ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2729 โรคใจก็ต้องใช้ยาใจ 5 / บทที่ 2730 ข้าเชื่อใจท่าน
บทที่ 2729 โรคใจก็ต้องใช้ยาใจ 5
กู้ซีจิ่วมองเขายุ่งสาละวน หัวใจมีความอบอุ่นผุดพราย จึงถลกแขนเสื้อช่วยเหลืออยู่ข้างกายเขาเสียเลย “ให้ข้าทำนะ”
ปลานี้มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นของชั้นเลิศ เธอไม่อยากปล่อยให้ต้องถูกทักษะงานครัวอันอ่อนด้อยของเขาทำเสียเรื่อง
ทั้งสองคนร่วมมือกันปรุงอาหารจานปลาได้เต็มโต๊ะ ทุกขั้นตอนกู้ซีจิ่วเป็นลูกมือของเขาทั้งสิ้น ไม่ได้เป็นแม่ครัวหลักเลย
ไม่นึกเลยว่าหลังจากทำเสร็จไม่ว่าจะกลิ่นสีรสชาติก็สมบูรณ์แบบ ทำให้เธอกินไม่หยุดเลย
กินข้าวอิ่มแล้ว ตี้ฝูอีก็นอนดูดาวเคียงข้างเธอบนเก้าอี้
กู้ซีจิ่วรู้สึกแปลกใจเมื่อค้นพบว่านภาดาษดาราของที่นี่ต่างไปจากเดิมแล้ว หรืออาจกล่าวได้ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เธอมองอย่างไรก็มองไม่ออกอยู่บ้าง
ตี้ฝูอีมองออกว่านางประหลาดใจ “ซีจิ่ว เมื่อก่อนฟากฟ้าที่พวกเรามองเห็นเป็นเพียงชะตาของทวีปซิงเยวี่ย แต่ที่เห็นในตอนนี้คือชะตาของทั้งจักรวาล…”
กู้ซีจิ่วเข้าใจแล้ว
หากกล่าวว่าเมื่อก่อนเธอมองเห็นแค่ระบบสุริยะจักรวาลแห่งเดียว สิ่งที่เห็นในตอนนี้ก็คือทางช้างเผือกทั้งสาย หรืออาจเป็นทั้งจักรวาลอันไพศาลด้วยซ้ำ…
มิน่าล่ะแม้แต่ดาวชะตาของตัวเองเธอก็ยังไม่เจอเลย!
เธออดไม่ได้ที่จะมองตี้ฝูอีแวบหนึ่ง ที่นี่ถูกสร้างขึ้นโดยเขา ทุกสิ่งที่มองเห็นแปรเปลี่ยนไปตามวิสัยทัศน์ที่กว้างขวางขึ้นของเขา ตอนนี้ที่นี่ปรากฏแผนภูมิดาราเช่นนี้ขึ้น แสดงว่าความทรงจำเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ของเขาใกล้จะตื่นขึ้นมาแล้วใช่ไหม?
หากว่าตื่นรู้ขึ้นมาแล้ว เขาจะยังเป็นเขาอยู่ไหม?
กู้ซีจิ่วค่อนข้างหวาดวิตกไปชั่วขณะ แม้แต่ลักษณะพิเศษของกลุ่มดาวเหล่านั้นที่ตี้ฝูอีชี้แนะเธอก็ยังไม่ผ่านเข้าไปในหูเลย
จนกระทั่งตี้ฝูอีโบกมือเล็กน้อยตรงหน้าเธอ “เด็กน้อย ได้สติหรือยัง? ใจลอยอีกแล้วหรือ?”
