ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2743 ผู้ก่อกวนงานวิวาห์ / บทที่ 2744 เงื่อนไขของคุนเสวี่ยอี๋
บทที่ 2743 ผู้ก่อกวนงานวิวาห์
วาจานี้ดุจฟาดแส้ลงบนหน้าของอวิ๋นเยียนหลี สีหน้าเขาครึ้มลงแล้ว “เจ้าอยากตายหรือไง?!”
สุดแสนจะคุ้นชินกับการข่มขวัญไปแล้ว หมิงเตี๋ยหลุบตาลงนิดๆ “ขออภัยเจ้าค่ะ นายท่าน”
ในใจของอวิ๋นเยียนหลีทั้งท้อแท้ทั้งร้อนรน เม้มปากนิดๆ ไม่เอ่ยวาจา อุ้มนางสาวเท้าก้าวไปด้านหน้า ทว่าไม่ทราบเลยว่าควรจะไปทางไหนดี ความรู้สึกไร้ซึ่งกำลังผุดขึ้นมาในหัวใจอีกครั้ง บางทีคนในอ้อมแขนอาจสิ้นใจในระหว่างที่เขาเดินๆ อยู่ก็ได้
“นายท่าน ท่านเคย…เคยรับปากว่าจะแต่งกับหมิงเตี๋ย...” หมิงเตี๋ยพึมพำ
“ข้าจะแต่งกับเจ้า” หลังจากอวิ๋นเยียนหลีเงียบไปครู่หนึ่งในที่สุดก็เอ่ยออกมา
ตัวเขาในตอนนี้ความจริงแล้วจะแต่งกับผู้ใดก็ไม่ต่างกันทั้งสิ้น หมิงเตี๋ยทำเพื่อเขามามากมายเหลือเกิน และสิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้ก็คือเติมเต็มความปรารถนาสุดท้ายของนาง…
ดวงตาหมิงเตี๋ยเปล่งประกายแล้ว! นี่เป็นความคาดหวังและความหมกมุ่นที่ซุกซ่อนอยู่ในใจนางมาหลายร้อยปีแล้ว วันนี้ในที่สุดก็จะเป็นจริงแล้วใช่หรือไม่?
นิ้วมือนางขยุ้มสาบเสื้ออวิ๋นเยียนหลีเอาไว้แน่นเสมือนเป็นตะคริว “เช่นนั้น…สามารถ…สามารถจัด…พิธีวิวาห์ให้ข้าน้อยได้หรือไม่? พ...พิธีเล็กๆ ก็…ก็พอเจ้าค่ะ”
จัดเตรียมงานวิวาห์หนึ่งภายในระยะเวลาสองชั่วยาม
ค่อนข้างยากเย็นจริงๆ แต่อวิ๋นเยียนมีวิธีจัดการของเขาเอง…
ถ้ามีเงินก็ใช้ผีโม่แป้งได้ ยิ่งไปกว่านั้นคือเขายังใช้วิธีข่มขู่ได้ด้วย
หลังผ่านไปครึ่งชั่วยาม มือกลอง เกี้ยวมงคล ชุดวิวาห์ ล้วนเตรียมพร้อมแล้ว ในที่สุดหมิงเตี๋ยก็ได้นั่งเกี้ยวมงคล เพียงแต่นางนอนอยู่ในเกี้ยว ไม่อาจนั่งให้มั่นได้เลย
มีการบรรเลงไปตลอดทาง ขบวนไปหยุดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังหนึ่ง
คฤหาสน์หลังนี้เป็นของคหบดีคนหนึ่งในเมืองนี้ ประเหมาะบังเอิญที่เจ้าของก็แซ่อวิ๋นเช่นกัน เหนือประตูคฤหาสน์ห้อยป้ายสกุลอวิ๋นที่ส่องประกายวาววาม
ครึ่งชั่วยามก่อน อวิ๋นเยียนใช้วิธีพิเศษบีบบังคับให้เจ้าของบ้านหลังนี้ปล่อยคฤหาสน์ให้เช่า เขาจ่ายเงินให้มากพอ แน่นอน ใช้การขู่เข็ญบังคับเสริมไปด้วย
