ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2737 ครึ่งหทัย 2 / บทที่ 2738 ครึ่งหทัย 3
บทที่ 2737 ครึ่งหทัย 2
แต่จำนวนมากมายเกินไป พากันพุ่งเข้าใส่เช่นนี้ ราวกับเครื่องยิงเข็มก็มิปาน พุ่งใส่เขตแดนอย่างเนืองแน่น เขตแดนคุ้มกายนั้นถูกสะเทือนจนสั่นระริกแล้ว ต่อมาก็เกิดเสียงปริร้าวขึ้น มีมีดน้ำแข็งกว่าสิบเล่มพุ่งเข้าปักแผ่นหลังของอวิ๋นเยียนหลี…
อวิ๋นเยียนหลีตัวสั่นนิดๆ ร้องเฮือกออกมา มีโลหิตไหลซึมออกมาจากแผ่นหลังของเขา เปรอะเปื้อนมุกมังกรที่ตี้เฮ่าถือเอาไว้ในมือ ไหลหยดลงไปจากมุกมังกร ร่วงใส่แผ่นเกล็ดของพญาเจียวขาว…
เดิมทีพญาเจียวขาวคิดจะสะบัดหัวต่อไป สลัดมนุษย์ทั้งสองที่อยู่บนหัวให้ตกลงไปอย่างสมบูรณ์
ทันทีที่ได้กลิ่นของโลหิตนั้น พลันแข็งทื่อไปทันที!
“นายท่าน!” หมิงเตี๋ยไล่ตามมาปานลมกรด เห็นฉากนี้เข้าพอดี ดวงตานางแดงก่ำทันที! โผเข้าไปในทันใด…
“กรรซ์…” พญาเจียวขาวเชิดหน้าแผดร้อง ฟาดกรงเล็บมหึมา คลื่นแสงครามเจิดจ้าที่ราวกับขุนเขาสายหนึ่ง ซัดนางกระเด็นออกไปไกลเหมือนดาวตก…
สีหน้าอวิ๋นเยียนหลีพลันแปรเปลี่ยน กำลังจะยืดกายขึ้น กลับถูกตี้เฮ่ารั้งไว้อย่างเหนียวแน่น “อย่าตามไป!”
อวิ๋นเยียนหลีนิ่งงัน…
และในชั่วระยะที่เขาชะงักไปเพียงนิด พญาเจียวขาวก็แผดร้องขึ้นอย่างต่อเนื่อง น้ำเสียงสูงต่ำขึ้นลง ราวกับกำลังเอ่ยวาจา
อวิ๋นเยียนหลีไม่เข้าใจภาษาสัตว์ แต่จู่ๆ ก็ฟังคำพูดของพญาเจียวขาวตัวนี้เข้าใจ “เจ้าเป็นอะไรกับจักรพรรดิเซียนอวิ๋นหลาง?”
อวิ๋นเยียนหลีผงะไปแวบหนึ่ง ยังคงตอบไปตามจริง “บุตรชาย”
ร่างพญาเจียวขาวสะท้านคราหนึ่ง นิ่งไปชั่วครู่ ทะยานร่างคราหนึ่ง ร่อนลงมาจากอากาศทันที หยุดลงบนเนินเขาแห่งหนึ่ง “ลงมาเถอะ ข้าจะตอบรับความปรารถนาของพวกเจ้าหนึ่งข้อ”
เรื่องกลายมาเป็นเช่นนี้ทำให้อวิ๋นเยียนหลีค่อนข้างมึนงง โชคดีที่ตี้เฮ่ายังมีสติ เขาดึงแขนเสื้อของอวิ๋นเยียนหลี !ลงเถอะ พวกเราลงไปกัน!”
