ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2689 ที่แท้เธอเป็นสิ่งที่ถูกผสมผสานกันออกมาหรือนี่?! / บทที่ 2690 เจ้าจะพาข้าไปไหน?!
- Home
- ลำนำบุปผาพิษ
- บทที่ 2689 ที่แท้เธอเป็นสิ่งที่ถูกผสมผสานกันออกมาหรือนี่?! / บทที่ 2690 เจ้าจะพาข้าไปไหน?!
บทที่ 2689 ที่แท้เธอเป็นสิ่งที่ถูกผสมผสานกันออกมาหรือนี่?!
แววตาฟั่นเชียนซื่อวูบไหวเล็กน้อย ทว่าไม่ได้หงุดหงิด เพียงถอนหายใจเบาๆ ทีหนึ่ง “ซีจิ่ว เจ้าถูกลิขิตสวรรค์ที่เขาบัญญัติล้างสมองไปแล้ว เปิ่นจุนสำนึกเสียใจอยู่บ้าง”
“สำนึกเสียใจอันใด?”
“เปิ่นจุนไม่ควรปล่อยให้เจ้าใช้ชีวิตอยู่ในโลกโลกีย์ใบนี้ ยิ่งไม่สมควรปล่อยให้เจ้าอยู่ร่วมกับตี้ฝูอีเช่นนี้ เปิ่นจุนสมควรพาเจ้าจากไปตั้งแต่วินาทีที่สร้างเจ้าขึ้นมา” ฟั่นเชียนซื่อถอนหายใจ
กู้ซีจิ่วหมุนถ้วยในมือ “มิใช่ว่าท่านไม่ควร แต่เป็นไม่สามารถกระมัง?!”
ฟั่นเชียนซื่อผงะไปแวบหนึ่ง ถอนหายใจแผ่วๆ “ซีจิ่ว เจ้ายังคงเฉลียวฉลาดเช่นเดียวกับในอดีตจริงๆ เพียงแต่ เจ้ายังคงกล่าวผิดไป มิใช่เปิ่นจุนไม่สามารถ แต่เป็นเงื่อนไขไม่เอื้ออำนวย ในอดีตเจ้าถูกตี้ฝูอีสังหาร เปิ่นจุนเก็บรวบรวมได้เพียงหนึ่งจิตหนึ่งวิญญาณของเจ้า วิญญาณส่วนที่เหลือกระจัดกระจายกระจายไปในโลกหล้า ปลิดปลิวไปยังที่ต่างๆ ถ้าเปิ่นจุนต้องการให้เจ้ากลับคืนมาอย่างสมบูรณ์ ก็ต้องตามหาดวงวิญญาณที่เหลือของเจ้ากลับมาด้วย ค่อยๆ รวบรวมให้สมบูรณ์ ในร่างของเย่หงเฟิงมีดวงวิญญาณเจ้าอยู่หนึ่งส่วน กู้ซีจิ่วบุตรีของแม่ทัพกู้แห่งทวีปซิงเยวี่ยก็เป็นดวงวิญญาณส่วนหนึ่งของเจ้าที่กลับชาติมาเกิด…ดวงวิญญาณส่วนอื่นเปิ่นจุนรวบรวมมาจากโลกต่างๆ แล้ว ใส่ไว้ในร่างที่สร้างขึ้นมา เป็นร่างนั้นที่เปิ่นจุนใช้ฐานะหลงฟั่นย้ายดวงวิญญาณของเจ้าไปใส่ไว้ และทำให้เจ้ากับดวงวิญญาณเหล่านั้นได้ผนวกรวมกัน…”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
บัดซบ ที่แท้เธอเป็นสิ่งที่ถูกผสมผสานกันออกมาหรือนี่?!
