ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2693 ครรภ์มาร 3 / บทที่ 2694 ครรภ์มาร 4
บทที่ 2693 ครรภ์มาร 3
เพียงแต่เงื่อนไขในการเพาะเลี้ยงกู่ชนิดนี้พิเศษอย่างยิ่ง ร่างเพาะตัวแม่ต้องมีสายเลือดที่พิเศษยิ่ง และร่างที่เพาะตัวลูกดีที่สุดคือต้องเหมือนตัวแม่ทุกประการ ถึงจะเพาะเลี้ยงได้สำเร็จ
เงื่อนไขนี้ทารุณเกินไป ดังนั้นปรมาจารย์กู่ผู้นี้จึงไม่เคยเพาะเลี้ยงได้สำเร็จ แต่ได้ถูกหนิงเสวี่ยโม่จดจำไว้ในใจ
และในระหว่างที่หนิงเสวี่ยโม่และเสินจิ่วหลีเดินทางทัศนาจร เคยไปเยือนดาวจิ้งจอกครามมาแล้ว ที่นั่นนางกับเสินจิ่วหลีได้ถูกตัวอ่อนปีศาจชนิดนี้โจมตีเข้า! เคราะห์ดีที่ทั้งสองคนมีวรยุทธ์เลิศล้ำ ซ้ำพลังมารของหนิงเสวี่ยโม่ยังลึกล้ำยิ่ง ถึงหลีกพ้นอันตรายกับเสินจิ่วหลีมาได้
ต่อมาพวกเขาได้ตรวจสอบที่มาของตัวอ่อนมารชนิดนี้ ในที่สุดก็ตรวจพบว่าตัวอ่อนมารชนิดนี้ได้รับการเพาะเลี้ยงจนประสบความสำเร็จโดยราชวงศ์จิ้งจอกคราม เล่าขานกันว่าตอนนั้นพวกเขาสังเวยชีวิตของธิดาฝาแฝดคู่หนึ่ง
คุณสมบัติของฝาแฝดคู่นี้ครบถ้วนสมบูรณ์เหมือนกัน ผู้เป็นพี่สาวแต่งให้แก่คนนอก ทำให้ถูกราชวงศ์ลงโทษ นำกู่ตัวแม่มาเพาะเลี้ยงไว้ในร่างพี่สาว ส่วนตัวลูกเพาะไว้ในร่างน้องสาว
เพื่อกระตุ้นสันดานมารของพี่สาว พวกเขาพยายามเคี่ยวกรำทรมานนางสุดขีด ซ้ำยังล่อลวงให้นางสังหารสามีสุดที่รักของตนด้วย ด้วยเหตุนี้หลังจากได้สติขึ้นมาจึงบ้าคลั่งอย่างสิ้นเชิง แทงหัวใจตนเพื่อฆ่าตัวตาย ไอมารอันท่วมท้นของนางก็ส่งต่อไปยังกู่ตัวลูกที่อยู่ในร่างน้องสาว ทำให้กู่ตัวลูกน้อยกลายเป็นตัวอ่อนมารในที่สุด และกลายเป็นเครื่องจักรสังหารที่ราชวงศ์จิ้งจอกครามใช้ต่อกรกับคนนอก
เสินจิ่วหลีและหนิงเสวี่ยโม่ล้วนแต่เป็นซ่างเสิน ซ้ำยังเป็นซ่างเสินที่มีวรยุทธ์สูงส่งล้ำลึกไร้ขอบเขตด้วย พวกเขาสามีภรรยาร่วมมือกันถึงพอจะฝืนหลบหนีจากการไล่ล่าสังหารของตัวอ่อนมารชนิดนี้ได้ เช่นนั้นที่แท้แล้วตัวอ่อนมารนี้แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อขนาดไหนกันเล่า!
