด้วยวิทยาการของชาวดาวจิ้งจอกคราม ข้อนี้มีความเป็นไปได้…
แน่นอน ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่ว่าเด็กสาวคนนั้นอาจเป็นญาติห่างๆ ของหลานไว่หูทิ้งไปเช่นกัน ถึงอย่างไรในกายของหลานไว่หูก็มีสายเลือดของชาวดาวจิ้งจอกครามอยู่กึ่งหนึ่ง…
กู้ซีจิ่วจากไปแล้ว เธอยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องจัดการ ไม่มีเวลาว่างอยู่สนทนาจริงๆ
เยี่ยนเฉินยืนอยู่ที่เดิม หลุบตามองมือของตน…
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเด็กสาวคนนั้นไม่ใช่หลานไว่หู แล้วเหตุใดหลังจากตนวัดฝ่ามือนั้นออกไปถึงได้ปวดใจขึ้นมาในทันใดเล่า? เมื่อเห็นนางทรุดลงไปทำไมสัญชาตญาณจึงต้องการจะเข้าไปประคองไว้?
เขายืนอยู่ตรงนั้นแหงนมองจันทราบนท้องนภาดวงนั้น ไม่ทราบเช่นกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ทันใดนั้น เขาคล้ายจะสัมผัสอะไรได้ หันหน้าไป
“ผู้ใด?”
“พี่เยี่ยนเฉิน ข้าเอง”
หลานไว่หูโผล่ออกมาจากด้านหลังพฤกษาใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง วิ่งมาอยู่ข้างกายเขา
“อย่าวิ่งเร็วขนาดนี้สิ ตอนนี้เจ้าท้องอยู่นะ ระวังหน่อย”
เยี่ยนเฉินประคองนางไว้
หลานไว่หูคลี่ยิ้มดุจบุปผา
“ทราบแล้ว ข้าจะระวังนะ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เด็กคนนี้มา เป็นสายเลือดสกุลเยี่ยนของท่าน…”
เยี่ยนเฉินกุมขมับ
“จิ้งจอกน้อย ข้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องสายเลือดเลยจริงๆ ข้า ข้าใส่ใจเขาเพียงเพราะเขาคือลูกของพวกเรา”
“รู้แล้วๆ”
หลานไว่หูกอดแขนเขาไว้ เงยหน้ายิ้มให้เขา ภายใต้แสงจันทร์ สองแก้มนวลกระจ่างดั่งเมฆา นัยน์ตาสุกสว่างดั่งดวงดาว ริมฝีปากแดงเรื่อปานกุหลาบ…
นางที่เป็นเช่นนี้งดงามนัก และบัดนี้นางพริ้มตาลงแล้ว ริมฝีปากเผยอออกเล็กน้อย คล้ายว่ากำลังเชื้อเชิญ
หากเป็นเมื่อก่อน เยี่ยนเฉินคงอดใจไม่ไหวจุมพิตนางไปแล้ว แต่น่าแปลกที่เดี๋ยวนี้ไม่มีความปรารถนาด้านนี้อยู่เลย…
หลานไว่หูคอยอยู่พักหนึ่ง ไม่ได้รับจุมพิตจากเขา อดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา
“พี่เยี่ยนเฉิน…”
เยี่ยนเฉินยื่นนิ้วไปเคาะหน้าผากนางเบาๆ
“เอาล่ะ พวกเรากลับไปกินอะไรหน่อยเถอะ“”
แล้วพานางออกเดิน หลานไว่หูเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้ม ยังคงรั้งแขนเสื้อเขาไว้
“พี่เยี่ยนเฉิน คืนนี้…ท่านจะมาหาข้าที่ห้องไหม?”
ฝีเท้าเยี่ยนเฉินชะงักไป
นับตั้งแต่หลานไว่หูตั้งครรภ์ ด้วยคำนึงถึงบุตรตัวน้อย เขาจึงไม่ได้แตะต้องนางเลย ทั้งสองแยกห้องกันนอน
แน่นอน ช่วงที่ผ่านมานี้เนื่องจากเยี่ยนเฉินวิตกกังวลว่าจะข้ามผ่านแต่ละวันไปอย่างไรดี จึงไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้เลย
หลานไว่หูเชื้อเชิญอย่างเปิดเผยนัก หลังจากเยี่ยนเฉินเงียบไปครู่หนึ่ง ก็ส่ายหน้าแล้วตอบ
“เด็กโง่ ตอนนี้เจ้าท้องอยู่ ยังทำไม่ได้…”
“ทำได้สิ!”
