ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2695 ครรภ์มาร 5 / บทที่ 2696 ดูเหมือนไม่สนใจสักนิดเลย
บทที่ 2695 ครรภ์มาร 5
ณ จุดนั้น ทหารดาวจิ้งจอกครามเบิกตามองยานบินของท่านจอมพลบ้านตนลอยสู่นภา หลงนึกว่าเขาบินขึ้นสูงเพื่อเสาะหาเทพศักดิ์สิทธิ์หญิงคนนั้น ผลคือมันพุ่งตรงสู่นภาลอยหายลับไปในชั่วพริบตา
นี่ทำให้เหล่านายพลไม่เข้าใจยิ่งนัก ไม่รู้ว่าท่านจอมพลของบ้านตนทำอะไรกันแน่
ครั้นจะติดต่อก็ติดต่อไม่ได้ ท่านจอมพลไม่ตอบรับการติดต่อจากพวกเขาคนใดเลย
ขณะที่วุ่นวายกันอยู่ พลันเกิดเสียงลมพัดขึ้นกลางอากาศ ชายชุดม่วงคนนั้นปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ…
ถึงแม้กวนย่าหนิงจะไม่รู้ว่าชายคนนี้มาจากไหน แต่ก็แยกแยะออกว่าเป็นมิตรหรือศัตรู เขากำลังหงุดหงิดไม่มีที่ระบายอยู่พอดี จึงสั่งให้ยิงปืนใหญ่ใส่ชายที่อยู่กลางอากาศคนนั้นทันที…
ผลคือ…
พวกเขาถูกเล่นงานเสียเอง!
ผ่านไปห้านาที ปืนทั้งหมดในมือของพวกเขาล้วนลอยเข้าไปอยู่ในมือของชายชุดม่วงคนนั้น แหลกเป็นชิ้นๆ อยู่กลางฝ่ามือของเขา
ส่วนกวนย่าหนิงก็ถูกเขาดึงตัวออกมาจากฝูงชน กดไว้บนพื้น แม้แต่เอวก็เหยียดขึ้นมาไม่ได้ ตี้ฝูอียื่นทางเลือกให้เขาสองทาง รายงานเบาะแสของกู้ซีจิ่วให้สั้นกระชับที่สุด หรือไม่ก็ยอมแหลกเหลวสิ้นชีพทว่าไม่ยอมแปรพักตร์
กวนย่าหนิงเลือกทางแรก รายงานเบาะแสของกู้ซีจิ่ว “ถูกระเบิดจนหาไม่เจอแล้ว แต่ยังไม่ตายแน่นอน เพราะเมื่อก่อนเธอเคยใช้วิธีทำลายยานรบของพวกเราไปมากมายแล้ว แค่ไม่รู้ว่าไปหลบซ่อนอยู่ที่ไหน”
“เกิดอะไรขึ้นกับนาวาที่เพิ่งบินจากไปลำนั้น?”
“พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่นคือยานหลักของท่านจอมพลของพวกเรา อธิบายไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมจู่ๆ ถึงหนีหายไป! นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หรือจะเป็นกู้ซีจิ่วที่ควบคุมยานลำนั้นไป? ไม่ถูกสิ ยานลำนั้นนอกจากท่านจอมพลแล้ว คนอื่นไม่มีทางขึ้นไปได้ แล้วระบบควบคุมบนนั้นก็แตกต่างกับยานเหล่านี้ของพวกเราด้วย ถ้าไม่เคยเรียนรู้ระบบมาก่อน ไม่มีทางเรียนรู้ด้วยตัวเองได้แน่ ต่อให้กู้ซีจิ่วบุกเข้าไปในยานก็ควบคุมไม่ได้” แล้วจู่ๆ ท่านจอมพลเป็นบ้าอะไรถึงได้ชิ่งหายไปแบบนั้น?”
ตี้ฝูอีเอ่ยขัดเขาที่บ่นพึมพำกับตัวเองอยู่ “เช่นนั้นเจ้าจับตำแหน่งของมันได้ไหม?”