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าเมื่อเผชิญกับเทพผู้สร้างตนนี้ มีแต่เรื่องที่นึกไม่ถึง ไม่มีเรื่องที่เขาทำไม่ได้
แน่นอน เธอยังคงไม่เชื่อถือวาจานี้ของเขา หรือกล่าวได้ว่า เชื่อเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
เธอใคร่ครวญหาวิธีหลบหนีอยู่ในสมองไป พลางเปิดโปงเขาไปตรงๆ ด้วย “ท่านผู้สูงศักดิ์เพียงหาข้อแก้ตัวให้กับเรื่องที่เลวร้ายที่ตนกระทำลงไปเท่านั้น ไม่ต้องพูดจามีคติธรรมเช่นนี้หรอก ทำราวกับทุกคนล้วนหลับใหลมีเพียงท่านเท่านั้นที่ตื่นรู้ เสแสร้งเช่นนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ หลายปีมานี้ท่านผู้สูงศักดิ์ไม่อาจทำลายทวีปซิงเยวี่ยได้ หาใช่ท่านมีเมตตาไหม แต่เป็นเพราะท่านไม่มีวิธีทำให้คนเหล่านั้นเข้ามาได้ใช่หรือไม่? เนื่องจากตี้ฝูอีนั่งประจำการอยู่ที่นี่ คนจากดาวจิ้งจอกครามจิ้งจอกเงินอันใดจึงไม่อาจเข้ามาได้! ดังนั้นทวีปซิงเยวี่ยถึงได้สงบสุขมาเนิ่นนานปี ไม่ได้ถูกชาวต่างดาวรุกรานจนเละเทะวุ่นวายเช่นนี้ และในตอนที่ข้าเสียเวลาอยู่ที่ดินแดนเบื้องบนสองปี กลับไม่ตรงกำหนดเวลา จึงทำให้เขตแดนที่คงอยู่บนทวีปซิงเยวี่ยเสมอมาถูกทำลายเป็นธรรมดา ดังนั้นชาวดาวจิ้งจอกครามถึงค้นพบที่นี่ บุกยึดที่นี่! ใช่ไหม?”
ฟั่นเชียนซื่อตะลึงงัน แววตาวูบไหว ถอนหายใจ “ซีจิ่ว เจ้าฉลาดเป็นที่สุดจริงๆ”
เป็นการยอมรับโดยปริยายแล้ว
กู้ซีจิ่วมองเขาอีกแวบหนึ่ง รู้สึกอยู่เสมอว่าเขายอมรับง่ายเกินไป คล้ายว่าในเรื่องนี้จะยังมีสิ่งที่ตนเดาไม่ออกอยู่
เธอใจเต้นแวบหนึ่ง โพล่งถามออกไป “เผ่าจิ้งจอกครามที่มาถึงเมื่อกว่าหมื่นปีก่อนก็เป็นการจัดแจงของท่านใช่ไหม?”
ฟั่นเชียนซื่อเพียงแย้มยิ้มไม่เอ่ยวาจา ปล่อยให้เธอคาดเดาไป
กู้ซีจิ่วมองเขา คนผู้นี้ลึกล้ำเกินไป คิดจะล้วงเอาข้อมูลจากปากของเขาช่างยากเย็นนัก ตนทำได้เพียงสันนิษฐานไปตามเบาะแสที่พบเห็นเท่านั้น
กู้ซีจิ่วเคยตรวจสอบประวัติการมีอยู่ของเผ่าจิ้งจอกครามมาแล้ว ประมาณหนึ่งหมื่นสามพันปีก่อน
ส่วนตี้ฝูอีมาถึงโลกนี้เมื่อหนึ่งหมื่นสองร้อยปีก่อน กล่าวก็คือ ตอนที่ตี้ฝูอีมาถึง เผ่าจิ้งจอกครามได้อาศัยอยู่ที่โลกนี้มาสามพันปีแล้ว
ในเมื่อพวกเขามาถึงที่นี่ได้ จะต้องมีวิทยาการขั้นสูงแน่นอน แต่ไม่เคยนำมาใช้เลย ฝึกฝนพลังวิญญาณเช่นเดียวกับผู้คนของโลกนี้ ทำให้ตนดูเหมือนชนเผ่าพื้นเมือง จะต้องมีเหตุผลที่ไม่อาจบอกได้อยู่เป็นแน่
ตอนนี้ดูทรงแล้ว เผ่าจิ้งจอกครามน่าจะนับว่าเป็นตัวหมากที่ฟั่นเชียนซื่อจัดวางไว้ในทวีปนี้
————————————————————————————-
บทที่ 2690 เจ้าจะพาข้าไปไหน?!