หลานไว่หูถลึงตาโต
“ช่วงตั้งครรภ์สามเดือนแรกเป็นช่วงอันตราย ถ้าผ่านสามเดือนไปแล้วก็สามารถทำได้…ขอเพียง ขอเพียงไม่รุนแรงขนาดนั้น ก็ไม่มีผลเสียกับลูก…”
เยี่ยนเฉินค่อนข้างประหลาดใจ
“ใครบอกกัน?”
เรื่องเช่นนี้เขาเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก
หลานไว่หูผงะไปแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนว่าเป็นซีจิ่วไง เมื่อก่อนนางเคยบอกข้าไว้ ท่านไม่เชื่อข้า หรือไม่เชื่อนางด้วย?”
วิชาแพทย์ของกู้ซีจิ่วเลิศล้ำ ปกติแล้วนางพูดถูกเสมอ ไม่เคยผิดพลาดเลย…
เยี่ยนเฉินใคร่ครวญดูเล็กน้อย หลานไว่หูทำตาแป๋ว แทบจะมีหยาดน้ำหยดลงมาแล้ว นางทำใจกล้าเขย่งเท้าขึ้นมา
“พี่เยี่ยนเฉิน ช่วงที่ผ่านมา…ท่านไม่คิดถึงข้าบ้างหรือ?”
————————————————————————————-
บทที่ 2649 วางแผน
ลมหายใจอุ่นร้อนของนางแทบจะเป่ารดอยู่ริมหูของเขา ชวนจั๊กจี้นัก
นิสัยของจิ้งจอกน้อยค่อนข้างเหนียมอาย ช่วงเวลาที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนในเรื่องนี้มีน้อยยิ่ง ถึงขั้นที่นางไม่ค่อยกระตือรือร้นกับเรื่องนี้เลย บางครั้งที่เยี่ยนเฉินรุนแรงเกินไป นางยังไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้อยู่ตั้งหลายวัน
จิ้งจอกน้อยชอบความหวานซึ้งนัก ในสายตาของนางความรักก็คือการที่ชายหญิงรักใคร่สมัครสมานร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน แม้ว่าจะเป็นความหวานซึ้งที่แสนเรียบง่าย นางก็ชอบทั้งสิ้น
มีเพียงเรื่องกามกิจเท่านั้นที่เป็นกรณียกเว้น ลึกๆ ในใจของนาง มักจะรู้สึกอยู่เสมอว่าท่าทางยามที่ชายหญิงแนบชิดกันค่อนข้างประหลาด ไม่น่าโสภาอยู่บ้าง…
ส่วนเยี่ยนเฉินก็โอ๋นางนัก เห็นนางไม่ชอบเรื่องนี้ แต่งงานกันมาเนิ่นนานปานนี้แล้วก็ยังพยายามควบคุมตัวเองเอาไว้ นอกจากเวลาที่ทนไม่ไหวแล้วเท่านั้นถึงจะคิดหาวิธีกินนาง
ถึงแม้เยี่ยนเฉินจะมีนิสัยสุขุม แต่ถึงอย่างไรก็ยังหนุ่มแน่น คนหนุ่มเลือดร้อนและคึกคัก เมื่อภรรยาสุดที่รักอยู่ข้างกาย เขามักจะข่มความปรารถนาเอาไว้ไม่อยู่ สองเดือนก่อนพอจิ้งจอกน้อยรู้ว่าตนตั้งครรภ์ ก็ราวกับได้กระบี่อาญาสิทธิ์ ปฏิเสธความต้องการของเขาอย่างสิ้นเชิง ด้วยเกรงว่าเขาจะควบคุมไม่ได้ นางจึงเสนอให้แยกห้องนอน
ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้เด็กคนนี้มา เยี่ยนเฉินย่อมทะนุถนอมอย่างยิ่ง ดังนั้นจึงได้แต่ยอมนาง ฝืนตกลงแยกห้องนอนกับนาง
เนื่องจากตอนนี้สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์มีคนมากมาย เรือนพักแน่นขนัด เมื่อเยี่ยนเฉินกับหลานไว่หูต้องการแยกห้องนอน ก็มีแต่ต้องไปอยู่รวมกับคนอื่น
ดังนั้นเยี่ยนเฉินจึงออกไปอยู่ร่วมกับศิษย์พี่ศิษย์น้องคนอื่นๆ