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ได้สติแล้ว พบว่าตี้ฝูอีกำลังมองเธออย่างยิ้มมิเชิงยิ้มอยู่ เธอไม่ได้ใคร่ครวญให้ดีก็โพล่งประโยคหนึ่งออกมาแล้ว “ข้าไม่เรียนเรื่องนี้! ตอนนั้นท่านบังคับให้ข้าเรียนเรื่องนี้ เพื่อจะส่งมอบตำแหน่งเทพศักดิ์สิทธิ์ให้ข้า ส่วนตัวเองก็ดับขันธ์ แล้วตอนนี้ท่านจะถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ให้ข้าอีกทำไม หรือว่าท่านยังคิดจะนำลิขิตสวรรค์…”
เอ่ยมาถึงตรงนี้ เธอก็ชะงักไปทันที!
ตี้ฝูอีเลิกคิ้วมองนาง “หือ?”
ในสมองของกู้ซีจิ่วเกิดเสียงดังหึ่งๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะลืมสิ่งที่ตนกำลังจะพูดไปทันที อ้าปากน้อยๆ มองดูเขา ผ่านไปครู่หนึ่งถึงมีปฏิกิริยาตอบสนอง เบี่ยงหัวข้อเมื่อครู่นี้ไปทันที “ท่านได้รับโองการเลวร้ายอันใดจากลิขิตสวรรค์อีกแล้ว คิดจะส่งมอบตำแหน่งของท่านให้ข้าอีกแล้วกระมัง?”
แววตาตี้ฝูอีวูบไหวนิดๆ ลูบหัวนาง “เจ้าคิดมากไปแล้ว! ข้าไม่มีตำแหน่งอะไรแล้ว…ไม่ถูกสิ ก็มีตำแหน่งอยู่ อันที่จริงตอนนี้ข้าคือสามีของเทพศักดิ์สิทธิ์ เรียกสั้นๆ ว่าสามีศักดิ์สิทธิ์ หรือเจ้านึกว่าข้าจะมอบตำแหน่งสามีศักดิ์สิทธิ์ให้เจ้าเล่า?”
กู้ซีจิ่วถูกเขาหยอกจนขำแล้ว “ท่านพูดจากะล่อนอีกแล้ว ในเมื่อไม่มีตำแหน่งจะมอบให้ข้า เช่นนั้นจะถ่ายทอดดาราศาสตร์ฉบับใหม่ให้ข้าทำไม?”
“เด็กโง่ ข้าก็แค่ถือโอกาสสอนไปด้วยเท่านั้น ความจริงแล้วแผนภูมิดารานี้ข้าก็เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรกเหมือนกัน”
กล่าวมาถึงตรงนี้ เขาก็นิ่งไปแวบหนึ่ง นัยน์ตาหรี่ลงนิดๆ
เขาเพิ่งเห็นผังดารานี้เป็นครั้งแรกชัดๆ ทำไมถึงรู้สึกคุ้นเคยขนาดนี้กัน? ซ้ำยังแตกฉานได้โดยไร้คนสั่งสอน…
เช่นนั้นระหว่างตนกับฟั่นเชียนซื่อใครคือเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์กันแน่?
ก่อนหน้านี้เดิมทีเขาก็มีข้อสันนิษฐานในด้านนี้ต่อตนเองเช่นกัน แต่การปรากฏตัวของฟั่นเชียนซื่อทำให้เขาค่อนข้างสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง
ถึงอย่างไรวรยุทธ์ที่แท้จริงของฟั่นเชียนซื่อก็ลึกล้ำเกินหยั่งได้จริงๆ สูงส่งกว่าตี้ฝูอีในตอนนี้มากมายนัก
ตี้ฝูอีรู้สึกว่า คนที่สามารถควบคุมเรื่องราวมากขนาดนี้ได้แถมยังเก่งกาจถึงเพียงนี้ ก็คงจะเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ ดังนั้นเขาจึงสงสัยขึ้นมาอีกว่าฟั่นเชียนซื่อจะใช่เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์หรือเปล่า
เพียงแต่ เขาพบว่าตนเองสามารถเข้าใจผังดารานี้ได้อย่างน่าประหลาด จึงเริ่มสงสัยฐานะของตนขึ้นมาอีกครั้ง…
หากว่าตนเองเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ เช่นนั้นฟั่นเชียนซื่อเป็นอันใดเล่า?