เจ้าของบ้านหลังนี้เป็นคนธรรมดา ไม้ซีกไหนเลยจะกล้าไปงัดไม้ซุงได้? จึงรีบตกปากรับคำทันที ปล่อยเรือนให้เช่าอย่างว่าง่าย แถมยังช่วยจัดเตรียมโถงพิธีให้อย่างรวดเร็วยิ่งนักด้วย…
งานวิวาห์เรียบง่ายยิ่งนัก ถึงขั้นที่แม้แต่คนมาร่วมอวยพรกับพวกเขาจริงๆ ก็หาไม่ได้เลย หัวใจของอวิ๋นเยียนหลีเปี่ยมไปด้วยความอ้างว้าง อุ้มหมิงเตี๋ยลงจากเกี้ยว เดินเข้าไปในเรือนพร้อมกับเสียงดนตรีที่มีมือกลองบรรเลงอยู่ด้านหลัง เดินเข้าสู่โถงพิธี…
หมิงเตี๋ยสะลึมสะลือ ฝืนอดทนไว้ตลอด มองดูเขา อยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างโง่งม ยิ่งมองยิ่งเลือนราง
อวิ๋นเยียนหลีมองใบหน้าที่ซีดขาวเจือเขียวคล้ำของนาง เขาหลับตาลงนิดๆ ความเศร้าสร้อยและสิ้นหวังของเขาบดบังแววตา…
หากว่าเขาใกล้ตายแล้วร้องของานวิวาห์ คนที่เขารักจะเติมเต็มความปรารถนาให้อีกฝ่ายเช่นเดียวกับเขาหรือไม่?
น่าจะ…ไม่ทำกระมัง
ในใจของคนผู้นั้นไม่มีที่สำหรับเขาเลย ต่อให้เขาสิ้นใจลงตรงหน้านาง นางคงไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วเลยด้วยซ้ำ ไม่แน่ว่าอาจจะปรบมือร้องยินดีอยู่ในใจด้วย
เขายิ้มอย่างขมขื่นเล็กน้อย ไม่ให้ตัวเองคิดถึงเรื่องไร้ประโยชน์เหล่านี้อีก อุ้มหมิงเตี๋ยก้าวเข้าสู่โถงพิธี ทว่าทันทีที่ล่วงเข้าประตูไปก็ต้องชะงักฝีเท้าลง
ในโถงพิธีมีคนผู้หนึ่งยืนสง่าอยู่ สวมอาภรณ์ประณีตงดงามปัดลายสีเข้ม ถือขลุ่ยไผ่สีเขียวมรกตเลาหนึ่ง กอดอกมองเขาอย่างยิ้มมิเชิงยิ้มอยู่ตรงนั้น “อวิ๋นเยียนหลี เจ้าเคลื่อนไหวรวดเร็วนักนะ นี่จะแต่งงานอีกแล้วหรือ เห็นทีว่าสำหรับเจ้าแล้ว การแต่งงานนั้นง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากเลยกระมัง”
พออวิ๋นเยียนหลีเห็นเขาก็ปวดหัวขึ้นมาตามความเคยชิน เอ่ยด้วยสีหน้าเยียบเย็น “คุนเสวี่ยอี๋ เจ้ามาทำไม?!”
คุนเสวี่ยอี๋หยักยิ้มแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างสบายๆ “ตัวข้าซื่อตรงเสมอมา ตอนนี้ไม่คิดจะพูดจาไร้สาระกับเจ้าแล้ว มีทางเลือกให้เจ้าสองทาง หนึ่ง เจ้าแต่งงานกับผีเสื้อน้อยตัวนี้ต่อไป ข้าผู้เป็นพญาคุนจะเป็นสักขีพยานให้พวกเจ้าเอง จากนั้นก็จะมองนางสิ้นใจไป สอง ล้มเลิกงานแต่งนี้เสีย ข้าผู้เป็นพญาคุนจะช่วยเหลือนาง แต่หลังจากช่วยชีวิตนางได้แล้ว เจ้าต้องรับปากว่าจะตัดขาดกับนางอย่างสิ้นเชิง สะบั้นเยื่อใยทั้งหมดระหว่างพวกเจ้า เจ้าเลือกมาเถิด!”