ด้วยเกรงว่าจิ้งจอกน้อยจะเหงา จึงให้ศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งไปอยู่ร่วมห้องกับนาง
เนื่องจากสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์มีกิจธุระวุ่นวาย หลังจากทั้งสองแยกกันอยู่ เยี่ยนเฉินจึงทุ่มสมาธิไปกับภารกิจหน้าที่ ทุ่มสมาธิวางแผนกับคนอื่นๆ ว่าจะโต้กลับอย่างไรดี จมจ่อมอยู่กับเรื่องเหล่านั้น ความห่วงกังวลในตัวจิ้งจอกน้อยย่อมลดลงไปด้วย ในหนึ่งวันทั้งสองจะพบหน้ากันเพียงครั้งเดียว เมื่อเยี่ยนเฉินเห็นว่านางสบายดีก็จะกลับไปยุ่งกับธุระของตนต่อ
ถึงอย่างไรเยี่ยนเฉินก็ยังหนุ่มแน่น ซ้ำยังรักใคร่ภรรยาของตนนัก ยามที่พบกับจิ้งจอกน้อย หากว่าไม่มีคนนอกอยู่ใกล้ๆ เขายังคงมีความหุนหันพลันแล่นอยู่ ต้องการจะโอบกอดนาง จุมพิตนาง มีครั้งหนึ่งที่ร่างกายได้แนบชิดกัน จิ้งจอกน้อยสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงบนร่างของเขาได้อย่างชัดเจน ทนไม่ได้ผลักเขาออกไป ตำหนิเขาว่า ‘วิปริต’ ทำให้เยี่ยนเฉินค่อนข้างอับอายนัก ผลุนผลันจากไป ไม่กล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าจิ้งจอกน้อยเลยเป็นเวลาสามวัน ต่อมาเขาได้รับภารกิจออกไปด้านนอก…ผลก็คือจิ้งจอกน้อยเป็นห่วง แอบติดตามออกมาด้วย…
หลังจากกลับมาครั้งนั้น จิ้งจอกน้อยคงจะตระหนักได้ว่าละเลยสามีเกินไปแล้ว คอยยั่วเย้าเขาอยู่ตลอดอย่างเจตนาและไม่เจตนา
แต่เยี่ยนเฉินหนึ่งคือบาดเจ็บ สองคือพี่น้องที่พาออกไปด้วย ล้วนไม่ได้กลับมาทั้งสิ้น ในใจรู้สึกผิดอย่างยิ่งจึงไม่มีความสนใจในด้านนี้เลย
ดังนั้นเขาจึงทำเป็นมองไม่เห็นการยั่วยวนของจิ้งจอกน้อยเสีย เมื่ออยู่กับจิ้งจอกน้อยเขาจุดไฟปรารถนาไม่ติดเลยจริงๆ
อย่างเช่นในยามนี้ จิ้งจอกน้อยเชิญชวนอย่างชัดเจนเช่นนี้ อารมณ์ของเขายังคงสงบราบเรียบยิ่ง เพียงลูบศีรษะนางเบาๆ
“เด็กดี กลับไปกินข้าวกินปลา ดื่มน้ำดื่มท่าก่อนเถอะ ข้าต้องมีธุระไปหารือกับอาจารย์ใหญ่กู่น่ะ”
พลางหันหลังจากไป
หลานไว่หูยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังเขาหายลับไป ใจลอยไปชั่วขณะหนึ่ง
ผ่านไปครู่หนึ่ง นางวางมือลงบนหน้าท้องของตน คล้ายจะสัมผัสถึงความเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ ถอนหายใจเบาๆ เยื้องย่างจากไป
เป็นมื้อแรกในรอบสามเดือนที่ได้กินอิ่มหนำ!
ทุกคนล้วนกินกันอย่างรื่นเริงนัก!
แน่นอน เนื่องจากหิวโหยมานานเกินไป กู้ซีจิ่วจึงห้ามไม่ให้พวกเขากินเนื้อ อาหารมื้อนี้เป็นเพียงผัดผักกับโจ๊กเปล่าเท่านั้น. ต่อให้เป็นเพียงเท่านี้ ทุกคนก็ราวกับได้อาหารอันโอชะ กินอิ่มไปกว่าครึ่งแล้ว…
เนื่องจากกู้ซีจิ่วบอกไว้แล้วว่า หิวโหยมาเนิ่นนานไม่อาจกินอิ่มมากเกินไปได้