ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2725 โรคใจก็ต้องใช้ยาใจ / บทที่ 2726 โรคใจก็ต้องใช้ยาใจ 2
บทที่ 2725 โรคใจก็ต้องใช้ยาใจ
มู่เฟิงแทบจะกัดลิ้นตนแล้ว “มะ…มะ…หมอตำแย?!”
ตี้ฝูอีกอดอก “มีความเห็นอะไร?”
มู่เฟิงรีบตอบ “ม...ไม่มีขอรับ…ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ให้หาหมอตำแยไปทำไมหรือขอรับ? ส่วนใหญ่พวกนางล้วนเป็นปุถุชนทั้งสิ้น เข้ามาที่นี่ไม่ได้…”
นี่ก็ถูก!
ตี้ฝูอีจึงตอบไปเสียเลยว่า “ไม่จำเป็นต้องให้พวกนางเข้ามา เจ้าเรียกมาหลายๆ คนหน่อย ข้ามีเรื่องบางอย่างจะถามพวกนาง”
มู่เฟิงชักอยากรู้แล้ว เขาอยากรู้จริงๆ!
เพียงแต่ ในเมื่อท่านเทพศักดิ์สิทธิ์สั่งการลงมาเช่นนี้ เขาย่อมทำได้เพียงไปจัดการตามที่สั่ง
ไม่ง่ายเลยกว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะกลับคืนมา จวบจนยามนี้มู่เฟิงยังไม่อยากเชื่ออยู่บ้างว่านี่คือความจริง รู้สึกเหมือนฝันไปอยู่ตลอด เกรงว่าพอตื่นจากฝัน ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์จะหายไปอีก…
ดังนั้นระยะนี้พวกเขาทั้งสี่จึงประจำการอยู่ที่นี่ตลอด เพื่อจะได้มองท่านเทพศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นสักสองสามแวบ…
ประสิทธิภาพในการทำงานของมู่เฟิงย่อมรวดเร็วอย่างยิ่ง หนึ่งชั่วยามให้หลัง เขาก็หาหมอตำแยเลื่องชื่อหลากวัยกว่ายี่สิบคนมาได้แล้ว จัดให้พวกนางพักอยู่ที่เรือนแห่งหนึ่งที่ด้านล่าง
ตี้ฝูอีกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง นั่งเฝ้ากู้ซีจิ่วต่ออีกสักพัก จุดกำยานสงบใจไว้ในห้อง ทำให้นางหลับลึกขึ้นอีกนิดหลับสนิทขึ้นเล็กน้อย
หลังจากจัดการเสร็จ ถึงได้ออกจากวังมรกต ตรงไปที่เรือนแห่งนั้น
ทันทีที่ตี้ฝูอีปรากฏตัวขึ้น พวกนางก็ตื่นเต้นจนแทบจะจับทิศทางไม่ถูกแล้ว ยามที่คุกเข่าตอบคำถามอยู่บนพื้นก็พูดจาติดๆ ขัดๆ
โชคดีที่พวกนางมีความรู้กว้างขวาง โดยเฉพาะด้านภาวะการเจริญครรภ์ของสตรี ยิ่งทราบกระจ่างนัก
ตี้ฝูอีถามคำถามเพียงข้อเดียว ให้พวกนางตอบกันทีละคน “หญิงมีครรภ์มีการเปลี่ยนแปลงด้านภาวะอารมณ์อย่างไรบ้าง?”
ก่อนหน้านี้หมอตำแยเหล่านี้ยังเป็นกังวลกันอยู่บ้าง เมื่อได้ยินคำถามเช่นนี้ แต่ละคนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก พวกนางพบปะกับหญิงมีครรภ์อยู่ทุกวัน ย่อมเข้าใจอารมณ์ต่างๆ ของสตรีในช่วงตั้งครรภ์ดี ดังนั้นจึงทยอยกล่าวออกมา บอกสิ่งที่ตนรู้
จากคำบอกเล่าของพวกเขาตี้ฝูอีจึงได้ทราบว่า ปฏิกิริยาของหญิงมีครรภ์แต่ละคนแตกต่างกันไป
บ้างก็ไม่มีความแตกต่างระหว่างก่อนหลังเลย บ้างก็เปลี่ยนแปลงไปมาก คนที่เดิมทีสงบเสงี่ยมอาจจะกลายเป็นขี้ระแวง หรือขาดความยับยั้งชั่งใจ ถึงขั้นที่หดหู่ซึมเศร้า คิดฆ่าตัวตายตลอดเวลา…
ความเปลี่ยนแปลงมากมายหลายหลาก ล้วนเป็นเรื่องปกติทั่วไป หลังจากสตรีตั้งครรภ์หากบุคลิกอารมณ์เปลี่ยนแปลงไป ล้วนเป็นปฏิกิริยาที่ปกติยิ่งนัก ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย
ตี้ฝูอีรับฟังเงียบๆ ในที่สุดก็โล่งใจแล้ว
เห็นทีว่าซีจิ่วของบ้านเขาจะเป็นเพราะเรื่องตั้งครรภ์จริงๆ ถึงได้เปลี่ยนเป็นเปราะบางอ่อนไหวเช่นนี้…
เขาขอคำแนะนำอย่างจริงใจ “หากว่าภรรยาที่ตั้งครรภ์อารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรง ต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้นางสงบใจลงได้?”