ผ่านไปหนึ่งเค่อ อวิ๋นเยียนหลีนั่งอยู่บนศิลาเขียวก้อนหนึ่งบนเนินเขา ความรู้สึกหลากหลายปนเปกันไปยิ่งนัก
ไม่น่าเชื่อว่าพญาเจียวตัวนี้จะเคยได้รับความช่วยเหลือจากเสด็จพ่อของเขา พญาเจียวตัวนี้ต้องการแทนคุณ จึงเสนอเงื่อนไขข้อหนึ่งให้แก่อวิ๋นหลางว่า มันจะให้ความช่วยเหลืออวิ๋นหลางหรือชนรุ่นหลังของเขาโดยไม่มีข้อแม้เลยหนึ่งเรื่อง…
และวิธีที่พญาเจียวใช้จดจำชนรุ่นหลังของอีกฝ่ายก็คือใช้โลหิตพรมลงบนมุกมังกรของมัน
อวิ๋นหลางมีฐานะเป็นจักรพรรดิเซียน ย่อมไม่เก็บคำปฏิญาณของเจียวตัวหนึ่งมาใส่ใจ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยเล่าให้อวิ๋นเยียนหลีฟังเลย อวิ๋นเยียนหลีย่อมไม่ทราบความเลยเช่นกัน
พญาเจียวตัวนี้ยังคงถือคุณธรรมยิ่ง คำปฏิญาณที่ให้ไว้เมื่อหลายหมื่นปีก่อนก็จดจำเอาไว้เสมอ
หลังจากอวิ๋นเยียนเข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ ตี้เฮ่าที่อยู่ข้างกายกลับกระตุกแขนเสื้อของเขาแรงๆ “ขอหัวใจของมันครึ่งหนึ่ง! เร็วเข้า เอาหัวใจมันครึ่งหนึ่ง!”
อวิ๋นเยียนหลีตะลึงงัน เรื่องนี้ร้ายแรงเกินไปแล้วกระมัง! ต้องการหัวใจของผู้อื่นครึ่งหนึ่งมิใช่จะเป็นการเอาชีวิตของผู้อื่นหรอกหรือ?!
เห็นได้ชัดว่าพญาเจียวขาวก็ได้ยินคำพูดของตี้เฮ่าเหมือนกัน มันไม่มีท่าทีอะไร เพียงรอคอยให้อวิ๋นเยียนหลียื่นเงื่อนไขอย่างเงียบๆ
อวิ๋นเยียนหลีได้แต่ทำหน้าหนาเอ่ยออกไป “เช่นนั้น…เจ้ายกหัวใจให้ข้าครึ่งหนึ่งได้หรือไม่?”
“นี่คือเงื่อนไขเพียงเรื่องเดียวของเจ้าหรือ?”
อวิ๋นเยียนหลีพลันตัดสินใจ “…ใช่!”
นัยน์ตาดั่งดวงโคมของพญาเจียวขาวมองไปที่ตี้เฮ่า แล้วหันไปมองอวิ๋นเยียนหลีอีกครั้ง “เจ้าถามเขาสิ จะเอาครึ่งทหัยของข้าไปทำอะไร?”
นี่คือจะให้อวิ๋นเยียนหลีทำหน้าที่เป็นล่ามให้เขา
แต่อวิ๋นเยียนหลียังไม่ทันเปิดปาก ตี้เฮ่าก็เอ่ยออกมาทันทีเลย “ช่วยคน!”
ชัดเจนนัก เขาก็เข้าใจภาษาของพญาเจียวเช่นกัน
พญาเจียวขาวฉงนยิ่งนัก “บุตรของท่านผู้มีพระคุณฟังออกว่าตัวข้าผู้เป็นพญาเจียวเอ่ยสิ่งใดนั้นไม่แปลกเลย เนื่องจากข้าเคยทำพันธะโลหิตกับพระบิดาของเขา ขอเพียงหยดโลหิตของเขาลงบนมุกมังกรแห่งข้า พวกเราก็จะสื่อสารกันได้ แต่ทำไมเจ้าถึงเข้าใจด้วยเล่า?”