“ได้สิ ยานรบของพวกเราสามารถจับพิกัดระหว่างกันและกันได้”
“ดีมาก!” ตี้ฝูอีหิ้วเขาไปยัดใส่ยานรบอีกลำหนึ่ง “พาผู้ทรงสิทธิ์เช่นข้าไป!”
กวนย่าหนิงเหวอไปแล้ว
ถูกสะกดอยู่ภายใต้อำนาจอันกล้าแกร่งของอีกฝ่าย เขาไม่กล้าแม้แต่จะผายลมเสียงดังเลยด้วยซ้ำ พลันตัดสินใจ ขณะที่กำลังจะขับเคลื่อนยาน จู่ๆ ประตูยานก็ถูกคนตบเสียงดังปังๆ เขาสะดุ้งโหยง ดึงประตูให้เปิดออกทันที “เป็นไอ้กระต่ายโง่หน้าไหน…” วาจาท่อนหลังถูกตบกลับเข้าไปในท้องแล้ว
หนูน้อยรูปโฉมงดงามคนหนึ่งผลักเขาออกไปด้านข้างราวกับมิใช่คน แล้วจูงสัตว์ที่ดูดุร้ายอย่างยิ่งตัวหนึ่งเดินเข้ามา “ท่านพ่อ พวกเราจะไปด้วย!”
กวนย่าหนิงงุนงง
เขาสะกดความอยากรู้อยากเห็นไว้ไม่อยู่ เริ่มขับเคลื่อนยาน พลางเอ่ยถามไปด้วย “ท...ท่านสุภาพบุรุษท่านนี้ ขอเสียมารยาทเรียนถามสักประโยค ท่านเป็นใครกันแน่?” วรยุทธ์ของสุภาพบุรุษท่านนี้น่าพรั่นพรึงเกินไปแล้ว! ไม่ใช่คนแล้ว!
ทวีปซิงเยวี่ยมียอดฝีมือผู้เลิศล้ำโผล่ออกมามากมายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน กู้ซีจิ่วคนเดียวก็ทำให้พวกเขาปวดหัวเป็นหมื่นเท่าแล้ว ตอนนี้ยังเพิ่มท่านเทพเช่นนี้เข้ามาอีก…
กวนย่าหนิงล้มเลิกความฝันที่ต้องการจะยึดครองทวีปซิงเยวี่ยของตนลงอย่างหนาวยะเยือก
“อดีตเทพศักดิ์สิทธิ์หวงถู” ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างเฉยเมย แล้วเสริมไปอีกประโยค “ค่าตอบแทนที่ทำให้เปิ่นจุนตอบคำถามไร้สาระข้อนี้ของเจ้าคือ ไล่ตามนาวาลำนั้นไปให้ทัน มิเช่นนั้นเปิ่นจุนจะโยนเจ้าลงไปจากอากาศทันที!”
กวนย่าหนิงสั่นเทา สวรรค์ มีเทพศักดิ์สิทธิ์มาอีกคนแล้ว…
ถ้ารู้แต่แรกว่าทวีปซิงเยวี่ยมีท่านเทพใหญ่สองท่านนี้นั่งแท่นอยู่ ตีให้ตายเขาก็ไม่กล้ามาหรอก!
“ได้ครับ ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หวง ท่านนอนพักก็ได้นะครับ! ผมเชี่ยวชาญการไล่ตามคนมาก!” กวนย่าหนิงเริ่มจับพิกัดทันที ผ่านไปครู่หนึ่งเส้นเลือดบนขมับเขาก็เต้นตุบๆ แล้ว “ม...ไม่น่าเชื่อว่ามันจะออกจากทวีปซิงเยวี่ยไปแล้ว! เริ่มวาร์ปเข้าสู่ห้วงอวกาศแล้ว…”
ตี้ฝูอีไม่เข้าใจศัพท์พวกนี้ เขาใส่ใจเพียงเรื่องเดียวเท่านั้น “ไล่ตามได้ไหม?”
“แน่นอน! ต่อให้มันหนีไปสุดขอบฟ้า ผมก็สามารถจับพิกัดของมันได้!” กวนย่าหนิงมีความมั่นใจเปี่ยมล้น
….