….
————————————————————————————-
บทที่ 2730 ข้าเชื่อใจท่าน
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่อีกพักหนึ่ง ตี้ฝูอีเกรงว่านางจะท้องอืด จึงดึงนางให้ลุกขึ้นมาแล้วไปเดินเล่นที่สวนบุปผา
เมื่อกู้ซีจิ่วเห็น ‘เรื่องจบสะบัดแขนเสื้อจาก’ ที่เกลื่อนกลาดไปทั่วก็อับอายอยู่บ้าง ทำลายบรรยากาศอันงดงามของที่นี่เหลือเกิน!
เธอยกแขนเสื้อขึ้นอย่างเงียบเชียบ ใช้พลังวิญญาณลบอักษรเหล่านั้นไประหว่างทาง ทำให้โขดหินเสาไม้เหล่านั้นกลับมาเป็นปกติ
การลบสิ่งเหล่านี้ออกไปก็เหมือนลบความหวาดหวั่นในหัวใจเหล่านั้นทิ้งไปด้วย
ตี้ฝูอีก็ไม่ได้สนใจนาง เพียงจูงมือนางไว้ เดินเคียงข้างนาง
กู้ซีจิ่วคอยเช็ดคอยล้างไปตลอดทาง จนกระทั่งนางคิดจะลบคำว่า ‘ฟ้ายั่งดินยืน’ ที่อยู่บนโขดหินผลึก ถึงถูกตี้ฝูอีจับมือไว้ “เก็บสิ่งนี้ไว้”
ที่แท้เขาก็มองพฤติกรรมเหล่านี้ของเธออยู่ตลอด
เธอเงยหน้ามองเขา เขายื่นมือมาดีดหน้าผากเธอ “นี่คือนิมิตหมายที่ดี อย่าลบเลย ส่วนเรื่องจบสะบัดแขนเสื้อจากลบไปก็ได้ เพราะข้าไม่ได้เรื่องจบสะบัดแขนเสื้อจากแล้ว ข้าจะอยู่กับเจ้า อยู่ด้วยกันตลอดไป”
กู้ซีจิ่วถูกประโยคสุดท้ายของเขาปะเหลาะ ดวงตาจึงหยีโค้ง “ท่านรับปากข้าแล้วนะ ถ้าทิ้งข้าไปอีก ข้าจะคิดบัญชีท่าน!”
“หือ ดุดันขนาดนี้เชียว? เด็กน้อย เจ้าวางแผนจะคิดบัญชีข้าอย่างไรเล่า?”
กู้ซีจิ่วนิ่งไปครู่หนึ่ง นึกอยู่จริงๆ ว่าจะคิดบัญชีเขาอย่างไรดี คล้ายจะคิดบัญชีอย่างไรก็ล้วนหักใจไม่ลงทั้งสิ้น ตัวเธอในตอนนี้หักใจทำร้ายเขาไม่ลงเลยสักนิด
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็คิดวิธีที่โหดเหี้ยมอย่างหนึ่งออก “หากท่านกล้าทิ้งข้าไปอีก ข้าจะเข้าสู่ทางมารเสียเลย ละทิ้งอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมด กลายเป็นเครื่องจักรสังหาร ทำลายล้างโลกใบนี้ ม้วยมรณาไปพร้อมกับท่าน!”
ตี้ฝูอีพูดไม่ออกเลย…
เขาอดมองนางแวบหนึ่งไม่ได้ ไม่นึกเลยว่านางคิดถ้อยคำปฏิญาณที่โหดเหี้ยมเช่นนี้ออกมาได้ ไม่คล้ายตัวนางเสียเลย…
เมื่อกู้ซีจิ่วเอ่ยประโยคนี้ออกไปก็ทำให้ตัวเองตกตะลึงเช่นกัน นี่ตนถูกภูตผีสิงร่างหรือไร?