————————————————————————————-
บทที่ 2744 เงื่อนไขของคุนเสวี่ยอี๋
อวิ๋นเยียนหลียังไม่ทันเอ่ยอะไร หมิงเตี๋ยที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาก็รีบเอ่ยขึ้นมาแล้ว “นายท่าน...ข้าน้อย…ข้าน้อยไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขา! ข้าน้อยยอมตาย…ข้าน้อยต้องการเพียงงานวิวาห์นี้…” นางยอมตายในอ้อมแขนของอวิ๋นเยียนหลี แต่ไม่ยอมตัดขาดสัมพันธ์กับเขา แบบนั้นนางทรมานยิ่งกว่าตายเสียอีก!
คุนเสวี่ยอี๋ไม่สนใจนาง เพียงมองดูอวิ๋นเยียนหลี
อวิ๋นเยียนหลีก็จ้องมองเขาเช่นกัน “เจ้ามีเจตนาใด? เหตุใดต้องขัดขวางเรื่องของข้ากับนางด้วย?”
แววตาคุนเสวี่ยอี๋พราวระยับ ยิ้มอย่างมาดร้าย “อวิ๋นเยียนหลี เจ้าอย่าลืมนะ เจ้าเคยเข้าพิธีวิวาห์กับข้าแล้ว และได้รับการยอมรับจากสวรรค์แล้วด้วย วันนี้เจ้าคิดจะยื่นข้ามกำแพง ข้าผู้เป็นพญาคุนย่อมต้องขัดขวาง!”
ใบหน้าหล่อเหลาของอวิ๋นเยียนหลีเขียวคล้ำแล้ว “คุนเสวี่ยอี๋ เจ้าเป็นบุรุษนะ! พูดเหลวไหลอันใดอยู่! ตอนนี้ข้าไม่ว่างมาเล่นกับเจ้าหรอกนะ”
“ข้าย่อมทราบดีว่าข้าเป็นบุรุษ” คุนเสวี่ยอี๋ไม่อนาทร “แต่ใครบอกล่ะว่าบุรุษจะแต่งกับบุรุษไม่ได้?”
อวิ๋นเยียนหลีโกรธแล้ว “ข้ามิใช่พวกตัดแขนเสื้อ!”
คุนเสวี่ยอี๋ปรบมือ บังเอิญนัก ข้าใช่”
อวิ๋นเยียนหลีอยากจะซัดฝ่ามือใส่เขาให้กระเด็นไปเสีย โมโหจนมือสั่นนิดๆ แล้ว
อวิ๋นเยียนหลีมองหมิงเตี๋ยในอ้อมแขนของเขา เอ่ยอย่างไม่อินังขังขอบ “เจ้าสามารถพิจารณาให้ดีอีกสักพักได้ แต่ถ้าผ่านสักพักนี้ไปแล้วอาจไม่จำเป็นต้องพิจารณาแล้ว”
ครั้งนี้อวิ๋นเยียนหลีเด็ดเดี่ยวนัก กัดฟันตอบ “ข้าเลือกข้อสอง ช่วยนาง!”
หมิงเตี๋ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงสะท้าน “เจ้า…เจ้าทำเช่นนี้…ฉวยโอกาสตีชิงตามไฟ!”
คุนเสวี่ยอี๋ยิ้มแล้ว หรี่ตาลงนิดๆ “ผีเสื้อน้อย เจ้าพูดถูกแล้ว เรื่องที่ข้าผู้เป็นพญาคุนชมชอบก็คือการตีชิงตามไฟนี่แหละ”
หมิงเตี๋ยโมโหจนตัวสั่น “เจ้า…เจ้ามันไร้ยางอาย! ต่อให้เจ้าแยกพวกเราออกจากกัน นายท่านก็ไม่มีทางแต่งกับเจ้าเด็ดขาด!”
คุนเสวี่ยส่ายนิ้วไปมา “ใครบอกว่าจะให้เขาแต่งข้าล่ะ? เห็นๆ กันอยู่ว่าเป็นข้าที่ต้องการจะแต่งเขา!”
หมิงเตี๋ยถูกตอกจนพูดไม่ออกแล้ว “…เจ้า! เจ้า!”