ตอนนี้หลานไว่หู่ก็มีสายเลือดของราชวงศ์ดาวจิ้งจอกคราม และแต่งให้แก่คนนอกเช่นกัน แถมยังเกือบฆ่าเยี่ยนเฉินไปแล้วด้วย…
ตี้ฝูอีหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมาทั่วร่างทันที หากว่าเขามาช้ากว่านี้ไปสักก้าว หลานไว่หูคงทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงไปแล้ว เกรงว่าครรภ์มารในร่างโคลนนิ่งของนางก็คงก่อตัวขึ้นแล้ว!
เขาจับชีพจรให้หลานไว่หูอีกรอบ ในร่างของนางยังมีกู่ตัวแม่อยู่ คงเป็นเพราะถูกเขาชำระล้างตัดสัมพันธ์ไปแล้ว กู่ตัวแม่จึงขดตัวกลายเป็นลูกบอลเล็กๆ ลูกหนึ่ง ไอมารที่เคยห้อมล้อมอยู่บนร่างก็ถูกดูดออกไปแล้ว
เคราะห์ดียิ่งนักเนื่องจากหลานไว่หูไม่ได้พลาดพลั้งสังหารคนรักจนกลายเป็นมาร ดังนั้นกู่จึงยังอยู่ที่นั่น ตี้ฝูอีก็ไม่สนใจคำครหาแล้ว ทาบมือลงบนหน้าท้องของนางโดยมีอาภรณ์ขวางกั้นเอาไว้ทันที “ข้าจะขับกู่แม่ตัวนี้ออกให้เจ้า ค่อนข้างเจ็บปวด อดทนไว้!”
อำนาจบนร่างของเขากล้าแกร่งนัก หลานไว่หูมองเขาแล้วอ่อนยวบปานลูกไก่ไปเอง พยักหน้ารับ
แสงรุ้งส่องสว่างออกมาจากฝ่ามือของตี้ฝูอี ตรงเข้าสู่ส่วนท้องของหลานไว่หู…
บนหน้าผากของหลานไว่หูมีหยาดเหงื่อเย็นเฉียบหลั่งไหลลงมาในชั่วพริบตา!
นี่ใช่ค่อนข้างเจ็บเสียที่ไหน นี่มันเจ็บสุดขีดชัดๆ ไม่ใช่หรือ!
โชคดีที่ช่วงที่ผ่านมาหลานไว่หูได้รับความทรมานมากมายยิ่ง ในบรรดานั้นก็มีความเจ็บปวดสุดขีดเช่นกัน ดังนั้นถึงแม้ตอนนี้นางจะเจ็บจนหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบ แต่ยังฝืนทนไหวอยู่
หลังจากผ่านพ้นไปเป็นเวลาครึ่งถ้วยชา ในที่สุดตี้ฝูอีก็ชักพลังกลับ แสงรุ้งในฝ่ามือของเขาได้ดูดสิ่งที่มีขนาดเท่านิ้วโป้งข้างหนึ่ง มีเครื่องหน้าครบครัน เสมือนตัวอ่อนทารกออกมาจากท้องของหลานไว่หู
เพียงแต่บนหน้าของตัวอ่อนทารกนี้มีตาสี่ข้าง หน้าตาดุร้ายยิ่ง
มันดิ้นรนกรีดร้องอยู่ในฝ่ามือของตี้ฝูอี ดวงตาสี่ข้างเบิกขยายขึ้นพร้อมกัน ในดวงตาทุกดวงล้วนฉายแสงเยียบเย็นน่าพรั่นพรึง ทำให้คนมองมันแวบเดียวก็อกสั่นขวัญแขวนแล้ว
ร่างหลานไว่หูเสมือนถูกงมขึ้นมาจากน้ำ ครั้งแรกที่นางได้เห็น ‘ตัวอ่อน’ ที่ตี้ฝูอีดึงออกมา หัวใจพลันดิ่งวูบ นึกว่าตี้ฝูอีวินิจฉัยผิด เด็กคนนี้ก็คือลูกของตน จวบจนเห็นดวงตาทั้งสี่ข้างของเจ้าสิ่งนั้น หัวใจนางพลันหนาวยะเยือก ถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ
ทันทีที่เจ้าสิ่งนั้นเห็นหลานไว่หู ก็กรีดร้องโหยหวนยิ่งกว่าเดิม ไม่น่าเชื่อว่าจะมีปีกเนื้อคู่หนึ่งงอกออกมาจากร่างที่กำลังดิ้นรนอยู่ คลี่สยายหมายจะบินเข้ามาหา
————————————————————————————-
บทที่ 2694 ครรภ์มาร 4
เจ้าสิ่งนี้กรีดร้องเสียงบาดหู รบกวนเยี่ยนเฉินที่นั่งสมาธิอยู่ให้ตื่นขึ้นมา เขาลืมตาขึ้น ทันทีที่เห็นเจ้าสิ่งนี้ก็สะดุ้งโหยง “น...นี่คือสิ่งใด?”