“เพราะข้าคือเด็กเทพ” ตี้เฮ่าตอบ
————————————————————————————-
บทที่ 2738 ครึ่งหทัย 3
พญาเจียวขาวถูกตอกกลับจนพูดไม่ออกอยู่บ้าง ไม่พัวพันกับคำถามนี้อีก เงียบไปครู่หนึ่งถึงเอ่ยถามว่า “ช่วยผู้ใด?”
ตี้เฮ่าส่ายนิ้วดุ๊กดิ๊ก “ลิขิตสวรรค์ไม่อาจแพร่งพราย”
เขามองดูมัน “เจ้าเพียงจำไว้ว่า หัวใจนี้สำคัญกับข้าอย่างยิ่ง และสำคัญต่อโลกใบนี้อย่างยิ่ง หัวใจครึ่งนี้ของเจ้าจะไม่เสียเปล่า”
เขาหมุนมุกมังกรในมือ “เฉือนหัวใจออกมาครึ่งหนึ่งเจ้าก็ไม่ตายหรอก ขอเพียงใช้มุกมังกรลูกนี้ซ่อมเสริมเป็นเวลาหมื่นปีก็จะเติมเต็มสมบูรณ์ได้อีกครั้ง”
พญาเจียวขาวมองเขาอยู่พักหนึ่ง สิ่งที่เจ้ารู้ช่างมากมายเหนือธรรมดา! เจ้าเป็นใครกันแน่?“”
ตี้เฮ่ายิ้มอย่างไร้พิษภัย “ตี้เฮ่า!”
“ไม่เคยได้ยินเลย!”
“งั้นตอนนี้ก็ได้ยินแล้วแล้วนี่ เจ้าจะรักษาคำพูดใช่ไหม? จำไว้นะ ข้าต้องการหัวใจครึ่งซ้ายของเจ้า”
พญาเจียวขาวทำเสียงฮึดอัดอยู่ในลำคอ เห็นได้ชัดว่ามันไม่เต็มใจ วันนี้จะได้โบยบินเลื่อนขั้นเป็นมังกรแล้วชัดๆ พอเฉือนหัวใจออกไปครึ่งหนึ่งมันก็ต้องบำเพ็ญใหม่อีกครึ่งนับหมื่นปีขึ้นไป…
หากมิใช่เพราะมันเคยให้คำสัตย์ไว้เช่นนี้ ตีให้ตายมันก็ไม่มีทางยอมรับเงื่อนไขนี้
พญาเจียวขาวยังคงรักษาคำมั่นยิ่งนัก แม้ว่าจะไม่เต็มใจ ก็ยังคงอดทนต่อความเจ็บปวด ใช้กรงเล็บของตนกรีดหน้าอก ควักหัวใจออกมา ใช้เล็บกรีดผ่าเป็นสองซีก แล้วมอบซีกซ้ายออกไป…
มันเจ็บปวดจนแผ่นเกล็ดทั้งร่างสั่นระริก ยามที่ตี้เฮ่ารับหัวใจครึ่งดวงไป ก็ได้คืนมุกมังกรให้พญาเจียวขาว พร้อมส่งโอสถขวดหนึ่งให้ด้วย “โอสถนี้จะทำให้หัวใจของเจ้าสมานฟื้นฟูเร็วขึ้น ทำให้หัวใจของเจ้าเติมเต็มสมบูรณ์ได้ภายในห้าร้อยปี”
….
พญาเจียวขาวมุดลงไปใต้หุบเขาหิมะแล้ว ไปพักผ่อนฟื้นฟูต่อ
อวิ๋นเยียนหลีมองความยุ่งเหยิงเละเทะบนพื้น จากนั้นก็มองตี้เฮ่าน้อย “ที่แท้เจ้าพยายามเกาะติดวอแวอยู่ข้างกายข้า พยายามกวนประสาทข้า ให้ข้าหงุดหงิดรำคาญ ก็เพื่อวันนี้ เพื่อให้ได้รับครึ่งหัวใจของพญาเจียว…”
“ใช่” ตี้เฮ่าไม่ปฏิเสธ
“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าพญาเจียวตัวนี้มีความสัมพันธ์กับข้าในรูปแบบนี้?”
