ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2751 เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ 6 / บทที่ 2752 เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ 7
บทที่ 2751 เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ 6
สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนมหันต์ ไม่สนใจจะนั่งสมาธิปรับลมปราณแล้ว รีบนับนิ้วทำนาย แต่เนื่องจากอารมณ์ปั่นป่วนเกินไป จึงคำนวณอะไรไม่ได้เลยชั่วขณะ
ดังนั้นเขาจึงออกจากการกักตนเสียเลย รีบกลับไปที่ตำหนักของตน จากถ้อยคำของข้ารับใช้เหล่านั้นของตน เขาถึงได้ทราบเรื่องที่กู้ซีจิ่วตั้งครรภ์ แถมยังทราบด้วยว่านางหายตัวไปแล้ว ข้ารับใช้เหล่านั้นของเขาตามหานางจนแทบพลิกทั้งสวรรค์แล้ว…
เขาดุจถูกฟ้าผ่า ตะลึงงันไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พยายามทำนายหาเบาะแสของกู้ซีจิ่วอย่างสุดชีวิต
ยิ่งคำนวณใบหน้าก็ยิ่งซีดเซียว เขาไปยังจุดที่กู้ซีจิ่วคลอดบุตร ที่นั้นเขาใช้ศาสตร์ลับค้นหาตำแหน่งที่อยู่ของเด็ก ผลคือพบว่าเด็กถูกนำตัวไปไว้ที่แดนต้องห้ามอันลึกลับแห่งหนึ่ง
เขาบุกเข้าไปในแดนต้องห้ามนั้น พบตี้เฮ่าถูกเพาะเลี้ยงไว้ในโลงน้ำแข็ง
ตี้เฮ่าขดตัวเป็นก้อนเล็กๆ ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นก้อนน้ำแข็งแล้ว
ถึงแม้ตี้เฮ่าจะไม่มีลมหายใจแล้ว แต่ตี้ฝูอีตรวจพบว่าดวงวิญญาณของเขายังไม่ได้ออกจากร่าง เจ้าตัวน้อยยังมีชีวิตอยู่จริงๆ
เพียงแต่ได้รับคุณสมบัติพิเศษบางอย่างมาจากตี้ฝูอี ตี้ฝูอีสามารถกลายเป็นรูปสลักหยกได้ ในยามที่เจ้าตัวน้อยเผชิญวิกฤตร้ายแรงจึงแข็งทื่อไป ราวกับสิ้นชีพไปแล้ว
ตี้ฝูอีพบกลิ่นอายของฟั่นเชียนซื่อบนโลงน้ำแข็งที่บรรจุตี้เฮ่าไว้ ชัดเจนยิ่งนักว่าเป็นฟั่นเชียนซื่อที่นำตี้เฮ่ามาไว้ที่นี่
ตี้เฮ่าหลอมละลายน้ำแข็ง ถ่ายเทพลังยุทธ์ส่วนหนึ่งเข้าไปในร่างของบุตรชาย ทำให้เขาฟื้นขึ้นมาได้สำเร็จ
แต่อย่างไรก็ตามหนูน้อยถูกแช่แข็งมานานเกินไป อ่อนแออย่างยิ่ง แม้แต่ดวงตาก็ลืมไม่ขึ้นแล้ว
หากมิใช่เพราะตี้ฝูอีถ่ายทพลังยุทธ์เข้าไป เขาไม่มีทางฟื้นขึ้นมาแล้ว
ในตอนที่ตี้ฝูอีกำลังช่วยตี้เฮ่าอยู่ ก็ได้มีโอกาสตรวจอ่านกลิ่นอายที่อยู่ในละแวกโลงน้ำแข็ง ทำให้ปรากฏเหตุการณ์ในยามนั้นขึ้นมาอีกครั้ง
มองเห็นฟั่นเชียนซื่ออุ้มเด็กน้อยมาที่นี่ แช่ไว้ในโลงน้ำแข็ง ก่อนฟั่นเชียนซื่อจะจากไปได้ลูบโลงน้ำแข็งแล้วเอ่ยสองสามประโยคว่า “อายุเท่านี้ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นสังขารเซียนที่ไม่อาจพบพานได้ใหมื่นปีแล้ว น่าอัศจรรย์โดยแท้ แช่แข็งเจ้าเอาไว้ที่นี่ก่อนแล้วกัน รอจนผู้ทรงสิทธิ์อย่างข้าจัดการเรื่องในช่วงนี้จบสิ้นแล้ว จะใช้เลือดเนื้อของเจ้ามาหลอมเป็นโอสถที่มีสรรพคุณพิเศษ ทำให้มารดาของเจ้าปักใจถวายชีวิตต่อข้าอย่างแท้จริง…”