————————————————————————————-
บทที่ 2696 ดูเหมือนไม่สนใจสักนิดเลย
เขาก็ค่อนข้างอยากรู้เหมือนกัน แถมยังค่อนข้างโกรธด้วย
ท่านจอมพลมองเขาเป็นคนสนิทมาโดยตลอด เมื่อก่อนมีเรื่องอะไรล้วนมาคุยกับเขา แผนการมากมายล้วนเป็นพวกเขาร่วมกันวางแผนออกมา
แต่เมื่อกว่าสองเดือนที่ผ่านมา จู่ๆ ท่านจอมพลก็สลบไปโดยไม่ทราบสาเหตุ พอฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย เย็นชาห่างเหินหมางเมินต่อเขามาก ซ้ำยังคุ้มดีคุ้มร้าย ไม่เก็บความเป็นความตายของลูกน้องมาใส่ใจสักเท่าไหร่ คนล้มตายไปมากมายขนาดนั้นยานรบพังเสียหายไปมากมายปานนั้นเขาก็ยังทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนอยู่ได้
ทั้งที่เมื่อก่อนท่านจอมพลปกป้องพวกพ้องเป็นที่สุด!
นี่ยังไม่ได้กล่าวถึงเรื่องที่เขาไปเก็บแมวน้อยตัวหนึ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ หน้าตาของแมวตัวนั้นธรรมดามากชัดๆ ทว่าท่านจอมพลกลับปฏิบัติต่อมันราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า ไม่ยอมให้มันได้รับความคับข้องอยุติธรรมเลยสักนิด
ระดับความพะเน้าพะนอของแมวตัวนั้นแทบทำให้คนโมโหแล้ว ทำให้แมวตัวนั้นยิ่งผยองจนแทบจะชูหางชี้ฟ้าแล้ว!
มีอยู่ครั้งหนึ่งเห็นชัดๆ ว่ามันนอนหลับอยู่กลางถนน เขาบังเอิญไปเหยียบโดนหางของมันเข้า ผลก็คือแมวตัวนั้นเด้งตัวขึ้นมาข่วนเขาหนึ่งที! เขาซัดแมวกระเด็นออกไปตามสัญชาตญาณ ผลก็คือถูกท่านจอมพลเห็นเข้า ท่านจอมพลซัดเขากระเด็นไปติดกำแพงอย่างไม่เกรงใจกันเลย! ทำเอากระดูกสันหลังของเขาเกือบแหลกแล้ว…
แมวยังมีค่ายิ่งกว่าชีวิตของพี่น้องอย่างเขาเสียอีก!
นี่คือเรื่องที่กวนย่าหนิงสะท้านใจที่สุด
หากไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเชื่อเรื่องคุณไสยมนต์ดำ เขาแทบนึกไปแล้วว่าท่านจอมพลของบ้านตนถูกผีร้ายอันใดเข้าสิงสู่!
นับตั้งแต่จับหลานไว่หูคนนั้นกลับมา ก็ทรมานเคี่ยวกรำผู้อื่นสารพัด ทรมานสาวน้อยที่ราวกับบุปผาคนหนึ่งจนดูราวกับภูตผี แถมยังเอ่ยอยู่ไม่ขาดปากด้วยว่าผู้อื่นคือองค์หญิงของดาวจิ้งจอกคราม มีเจ้าหญิงที่ถูกทรมานขนาดนี้ด้วยเหรอ?!
กองโจรจากดาวจิ้งจอกครามเหล่านี้ยังคงมีกฏเกณฑ์คุณธรรมน้ำมิตรในแบบของพวกเขาอยู่ และเรื่องที่ท่านจอมพลตวนมู่เหยี่ยนของพวกเขากระทำในระยะนี้ก็ขัดต่อหลักคุณธรรมน้ำมิตรทุกข้อของพวกเขา
ภายในระยะเวลาสั้นๆ สองเดือนกว่า คนในกองยานของกวนย่าหนิงก็รู้สึกแปลกแยกเหินห่างกับท่านจอมพลแล้ว
ตอนนี้ตวนมู่เหยี่ยนขับยานรบลำนั้นหนีไปอย่างเงียบเชียบ ในใจกวนย่าหนิงย่อมมีเพลิงลุกโหม!