แพขนตาของตี้เฮ่าหลุบลง เอ่ยเสียงเรียบ “ลิขิตสวรรค์ไม่อาจแพร่งพราย”
สีหน้าอวิ๋นเยียนหลีย่ำแย่ยิ่งนัก ก่อนหน้านี้ตอนที่ตี้เฮ่าพยายามรบเร้าจะติดตามเขาไป เดิมทีเขาไม่คิดจะรับปากเลย แต่เจ้าหนูส่งกระแสเสียงหาเขา บอกว่าสามารถเล่าเรื่องของจู๋ตู๋ชิงให้เขาได้มากมาย ให้เขาล้างแค้นได้สะดวกขึ้น…
เขาพลันหัวร้อนวาบ ยอมให้เขาติดตาม ถึงอย่างไรก็แค่มีเด็กเพิ่มขึ้นมาอีกคนเท่านั้น ไม่นับว่าเป็นอันใด
ส่วนท่าทางของกู้ซีจิ่วในยามนั้นก็เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยวางใจ หัวใจเขาขมขื่น หัวร้อนขึ้นมาอีกครา ให้คำมั่นกับกู้ซีจิ่ว บอกว่าจะคุ้มครองตี้เฮ่าให้ปลอดภัย ไม่ให้เขาเกิดอุบัติเหตุขึ้นเด็ดขาด จวบจนส่งเขากลับสู่ข้างกายนาง
เขาไหนเลยจะคาดว่าไอ้เด็กเหลือขอที่งอกติดข้างกายมาคนนี้จะก่อปัญหาวุ่นวายใหญ่โตขึ้นมาด้วย!
เขาปวดประสาทเหลือเกิน!
เดิมทีอวิ๋นเยียนหลีคิดจะเดินทางอย่างเรียบง่าย แต่เด็กคนนี้กลับหัวหมอยิ่งนัก ก่อปัญหานับไม่ถ้วนให้เขาตลอดทาง ทำเอาเขาหัวโตประหนึ่งกำลังต่อสู้ อยากส่งไอ้หนูนี่กลับไปทันทีใจแทบขาดแล้ว
แต่ขอเพียงเขาเอ่ยว่าจะส่งเขากลับไป เขาก็จะร้องไห้งอแงสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
ปล่อยให้หนูน้อยที่งดงามถึงเพียงนี้ร้องไห้เช่นนี้ช่างไร้มนุษยธรรมนัก สายตาของผู้คนที่สัญจรผ่านมามองอวิ๋นเยียนหลีเหมือนมองชายสวะต่ำทรามคนหนึ่ง มองหมิงเตี๋ยเหมือนมองสวะหญิงที่ยุแยงให้สามีทารุณลูกของภรรยาเก่า…
เรื่องนี้ทำให้หมิงเตี๋ยโมโหนัก เดิมทีนางก็มีอคติต่อเจ้าตัวภาระที่ติดตามมาด้วยมากมายอยู่แล้ว มักจะมองตี้เฮ่าด้วยสายตา ‘อาฆาตมาดร้าย’ อยู่เสมอ ตลอดการเดินทางนี้ไม่เคยมอบสีหน้าที่ดีให้ตี้เฮ่าเลย
โชคดีที่นางรู้ว่าจะให้ตี้เฮ่าบาดเจ็บไม่ได้ มิเช่นนั้นจะชักนำความเดือดร้อนมาให้นายท่าน
ดังนั้นนางจึงฝืนข่มกลั้นอารมณ์ไม่ลงมือปองร้ายตี้เฮ่าเอาไว้ตลอด แต่ก็รังเกียจเด็กน้อยคนนี้อย่างสุดขีดจริงๆ…