ตอนนี้ดูทรงแล้ว เผ่าจิ้งจอกครามน่าจะนับว่าเป็นตัวหมากที่ฟั่นเชียนซื่อจัดวางไว้ในทวีปนี้ หรือว่าก็เพื่อวันนี้? เพื่อให้ชาวดาวจิ้งจอกครามที่เหลือเข้ามา?
และครั้งนี้ฟั่นเชียนซื่อได้วางแผนต่อหลานไว่หูโดยเฉพาะ เป้าหมายสูงสุดของเขาคืออะไรกันแน่?
นิสัยของหลานไว่หูไม่ประสาเรื่องทางโลก นอกเหนือจากมีสายเลือดของราชวงศ์ดาวจิ้งจอกครามแล้ว ก็คล้ายว่าจะไม่มีจุดไหนที่ควรค่าพอให้ฟั่นเชียนซื่อเทพผู้สร้างวางแผนเล่นงานเช่นนี้เลย…
ระยะนี้แผนการต่างๆ ของฟั่นเชียนซื่อล้วนคล้ายว่าจะพุ่งเป้าไปที่ตี้ฝูอีทั้งสิ้น วางแผนปองร้ายหลานไว่หู แล้วจะเกี่ยวโยงไปถึงตี้ฝูอีได้ยังไงกัน?
คงมิใช่เพียงเพราะตี้ฝูอีรักตัวเธอกู้ซีจิ่ว ส่วนหลานไว่หูก็เป็นเพื่อนของกู้ซีจิ่ว ดังนั้นหลานไว่หูจึงต้องประสบเคราะห์กระมัง?
มิได้ง่ายดายเพียงเท่านี้แน่นอน
หรือว่าในร่างของจิ้งจอกน้อยจะซุกซ่อนสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งได้เอาไว้?
“ทำไมท่านต้องสิ้นเปลืองกำลังมากมายขนาดนี้เพื่อวางแผนต่อหลานไว่หู?” กู้ซีจิ่วถามออกมาตรงๆ
“เจ้าเดาสิ?”
“สายเลือดของหลานไว่หูมีประโยชน์ต่อท่าน?” กู้ซีจิ่วถามเข้าประเด็นทันที
ฟั่นเชียนซื่อยิ้มแล้ว “อาจเป็นเพราะนางคือสหายของเจ้า แล้วนางก็มีสายเลือดของราชวงศ์จิ้งจอกคราม เปิ่นจุนทนเห็นผู้ที่มีสายเลือดสูงส่งเช่นนางถูกพวกมนุษย์ชั้นต่ำทำให้ด่างพร้อยไม่ได้ก็ได้นี่?”
เหตุผลนี้ไร้สาระอย่างเห็นได้ชัด!
ยังมีเหตุผลอื่นอยู่อีกแน่นอน…
ฟั่นเชียนซื่อก็รู้ว่าเธอไม่เชื่อ ดังนั้นเขาจึงนั่งตรงข้ามกับเธออย่างสบายๆ “เรื่องที่เปิ่นจุนกระทำใช่ว่าผู้ใดก็สามารถคาดเดาออก เสี่ยวซีจิ่ว เจ้าค่อยๆ คิดไปก็ได้ ไม่ต้องรีบ ถึงอย่างไรพวกเราก็มีเวลาอยู่ด้วยกันไปอีกนาน ถ้าเจ้าขบคิดไม่กระจ่างจริงๆ เปิ่นจุนค่อยเฉลยให้เจ้าอีกครั้งก็ยังไม่สาย”
มีเวลาอีกนาน?
กู้ซีจิ่วลุกขึ้น เธอไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแม้แต่นาทีเดียว!
แต่ว่า เธอควรจะหนีออกไปยังไงล่ะ?
ราวกับคาดเดาความคิดของกู้ซีจิ่ว ฟั่นเชียนซื่อถอนหายใจคราหนึ่ง “ซีจิ่ว อย่าได้คิดเรื่องหลบหนีอีกเลย พวกเรากำลังจะไปจากทวีปซิงเยวี่ยแล้ว อืม นภาดาษดาราด้านนอกยอดเยี่ยมนัก เจ้าลองชมหน่อยไหม?”