เหล่าหมอตำแยมองหน้ากันเหลอหลา เหล่าบุรุษในยุคนี้ส่วนใหญ่ต่างไม่สนใจสภาพอารมณ์ของภรรยา หลังจากภรรยาตั้งครรภ์ หากว่าอารมณ์เปลี่ยนแปลงไป พวกเขาก็จะหงุดหงิด นึกเดียดฉันท์ ถึงขั้นที่ทิ้งขว้างภรรยาไปหาความสำราญกับอนุนางบำเรอ คนที่ใส่ใจสภาพอารมณ์ของภรรยาที่ตั้งครรภ์มีน้อยมาก ยิ่งไม่มีถามถึงเลยว่าต้องทำอย่างไรเพื่อเอาใจอีกฝ่าย…
ไม่นึกเลยว่าท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ผู้สูงส่งจะถามคำถามทั่วไปเช่นนี้…
เหล่าหมอตำแยรู้สึกว่า ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์คล้ายจะอยู่ใกล้พวกนางขึ้นเล็กน้อยแล้ว ไม่ได้ส่องรัศมีเจิดจ้านับพันจั้งเช่นนั้นอีกต่อไป
พวกนั้นพากันเสนอความเห็น บอกถึงหัวข้อบางอย่างในการดูแลอารมณ์ของหญิงมีครรภ์ อย่างเช่นอยู่เป็นเพื่อนเยอะๆ พูดอธิบายเยอะๆ ทำเรื่องที่นางชอบให้มากหน่อย ปกติแล้วหญิงมีครรภ์ล้วนเลือกกินทั้งสิ้น ทำอาหารบางอย่างที่นางชอบให้กินก็ได้…
หญิงมีครรภ์ล้วนมีความรู้สึกไม่มั่นคง ขอเพียงให้นางสัมผัสได้ว่าสามีใส่ใจนางอย่างแท้จริง อารมณ์ก็จะมั่นคงเป็นปกติ
————————————————————————————-
บทที่ 2726 โรคใจก็ต้องใช้ยาใจ 2
ตี้ฝูอีได้รับเคล็ดลับจากปากพวกนางไม่น้อยเลย ในที่สุดก็สั่งให้มู่เฟิงมอบเงินจำนวนหนึ่งให้หมอตำแยเหล่านี้ ปล่อยพวกนางทั้งหมดกลับไป
แน่นอน เพื่อเลี่ยงไม่ให้พวกนางปากมาก ตี้ฝูอีจึงลบความทรงจำของพวกนางเสีย ให้พวกนางลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้
หลังจากได้รับ ‘แนวทาง’ มาแล้ว ตี้ฝูอีไม่มีกะจิตกะใจจะโอ้เอ้ชักช้าอีก รีบกลับไปทันที
เขากลัวว่าถ้ากู้ซีจิ่วตื่นขึ้นมาแล้วไม่พบเขา จะรู้สึกร้อนรน
แม้ว่าเขาจะรีบไปรีบกลับแล้ว ก็ยังใช้เวลาถึงครึ่งชั่วยาม เมื่อเขากลับไปถึงห้องนอนของตน ตอนที่เห็นว่ากู้ซีจิ่ว หลับสนิทอยู่ เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาก้าวออกจากห้องนอน พบมู่เฟิงยืนปักหลักอยู่ตรงนั้นปานเสาไม้ต้นหนึ่ง เหมือนยามเฝ้าประตู
ตี้ฝูอีเลิกคิ้วนิดๆ ตามกฎของเขา เมื่ออยู่ภายในวังมรกตไม่จำเป็นต้องคอยเฝ้าประตู
ปกติแล้วสี่ทูตมู่เฟิงต่างต้องจัดการเอกสารราชกิจ ยุ่งวุ่นวายยิ่งกว่าเสนาบดีเสียอีก ไม่มีทางมาทำงานเฝ้ายามที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เลย
มีเพียงตอนที่ตี้ฝูอีเรียกหา พวกเขาถึงจะปรากฏตัวอย่างรวดเร็ว ปกติแล้วเขาไม่กล้าลอยชายอยู่ต่อหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ ครั้งนี้เป็นอะไรไป?
หรือช่วงที่กู้ซีจิ่วเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ตั้งกฎใหม่ให้พวกเขา?