ตี้ฝูอีไม่มีเวลามาสนใจเขา แสงรุ้งในฝ่ามือค่อยๆ บีบรัด รัดรึงเจ้าสิ่งนั้นไว้
ด้วยพลังยุทธ์ของเขา เท่านี้ก็เพียงพอจะบีบเจ้าสิ่งนี้ให้แหลกเละได้แล้ว กลับคาดไม่ถึงว่าเจ้าสิ่งนี้ประหนึ่งวารี ยืดหดเปลี่ยนรูปไปตามการบีบรัดจากพลังวิญญาณของเขา ยืดหยุ่นยิ่งกว่าแผ่นหนัง ไม่อาจบีบให้แหลกได้
ตี้เฮ่ากระตุกชายชุดของตี้ฝูอี เอ่ยอย่างหวาดๆ “ท่านพ่อ ดวงตาของมันน่าผวาเกินไปแล้ว มองเช่นนี้ข้ากลัว…”
ตี้ฝูอีมองเขาแวบหนึ่ง เจ้าเด็กคนนี้ใจเสาะขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
เขาสะดุดใจเล็กน้อย หารือกับบุตรชาย “เช่นนั้นพ่อทิ่มตาของมันให้บอดดีไหม?”
ตี้เฮ่าส่ายหน้า “ข้ารู้สึกว่ามันน่าจะกลัวไฟ ใช้ไฟเผาตามันซะมันก็ลืมตาไม่ได้แล้ว”
ตี้ฝูอีไม่พูดอะไรอีก เปลวเพลิงโชติช่วงหลายสายผุดขึ้นมาท่ามกลางแสงรุ้งกลางฝ่ามือ เผาผลาญดวงตาทั้งสี่ข้างของเจ้าสิ่งนั้นได้พอดี…
ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนในที่สุดเจ้าสิ่งนั้นก็สลายเป็นเถ้าถ่านปลิดปลิวไป
เมื่อจัดการกู่แม่ตัวนี้แล้ว ตี้ฝูอีก็ไม่ชักช้าอีก ถามเยี่ยนเฉินทันที “หลานไว่หูตัวปลอมผู้นั้นอยู่ที่ใด?” จะต้องหาตัวปลอมผู้นั้นมาให้ได้ กำจัดครรภ์มารในท้องของนางให้สิ้นซาก! มิเช่นนั้นก็ไม่อาจทราบได้ว่าจะเกิดความวุ่นวายอันใดขึ้น
เยี่ยนเฉินทราบเรื่องนี้คร่าวๆ จากปากคำของหลานไว่หูแล้ว ยังคงค่อนข้างสับสนตกตะลึงไปชั่วขณะ “นาง…ข้าร้อนใจไปชั่วขณะ ทิ้งนางไว้ที่แดนเผ่าจิ้งจอกครามแล้ว…ข้าจะไปตามหากับท่านด้วย…”
“ไม่จำเป็น เจ้ากับหลานไว่หูกลับสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ไปซะ ทางนั้นข้าไปเองก็พอแล้ว”
เยี่ยนเฉินยังบาดเจ็บอยู่ ไม่อาจฟื้นฟูได้ในระยะเวลาอันสั้น จะต้องกลับไปพักฟื้น ดังนั้นตี้ฝูอีจึงไม่อยากพาเขาไป
เยี่ยนเฉินก็ทราบถึงสภาพของตนในตอนนี้ดี ถึงไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ จึงตอบตกลง เพียงแต่เขายังคงนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ซีจิ่วก็อยู่ที่นั่นด้วย นางยังไม่ได้ออกมา…”
ตี้ฝูอีตกตะลึง!