ตี้ฝูอีพาหนูน้อยออกมาจากแดนต้องห้าม ก็ได้ยินข่าวว่าฟั่นเชียนซื่อส่งเทียบเชิญมงคลจะวิวาห์กับกู้ซีจิ่ว
เขาย่อมไม่ยอมรับเรื่องนี้โดยเด็ดขาด และเขาก็ทราบดีว่าที่นั่นจะเกิดศึกที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินขึ้น
แล้วร่างกายของบุตรชายก็อ่อนแอเกินไป ไม่อาจปล่อยให้ถูกไอสังหารรบกวนได้แม้แต่น้อย
ดังนั้นเขาจึงใช้พลังวิญญาณก่อเกราะกำบังหนึ่งขึ้น นำบุตรชายเข้าไปวางไว้ด้านใน จากนั้นก็ซ่อนไว้ในโพรงถ้ำในภูเขาแห่งหนึ่ง
ถ้ำนี้ลึกลับยิ่ง ปลอดคนย่างกราย ด้านในยังมีตาน้ำพุพลังวิญญาณอยู่ตาหนึ่งด้วย เขาจัดวางกำบังนั้นไว้ใจกลางตาน้ำพุพลังวิญญาณ ให้ไอวิญญาณจากฟ้าดินหล่อเลี้ยงร่างกายจิตวิญญาณของเด็กน้อย
ก่อนเขาจะจากไปยังใช้อาคมสร้างเขตแดนอย่างหนึ่งไว้ที่ปากถ้ำด้วย ป้องกันไม่ให้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้างเข้ามารบกวนเด็กน้อยได้ แล้วถึงตรงไปยังตำหนักพำนักของฟั่นเชียนซื่อ
จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์อย่างที่ตี้เฮ่าได้เห็น ฉากที่บิดามารดาประหัตประหารกัน…
นี่คือทั้งหมดที่ตี้เฮ่าได้เห็นมา เนื่องจากเขาเห็นเพียงเหตุการณ์ ได้ยินเพียงบทสนทนาที่ตัวละครพูดคุยเท่านั้นไม่สามารถอ่านความคิดจิตใจของคนที่อยู่ด้านในได้
เขาไม่รู้ว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้บุคลิกในตอนท้ายสุดของมารดาเปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวง แต่เขารู้ว่าสิ่งที่ท่านแม่ได้เห็นในกระจกวิเศษอันใดนั่นในเวลานั้นล้วนเป็นความเท็จ! เป็นเล่ห์กลของฟั่นเชียนซื่อแน่นอน…
ตี้เฮ่าสูญเสียบุพการีทั้งสองไปตั้งแต่ยังเล็ก ดังนั้นจึงไม่เข้าใจนิสัยใจคอของผู้เป็นมารดา เขาเพียงรู้สึกว่าสภาพอารมณ์ก่อนที่ท่านแม่จะระเบิดตัวเองดูประหลาดอยู่บ้าง ราวกับก่อนหน้านี้ถูกเวทวิชาอันใดควบคุมความคิดจิตใจของนางไว้ ต่อมาโลหิตของตี้ฝูอีที่ไหลออกมาเหมือนจะคลายอาคมบนร่างนางได้ ทำให้นางดุจตื่นจากฝัน ทว่าได้ทำเรื่องผิดพลาดมหันต์ลงไปแล้ว ไม่อาจย้อนกลับไปได้แล้ว…
————————————————————————————-
บทที่ 2752 เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ 7
ภายหลังตี้เฮ่าได้กลายเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ ทราบว่าการนั่งบนตำแหน่งนี้ต้องแบกรับอะไรเอาไว้บ้าง ถึงได้เข้าใจว่าในครานั้นบิดาของเขาละเมิดสวรรค์ไปมากเพียงใด