นางตกอยู่ในความโกรธ ในที่สุดก็กรีดร้องเผยวาจาที่อยู่ภายในใจตนออกมา “เจ้า…เจ้าคิด…คิดออกหน้าแทนกู้ซีจิ่วใช่หรือไม่? หญิงผู้นั้นมี…มีคนในดวงใจแล้วชัดๆ ยังไม่ยอมปล่อยชายอื่นไปอีก…ส่งบุตรชายมาคอยสอดส่องยังไม่พอ ตอนนี้ยังส่งเจ้ามาก่อกวนอีก…”
“หมิงเตี๋ย หุบปาก!” ใบหน้าหล่อเหลาของอวิ๋นเยียนหลีครึ้มลงแล้ว
เดิมทีคุนเสวี่ยอี๋เห็นสภาพของนางแล้วยังเวทนาสงสารอยู่บ้าง ยามนี้ความเวทนานั้นเลือนหายไปแล้ว เอ่ยอย่างเยียบเย็น “ด้วยวาจาเหล่านี้ที่เจ้ากล่าวออกมา ข้าผู้เป็นพญาคุนก็ไม่สมควรจะให้ความช่วยเหลือเจ้าแล้ว! ริษยาว่าร้ายถึงเพียงนี้…”
“ข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือของเจ้า!” หมิงเตี๋ยก็พยศขึ้นมาแล้วเช่นกัน
คุนเสวี่ยอี๋มองนางครู่หนึ่ง ยิ้มออกมาอีกครั้ง เพียงแต่รอยยิ้มค่อนข้างเย็นชา “ตัวข้าผู้นี้ชมชอบกระทำเรื่องย้อนแย้งกับผู้อื่นยิ่ง เจ้าไม่อยากให้ข้าช่วยข้าก็จะช่วยให้ได้ ”
พลันโบกแขนเสื้อ ลำแสงสายหนึ่งส่องวาบเข้าหา หมิงเตี๋ยพ่นโลหิตคำหนึ่งออกมา สลบเหมือดไปทันที
อวิ๋นเยียนหลีโมโหแล้ว “เจ้า…”
คุนเสวี่ยอี๋ใช้นิ้วหนึ่งชูทาบริมฝีปาก “ชู่ว์ ไม่ทำลายของเก่าไม่อาจสร้างของใหม่ได้ ถ้านางไม่สลบไปจะไม่มีหนทางช่วยเหลือแล้ว”
ด้วยเหตุนี้ อวิ๋นเยียนหลีจึงเงียบไป เพียงมองคุนเสวี่ยอี๋อย่างเยียบเย็น เกรงว่าเขาจะเล่นเล่ห์อีก
คุนตัวนี้หัวหมอเกินไป ในสิบประโยคจะเป็นคำเท็จไปเสียแปดประโยคแล้ว แม้กระทั่งชื่อที่เคยแจ้งแก่เขาเมื่อก่อนก็เป็นชื่อปลอมด้วย!
หากมิใช่เพราะภายหลังได้ร่วมเดินทางด้วยกัน ได้ยินสหายเหล่านั้นเรียกชื่อของเขา เกรงว่าอวิ๋นเยียนหลีคงยังนึกว่าเขาชื่อคุนอวิ๋นจ่านอยู่
ครั้งนี้คุนเสวี่ยอี๋กลับมิได้เล่นเล่ห์ เริ่มเยียวยารักษาให้ทันที…
อวิ๋นเยียนหลีมองอยู่ด้านข้าง บังเอิญเห็นว่าสีหน้าของคุนเสวี่ยอี๋ค่อนข้างซีดเผือดยิ่งนัก ท่าทางคล้ายเคยบาดเจ็บสาหัสมาก่อน
ต่อมา สายตาของเขาก็ร่อนลงบนท่อนแขนของคุนเสวี่ยอี๋ที่บังเอิญเผยออกมานอกแขนเสื้อ ตรงนั้นคล้ายจะไหม้เกรียมอยู่บ้าง ราวกับถูกเพลิงเผาผลาญ ผิวหนังยับย่นไปหมดแล้ว
————————————————————————————-