“สารเลว ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?!” ตี้ฝูอีแทบอยากซัดเยี่ยนเฉินให้ตายแล้ว!
เยี่ยนเฉินก็ได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายผู้นี้พอมาถึงก็ช่วยเหลือเขาอย่างดุดันข่มขวัญ แถมยังไม่ให้เขาได้พูดเลย รักษาเสร็จก็ให้เขานั่งสมาธิทันที แล้วเขาจะเอาเวลาที่ไหนมาบอกล่ะ?
เพียงแต่ความอยุติธรรมนี้เขาไม่กล้าเอ่ยออกไป รีบเล่าตอนที่ตนกับกู้ซีจิ่วมาถึง ร่องรอยของกู้ซีจิ่วออกมาอย่างสั้นกระชับที่สุด…
เมื่อตี้ฝูอีได้ฟังก็ทราบแล้วว่ากู้ซีจิ่วทำไปเพื่อคุ้มกันให้เยี่ยนเฉินหนีรอด ถึงได้ลงมือกับยานรบอันใดนั่น ล่อให้ทหารเหล่านั้นแตกตื่นวุ่นวาย…
เขานึกถึงเรือประหลาดที่เพิ่งเหินบินขึ้นไปก่อนหน้านี้ หัวใจกระสับกระส่ายขึ้นมา หันหลังพุ่งหายลับไปในทันที แม้แต่ตี้เฮ่าที่อยู่ข้างเท้าก็ไม่ทันได้อุ้มไปด้วย…
ตี้เฮ่าถอนหายใจอย่างขมขื่น ระยะเวลาที่บิดาคนนี้ของตนได้เป็นพ่อคนยังสั้นนัก ยังไม่มีจิตสำนึกของความเป็นพ่อเลย ทิ้งเขาเอาไว้อีกแล้ว…
โชคดีที่ยังมีเจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋อยู่ ดังนั้นตี้เฮ่าจึงขึ้นขี่หลังลู่อู๋เสียเลย ตบหัวมันเบาๆ “ไปเถอะ ตามท่านพ่อผู้พึ่งพาไม่ได้คนนั้นของข้าไป”
เจ้าหอยยักษ์ก็อยากตามไปด้วย ทว่าตี้เฮ่าดีดเปลือกมันทีหนึ่ง “เจ้าพาสองคนนี้กลับไปส่งก่อน จำไว้ ต้องส่งพวกเขากลับไปอย่างปลอดภัยไร้ตำหนิ แล้วพวกเราจะตามไปสมทบทีหลัง”
แล้วขี่ลู่อู๋เหินทะยานจากไปทันที
เจ้าหอยยักษ์พูดไม่ออกเลย มันคิดถึงเจ้านายแล้ว มันก็อยากไปหาเจ้านายด้วย!
เพียงแต่ คำสั่งของเจ้ามารน้อยตี้เฮ่าคนนั้นมันไม่กล้าขัดขืน ทำได้เพียงให้เยี่ยนเฉินกับหลานไว่หูกระโดดเข้ามาในเปลือกหอยของตนอย่างไม่พอใจ บรรทุกสองคนนี้กลับไปส่งที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์
….
ตี้ฝูอีตรงไปยังแดนเผ่าจิ้งจอกคราม ที่นั่นเละเทะวุ่นวายเหมือนโจ๊กหม้อหนึ่ง
————————————————————————————-