บิดาของเขาได้พยายามอย่างสุดความสามารถแล้วเพื่อจะรักษาความรักนี้ไว้ จนปัญญาที่ชะตาลิขิตคน สุดท้ายก็ยังคงประสบผลลัพธ์เช่นนี้
เขาใช้วิชาลับตรวจสอบชีวประวัติของฟั่นเชียนซื่อ ถึงได้ทราบฐานะของเขา ทราบว่าเขาวางแผนอะไรไว้กันแน่
ตอนที่ตี้เฮ่าได้เห็นฉากเหล่านั้นของบิดามารดา ฟั่นเชียนซื่อไม่ได้ออกโรงมากนัก ตี้เฮ่าจึงคิดว่าเขาเพียงแต่หลงรักมารดาของตนเท่านั้น ดังนั้นจึงวางแผนช่วงชิงคนรักของผู้อื่น สุดท้ายทั้งสองคนต่างมอดม้วยไปด้วยกัน
หลังจากตรวจสอบชีวประวัติของฟั่นเชียนซื่อแล้ว ตี้เฮ่าถึงได้เข้าใจ ฟั่นเชียนซื่อวางแผนเพื่อชิงตำแหน่งเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ แต่เขาไม่อาจแย่งชิงกับตี้ฝูอีด้วยความสามารถที่แท้จริงได้ เลยต้องใช้เล่ห์กล…
กู้ซีจิ่วก็คือตัวหมากของเขา เป็นหมากเพียงตัวเดียวที่สามารถสังหารตี้ฝูอีได้
ฟั่นเชียนซื่อวางอุบายไว้นับไม่ถ้วน ทำให้เรื่องราวค่อยๆ ดำเนินมาทีละก้าวๆ จนกลายเป็นเช่นปัจจุบัน กล่าวได้ว่าประสบความสำเร็จยิ่งนัก และเขาก็ปกปิดเร้นกายได้ดียิ่งเสมอมา
เรื่องเดียวที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ ยังไม่ทันได้รอให้กู้ซีจิ่วสังหารตี้ฝูอีอย่างสมบูรณ์ เขาก็ตกตายด้วยน้ำมือของตี้ฝูอีก่อนแล้ว…
กล่าวได้ว่าในท้ายที่สุดแล้ว ฟั่นเชียนซื่อก็คว้าน้ำเหลวทั้งสองทาง ไม่ได้อะไรเลย
….
แสงเทียนในโรงเตี๊ยมส่องสลัว ตี้เฮ่าหวนนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้นของบิดามารดาอีกครั้ง
ถอนหายใจหนักๆ คราหนึ่ง กล่าวได้ว่าที่ในปีนั้นบิดามารดาก้าวเดินไปในเส้นทางเช่นนั้น กู่แม่ลูกในร่างของหลานไว่หูเป็นก้าวที่สำคัญอย่างยิ่ง
หากว่าไม่มีสิ่งนี้ ตี้ซวี่เยวี่ยพี่หญิงของเขาคงไม่มอดม้วยก่อนได้ลืมตาดูโลก ท่านแม่ของเขาก็จะไม่ถูกพิษไอมารที่ไร้ซึ่งหนทางแก้ไข…
ตอนนี้ตนจับผลัดจับผลูทะลุมายังยุคนี้แล้ว เปลี่ยนแปลงเรื่องราวไปมากมายแล้ว ฟั่นเชียนซื่อเผยตัวออกมาก่อนกำหนด กู่แม่ลูกไม่ได้ก่อร่างทำร้ายคนอย่างแท้จริง ท่านพ่อของเขาฟื้นฟูความทรงจำของตี้ฝูอีได้ก่อนกำหนด ไม่ใช่เสี่ยวเนี่ยนโม่ผู้ใสซื่ออีกแล้ว ความเข้าใจผิดระหว่างท่านพ่อท่านแม่ได้รับการคลี่คลายที่แดนอสุราแล้ว…
ถึงแม้ท่านแม่จะปนเปื้อนไอมารส่วนหนึ่งมา เนื่องจากเคยสัมผัสใกล้ชิดหลานไว่หู แต่ถึงอย่างไรก็น้อยนิดยิ่ง ยังไม่ทันได้ก่อร่างขึ้นในกายท่านแม่กลายเป็นภัยคุกคามอย่างแท้จริง ทารกในครรภ์ของนางยังคงเป็นตี้ซวี่เยวี่ยยังมิใช่ครรภ์มาร…
ซ้ำยามนี้เขาได้ครึ่งหทัยของพญาเจียวมาแล้ว ทุกอย่างล้วนพัฒนาไปในทางที่ดี
ตี้เฮ่ามองมือน้อยๆ ของตนภายใต้แสงเทียน ปากจิ้มลิ้มหยักยิ้มแวบหนึ่ง ตนกลายเป็นเด็กน้อยแล้วยังคงมีความสามารถยิ่งนักอยู่!