ด้วยนิสัยของเธอ หากว่าตี้ฝูอีทิ้งเธอไปอีก อย่างมากเธอจะโกรธจนคิดหาวิธีลืมเขาไปซะ ไปขอน้ำแกงยายเมิ่งที่ยมโลกมาดื่มสักถ้วยก็พอแล้ว ไม่ถึงขั้นต้องเข้าสู่ทางมารกระมัง?
เมื่อกี้หัวร้อนเกินไปแล้วจริงๆ!
เธอส่ายหน้า ลูบต้นแขนของเขาเบาๆ “ข้าถูกท่านหลอกจนกลัวไปจริงๆ แม้แต่คำขู่ที่ไม่ประสาเช่นนี้ก็ยังใช้ออกมา อย่าถือเป็นจริงเลย”
ตี้ฝูอีกลับหนักใจอยู่เล็กน้อย เท่าที่เขาทราบมาจากตี้เฮ่า ตี้เฮ่าถือกำเนิดได้ไม่นานก็กำพร้าแล้ว เติบใหญ่ขึ้นมาอย่างทุลักทุเล
เช่นนั้นถ้อยคำโหดร้ายที่กู้ซีจิ่วกล่าวออกมาโดยไม่ตั้งใจในยามนี้จะเป็นจุดจบของอนาคตหรือไม่?
เขาสูดหายใจเบาๆ คราหนึ่ง เขาจะไม่ปล่อยให้เกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้ขึ้นเด็ดขาด!
เขารั้งนางเข้าสู้อ้อมแขน “วางใจเถอะ ข้าไม่มีทางมอบโอกาสคิดบัญชีเช่นนี้ให้เจ้าแน่ ข้าจะเกาะติดเจ้าไปชั่วชีวิต! ไม่ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นก็จะไม่ทิ้งเจ้าไปทั้งนั้น”
กู้ซีจิ่วจุมพิตคางเขาทีหนึ่ง “ข้ารู้แล้ว ข้าเชื่อใจท่าน”
หัวข้อนี้จริงจังจนน่าประหลาดเกินไป กู้ซีจิ่วจึงเบี่ยงหัวข้อสนทนาไปเสีย “ท่านมีความคิดอย่างไรต่อฟั่นเชียนซื่อ? ข้ารู้สึกอยู่เสมอว่าเขาไม่มีทางยอมรามือไปง่ายๆ เช่นนี้ เขาต้องกลับมาแน่”
แววตาตี้ฝูอีวูบไหวนิดๆ “แน่นอน เขาจัดฉากวางแผนมานานขนาดนี้ ไม่มีทางยอมพ่ายแพ้แน่นอน หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ หลงฟั่นในตอนนั้นก็คือเขา จู๋ตู๋ชิงก็น่าจะเป็นอวตารของเขา เดาต่อไปให้ไกลหน่อย ราชครูที่ช่วยเหลือองค์รัชทายาทให้หลบหนีออกจากดาวจิ้งจอกครามก็คือเขา!”
กู้ซีจิ่วตะลึงอยู่บ้าง “…ท่านมองออกจากตรงไหนกัน?”
ตี้ฝูอีโบกม้วนหนังสือเล็กๆ ในมือ “ในนี้มีบันทึกเกี่ยวกับราชครูผู้นั้น ทวีปซิงเยวี่ยแห่งนี้ก็เป็นเขาที่พาผู้คนมาพบ ถึงขั้นที่กฎระเบียบข้อบังคับต่างๆ ของเผ่าจิ้งจอกครามก็เป็นเขาที่บัญญัติขึ้น ต่อมาเขาสิ้นชีพลงด้วยความชรา ฝังเอาไว้ในสุสานของเผ่าจิ้งจอกคราม ข้าส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ในโลงศพของเขาว่างเปล่า ด้านในไม่มีโครงกระดูกเลย! ร่างกายของชาวเผ่าจิ้งจอกครามมีความพิเศษ ปกติแล้วต่อให้สิ้นชีพไปหมื่นปีแล้วโครงกระดูกก็ยังคงอยู่”
————————————————————————————-