ต่อให้ตี้ฝูอีไม่บังคับเขา ทันทีที่เขาจับสังเกตได้ว่ายานหลักลำนั้นออกจากโลกใบนี้ไปแล้ว ก็ต้องไล่ตามไปอย่างแน่นอนเช่นกัน ต้องการไปดูว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่!
เขาขับเคลื่อนอย่างผาดโผนดุจพยัคฆ์ ความเร็วของยานอวกาศพุ่งแตะขีดสูงสุดแล้ว
จากนั้นได้หันไปมองตี้ฝูอีที่นั่งอยู่ด้านข้างแวบหนึ่ง
ท่านเทพใหญ่ผู้นี้มือหนึ่งเท้าศีรษะไว้ ดูเฉื่อยชาอยู่บ้าง พริ้มตาลงเล็กน้อย คล้ายกับกำลังพักผ่อนอยู่
กวนย่าหนิงรู้สึกสะท้านใจอยู่บ้าง
ในเมื่อท่านเทพใหญ่ผู้นี้เป็นคนของทวีปซิงเยวี่ย ซ้ำยังเพิ่งกลับมาถึงด้วย ต้องไม่เคยเห็นสิ่งของที่มีเทคโนโลยีล้ำสมัยเช่นนี้ของเขาแน่นอน ไม่ใช่ว่าเขาควรจะสนใจใคร่รู้ยิ่งนักหรอกหรือ? ไม่ใช่ว่าสมควรจะอยากเรียนรู้ระบบควบคุมหรอกหรือ?
ทำไมเขาถึงดูเหมือนจะไม่สนใจสักนิดเลยล่ะ!
เมื่อกี้เขาโชว์การควบคุมให้เห็น คิดจะแสดงความเหนือชั้นของเขาต่อหน้าท่านเทพใหญ่ผู้นี้!
ผลก็คือ ผู้อื่นไม่นำพาเลย…
กวนย่าหนิงรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเสมือนส่งสายตาสื่อความนัยให้คนตาบอดก็มิปาน
“แม่ทัพท่านนี้ การควบคุมของเจ้าไม่เลวเลยนะ” น้ำเสียงอ่อนใสเยาว์วัยเอ่ยชมเชยเขาประโยคหนึ่งคล้ายจะให้หน้าเขายิ่งนัก
กวนย่าหนิงก้มมองเจ้าหนูที่นั่งอยู่ในอ้อมแขนของตี้ฝูอีอย่างว่าง่าย ดวงตาของเจ้าหนูสดใสแวววาว ราวกับผลองุ่น ยามที่ทอดมองคนเช่นนี้ช่างดูจริงใจไร้เดียงสา ทำให้คนอยากทุ่มจิตเทใจให้เขา
ในที่สุดก็ได้รับคำชมแล้ว! แม้ว่าคนที่ชมเขาจะเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งก็ตาม!
กวนย่าหนิงยกมุมปากหยักยิ้มภาคภูมิแวบหนึ่ง “แน่นอน ทักษะการขับยานของนายพลอย่างฉันยอดเยี่ยมเป็นเลิศ บรรดาพี่น้องไม่มีใครไม่เลื่อมใส”
“เช่นนั้นหากเทียบกับจอมพลของบ้านเจ้าแล้ว พวกเจ้าใครบังคับได้เก่งกว่า?”
“เรื่องนี้…ไม่ใช่ว่านายพลแบบฉันจะยอตัวเองหรอกนะ ถ้าเป็นเรื่องการขับยาน ยังคงเป็นนายพลอย่างฉันที่ร้ายกาจกว่า เพียงแต่ท่านจอมพลมีพลังจิตแข็งแกร่ง มีความสามารถพิเศษ ไม่จำเป็นต้องใช้มือบังคับยาน ใช้พลังจิตขับเคลื่อนก็พอ”