ยอดเยี่ยมนัก!
เขากลิ้งอยู่ในผ้าห่ม ตีลังกาครั้งหนึ่ง
จู่ๆ เขาก็นึกถึงปัญหาอีกข้อหนึ่งขึ้นมาได้ หากว่าประวัติศาสตร์แปรเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ เช่นนั้นท่านพ่อท่านแม่ของเขาก็จะไม่แตกดับไป ท่านพ่อของเขาก็ยังคงเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์อยู่กระมัง?
เช่นนั้นวันหน้าเขาก็ไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์แล้วใช่ไหม? สามารถกระทำเรื่องราวไปตามที่ใจตนปรารถนาได้แล้วใช่ไหม?
ฮ่าๆ อนาคตนี้ช่างงดงามเหลือเกิน!
พยายามเข้า!
….
ขณะที่ตี้เฮ่ากำลังปลุกขวัญกำลังใจให้ตนเองอยู่ ในที่สุดตี้ฝูอีที่อยู่ในวังมรกตก็สัมผัสถึงไอมารที่แฝงเร้นอยู่ในร่างของกู้ซีจิ่วได้แล้ว!
ไอมารนั้นซ่อนอยู่ลึกยิ่ง มันถึงขั้นที่ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับไอวิญญาณในร่างของกู้ซีจิ่วแล้ว และเก็บซ่อนวิสัยมารเอาไว้ด้วย ปลอมแปลงให้เหมือนพลังวิญญาณทุกประการ ทำให้คนไม่อาจสังเกตเห็นมันได้…
เพียงทำให้อุปนิสัยของกู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนบางส่วน และการเปลี่ยนแปลงนี้ก็อยู่ในขอบเขตปกติของสภาพอารมณ์สตรีมีครรภ์ ทำให้คนถูกหลอกได้ง่ายยิ่งนัก
คงจะเป็นเพราะไอมารนี้อ่อนแอเกินไป ถ้ามันต้องการจะเติบโตก็ต้องดูดซับปราณหยางบ่อยๆ…
นี่ทำให้กู้ซีจิ่วมีความต้องการในเรื่องทางเพศสูงขึ้นมาก ประกอบกับทั้งสองคนต่างรักใคร่กัน ดังนั้นในไม่กี่วันมานี้กู้ซีจิ่วจึงเป็นฝ่ายเริ่มเล่นพลิกผ้าห่มกับเขาก่อนอยู่บ่อยครั้ง พัวพันเคล้าคลอแล้วประกอบกิจ…
ถึงแม้การที่ภรรยาเป็นฝ่ายรุกก่อนเช่นนี้ จะทำให้ตี้ฝูอีปรีดานัก แต่การที่จู่ๆ นางก็เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ยังคงทำให้เขาแปลกใจยิ่งนักอยู่ดี
สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจยิ่งขึ้นคือ ไม่น่าเชื่อว่าพลังยุทธ์ของตนจะค่อยๆ ลดลงตามความถี่ในการเล่นพลิกผ้าห่ม…
ถึงแม้ระดับในการลดลงจะน้อยนิดยิ่งนัก ทำให้คนมองข้ามไปได้ง่ายๆ แต่ตี้ฝูอีมีสัมผัสเฉียบไวเสมอมา หลังจากมีสัมพันธ์กับภรรยาสามครั้งก็เกิดความสงสัยแล้ว
ดังนั้นในยามที่กำลังประกอบกิจกันอย่างสุดแสนเร่าร้อน ก็ได้จับสัมผัสภายในร่างของนางดู อย่างเป็นพิเศษ ในที่สุดก็สัมผัสถึงความผันผวนของเสี้ยวไอมารสายนั้นที่ซ่อนเร้นอยู่ในร่างนางได้แล้ว!
ไอมารนั้นกำลังดูดกลืนไอหยางของเขาอย่างเงียบเชียบอยู่!
ไอมารนั้นคล้ายจะมีจิตสำนึกแล้ว ดูเหมือนมันจะสังเกตเห็นว่าตี้ฝูอีฉุกสงสัยแล้ว ในตอนที่ตี้ฝูอีกำลังจะทำการผนึกตัวมันไว้ก็หดกลับเข้าไปทันที ทำให้คนไม่อาจสัมผัสถึงมันได้อีกครั้ง