พอมู่เฟิงเห็นเขาออกมา ก็ทำความเคารพทันที
ตี้ฝูอีมองเขาแวบหนึ่ง “เจ้าว่างนักหรือ?”
มู่เฟิงพลันหน้าแดง ติดตามตี้ฝูอีมาเนิ่นนานขนาดนี้ ย่อมทราบถึงความหมายในคำนี้ของเขา ชะงักไปแวบหนึ่งแล้วเอ่ยตอบ “ข้าน้อยไม่วางใจ…”
“หือ?”
มู่เฟิงปลุกความกล้าขึ้นมา ในที่สุดก็พูดไปตามเสียงหัวใจของตน “นายท่าน อันที่จริง…พวกเราเข้าใจท่าทีของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กู้ดี ยังไม่แน่…ยังไม่แน่ว่าจะมีเหตุมาจากการตั้งครรภ์”
“หืม? พูดมา”
มู่เฟิงถอนหายใจ “เนื่องจากพวกเราต่างก็เป็นเดือดเป็นร้อนเช่นนี้เหมือนกัน นายท่าน วันนั้นที่จู่ๆ ท่านก็ติดต่อมาหาพวกเรา หากมิใช่เพราะท่านด่าทอพวกเราด้วยถ้อยคำอันคุ้นเคย พวกเราก็คงไม่กล้าเชื่อ…ว่ากันตามจริง ตอนนั้นพวกเราดีใจจนแทบบ้าไปแล้ว! มู่เหล่ยหัวเราะฮ่าๆ เสียงดังลั่นตีลังกาอยู่บนพื้นหลายตลบเสมือนเป็นโรคประสาทไปแล้ว มู่อวิ๋นก็เอาแต่หยิกหน้าตนอย่างเลื่อนลอย สงสัยว่าตนได้ยินเสียงหลอนไปแล้วหรือไม่ มู่เตี่ยนหัวเราะขึ้นมาก่อน หัวเราะไปหัวเราะมาเขาก็ร้องไห้โฮต่อ ข้าน้อยก็ดีใจจนเดินวนเป็นวงอยู่ที่เดิมอย่างต่อเนื่อง ไม่ทันระวังชนเข้ากับเสาต้นหนึ่ง ปูดโนเป็นก้อนโตขึ้นมา ทำให้คนเหล่านั้นในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์นึกว่าพวกเราถูกผีเข้าเสียแล้ว…”
เขานึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้นขึ้นมา ส่ายหน้าอีกครั้งอย่างอดไม่อยู่ “พวกเรากระจายข่าวเรื่องท่านฟื้นคืนชีพให้ทุกคนทราบ นายท่าน ท่านไม่รู้หรอกขอรับว่าตอนนั้นคนที่ตื่นเต้นจนร้องไห้ออกมามีมากน้อยเพียงใด ทุกคนคึกคักขึ้นปานฉีดด้วยเลือดไก่…”
เขาสูดหายใจเบาๆ คราหนึ่ง มุมปากแต้มรอยยิ้มจางๆ “นายท่าน ทุกคนวาดหวังตั้งตารอการกลับมาของท่านมาเนิ่นนานเหลือเกิน และทุกคนก็สิ้นหวังกันมานานเหลือเกิน ดังนั้นทุกคนจึงดีใจอย่างบ้าคลั่งเช่นนั้น พวกเรา…ความจริงแล้วก็เป็นเดือดเป็นร้อนเช่นกันขอรับ ว่ากันตามจริง ถึงแม้จะเคยติดต่อกับท่านแล้ว ทราบแน่ชัดว่าท่านกลับมาแล้ว แต่ตอนนั้นพวกเรารู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่ตลอด เมื่อตื่นจากฝันก็ไม่เหลืออะไรแล้ว…จวบจนได้เห็นท่านลงมาจากยานรบลำนั้น ทุกคนถึงได้เชื่อว่าเป็นความจริง…”
“นายท่านขอรับ ถึงแม้พวกเราจะติดตามท่านกลับมาที่นี่ด้วย และทราบว่าท่านอยู่สุขสบายดี แต่ก็รู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอด กลัวว่าพอพวกเราตื่นขึ้นมา ท่านจะหายไปอีก…ดังนั้นพวกเราสี่คนจึงหารือกันว่า จะผลัดกันมาเฝ้าที่นี่…นายท่าน ขนาดพวกเรายังเป็นถึงขนาดนี้เลย นับประสาอะไรกับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กู้ล่ะขอรับ? ท่านไม่รู้หรอกขอรับ หลังจากท่านดับขันธ์ไปในปีนั้น พวกเราทุกคนต่างลืมเลือนท่าน มีเพียงนางที่จดจำได้ นางตามหาเบาะแสของท่านไปทั่วทุกแห่งหนดั่งคนบ้า”
————————————————————————————-