เขาวาดแขนเสื้อทีหนึ่ง ผนังยานที่เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าปิดทึบไม่น่าเชื่อว่าจะค่อยๆ โปร่งใส กู้ซีจิ่วมองเห็นท้องนภาด้านนอก…
ผืนนภาสีครามเข้ม หมู่ดาวพร่างพราว ดาวแต่ละดวงดูอยู่ใกล้ชิดกับยานลำนี้ยิ่งนัก ราวกับเพียงยื่นมือออกไปก็หยิบมาได้แล้ว ทิวทัศน์งดงามอย่างยิ่ง!
ทว่ากู้ซีจิ่วหน้าเปลี่ยนสีแล้ว!
ยานลำนี้กำลังลอยออกไปจากทวีปซิงเยวี่ยแล้ว!
“เจ้าจะพาข้าไปไหน?!”
“กลับตำหนักเทวาของเปิ่นจุน ซีจิ่ว ที่นั่นก็คือเรือนหอในอนาคตของพวกเรา ที่นั่นรอคอยนายหญิงของมันมาเนิ่นนานมากแล้ว”
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน
เธอนึกถึงสิ่งที่เห็นในจอภาพก่อนหน้านี้ ที่ตั้งตำหนักเทวาของฟั่นเชียนซื่อไม่ได้ลอยอยู่บนฟ้า ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นของดาวเคราะห์ ไม่ได้อยู่ในทวีปเสินโม่ และไม่ใช่ที่แดนอสุรา ยิ่งไม่ใช่ทวีปซิงเยวี่ยด้วย...
“ตำหนักเทวาของเจ้าอยู่ที่ดาวจิ้งจอกคราม?”
ฟั่นเชียนซื่อแกว่งนิ้วไปมา “แน่นอนว่าไม่ใช่ ถึงแม้เปิ่นจุนจะพึงใจวิถีชีวิตบนดาวจิ้งจอกครามมาก แต่ที่นั่นยังไม่มีคุณสมบัติพอให้เปิ่นจุนสร้างตำหนักเทวาไว้ เมื่อเจ้าไปถึงที่นั่นก็จะรู้เอง”
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ ยิ้มหยัน “ที่แท้ท่านผู้สูงส่งจะกลับตำหนักเทวาของตนก็ยังต้องพึ่งพายานบินที่มีวิทยาการสูงล้ำเช่นนี้เหมือนกัน”
ฟั่นเชียนซื่อมองนางแวบหนึ่ง ส่ายหน้า “ถ้าเปิ่นจุนกลับไปเพียงลำพังย่อมไม่ต้องใช้ แต่ยังมีหลานไว่หูด้วย ย่อมต้องใช้ยานบิน”
หลานไว่หู?!
นางก็อยู่บนยานอวกาศลำนี้ด้วยหรือ?!
คล้ายจะเป็นการตอบสนองของความคิดของกู้ซีจิ่ว มีเสียงบางอย่างแว่วออกมาจากด้านหลังจอภาพที่อยู่ไม่ไกลนัก เสียงหนึ่งดังขึ้นมา “ซีจิ่ว”
กู้ซีจิ่วเงยหน้า มองเห็นหลานไว่หูค่อยๆ ทะลุออกมาจากจอภาพ ร่อนลงบนพื้น…
‘หลานไว่หู’ คนนี้รูปโฉมงดงามอ่อนหวาน เป็นหลานไว่หูตัวปลอมที่อยู่ข้างกายเยี่ยนเฉินมากว่าหนึ่งเดือน!
….
ในเวลาเดียวกันนี่เอง ตี้ฝูอีเพิ่งจะคลายวิชากู่บนร่างของจิ้งจอกน้อยได้ ก็ได้ยินเสียงเซ็งแซ่แว่วเลือนรางมาจากไกลๆ
เขาเงยหน้ามองตามสัญชาตญาณ มองเห็นยานขนาดมโหฬารลำหนึ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนลอยขึ้นมาจากแดนเผ่าจิ้งจอกคราม พุ่งฝ่าเขตแดนของแดนเผ่าจิ้งจอกคราม ลอยสู่นภาสูง…