ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2759 เชื่อใจเขา! / บทที่ 2760 นี่นายท่านทำพลาดหรือ
บทที่ 2759 เชื่อใจเขา!
“มี…เอ๊ะ ไม่น่าเชื่อ…” ตี้ฝูอีคล้ายจะถูกหัวใจครึ่งดวงนั้นดึงดูดเข้าไปอย่างสมบูรณ์แล้ว พูดจาก็ละล้าละลัง ทำเอาความอยากรู้อยากเห็นของกู้ซีจิ่วแทบจะระเบิดออกมาแล้ว
จะว่าไปแล้วก็แปลก มีหัวใจครึ่งดวงนี้อยู่ที่นี่ ถึงแม้อารมณ์เธอจะสงบลงมาก แต่สัญชาตญาณกลับสัมผัสได้รางๆ ว่าหัวใจครึ่งดวงนี้อันตราย ราวกับมีเสียงหนึ่งคอยเตือนว่าสิ่งนี้มันเป็นอันตราย ต้องการชี้นำเธอให้อยู่ห่างจากสิ่งนี้…
ดังนั้นถึงแม้เธอจะค่อนข้างสนใจใคร่รู้ในของสิ่งนี้ แต่ก็ยังคงรักษาระยะห่างกับมันอยู่
บัดนี้เห็นตี้ฝูอีเป็นเช่นนี้ เธอจึงอยากรู้อยากเห็น อดไม่ได้ที่จะก้าวเข้าไปหาสองก้าว “สรุปแล้วมีอะไรกันแน่ล่ะ?”
“มี…มิสู้เจ้ามาสัมผัสดูเองเถิด น่าตื่นตะลึงนัก!”
กู้ซีจิ่วยังคงไม่ค่อยอยากเข้ามาอยู่บ้าง “หัวใจครึ่งดวงเท่านั้น มีอะไรน่าตื่นตะลึงกัน?”
“เด็กน้อย นี่ไม่ใช่ครึ่งหัวใจธรรมดาทั่วไป จำเรื่องไซอิ๋วที่เจ้าเคยเล่าได้ไหม? ที่บอกว่าพระถังซำจั๋งคือองค์อรหันต์จินฉานจื๋อกลับชาติมาเกิดเพื่อจาริกแสวงบุญ ดังนั้นถ้ากินเนื้อของเขาเข้าไปสักชิ้นก็จะเป็นอมตะไม่แก่เฒ่า ส่วนเจียวตัวนี้ก็บำเพ็ญมาแสนปีแล้ว ซ้ำยังบำเพ็ญตามวิถีเซียน เกรงว่าเนื้อของมันจะน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าเนื้อพระถังซำจั๋งเสียอีก…แค่แตะดูเช่นนี้ก็…”
ตี้ฝูอีมีสีหน้าประหลาดใจ ราวกับถูกหัวใจครึ่งดวงนี้ทำให้ตื่นตะลึงไปแล้วจริงๆ
ตี้ฝูอีมีสมบัติวิเศษมากมายนับไม่ถ้วน แทบไม่มีสิ่งที่สามารถทำให้เขาเผยความรู้สึกทางสีหน้าออกมาได้ขนาดนี้เลย ความอยากรู้อยากเห็นของกู้ซีจิ่วจึงขยายตัวขึ้นปานลูกบอล และเธอก็รู้ดีว่าตี้ฝูอีไม่มีทางทำร้ายเธอ ดังนั้นสุดท้ายเธอก็เดินเข้าไป ยื่นนิ้วหนึ่งเข้าไปแตะดู…
เนื้อก้อนนั้นร้อนนิดๆ เธอไม่รู้สึกว่ามีอะไรพิเศษเลย เพียงสัมผัสได้ว่าหัวใจบีบรัดขึ้นมาอย่างน่าประหลาด อยากชักมือกลับตามสัญชาตญาณ ทว่าถูกตี้ฝูอีจับเอาไว้ทันที “มาเถอะ เจ้าต้องกดไว้แบบนี้ แล้วโคจรเคล็ดชำระล้างที่ข้าเคยสอนให้เจ้าก่อนหน้านี้ แล้วเจ้าจะสัมผัสถึงความพิเศษของมันได้”
เขาทำให้ทั้งห้านิ้วของเธอคลี่กางออก กดลงบนตำแหน่งชีพจรทั้งห้าเส้นของครึ่งหัวใจ
กู้ซีจิ่วทำตามวิธีที่เขาบอกจริงๆ…
ตุบ! ตุบ! ตุบ! จู่ๆ หัวใจของเธอก็เต้นกระหน่ำขึ้นมา! เพียงรู้สึกได้ว่ามีกระแสความร้อนสายหนึ่งไหลเข้าสู่ห้านิ้ว พุ่งตรงเข้าสู่แขนขาทั้งสี่ของเธอ ความร้อนเข้าบีบรัดไปตามหน้าท้องของเธอทันที ราวกับมีสิ่งใดไม่ยินยอมจะจากไป จึงฉุดกระชากกันอยู่ภายในท้องเธออย่างรุนแรง!
เธอหวาดหวั่นว่าจะเสียลูกไป ทนไม่ไหวคิดจะชักมือกลับอีกครั้ง ขณะเดียวกันหยุดโคจรเคล็ดแล้วด้วย…
จะว่าไปแล้วก็แปลก หลังจากเธอหยุดโคจรเคล็ด ความปวดหนึบในช่องท้องก็หยุดลงไปแล้ว
“ซีจิ่ว เจ้าเชื่อใจข้าไหม?” เสียงของตี้ฝูอีพลันแว่วขึ้นริมหูเธอ สุขุมทรงพลัง
กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่ง ทว่าตอบอย่างไม่ลังเลว่า “เชื่อ!”
“อืม ดีมาก เช่นนั้นจงฟังข้า โคจรเคล็ดตามที่ข้าบอกไปก่อนหน้านี้ต่อไป!”
“แต่ว่าท้องของข้าค่อนข้างเจ็บปวด ข้ากลัวว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับลูก…”
“วางใจเถอะ เชื่อฟังข้านะ สิ่งที่ข้าให้เจ้าทำในตอนนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของลูกเรา”
ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดตี้ฝูอีถึงเคร่งเครียดขนาดนี้ แต่ในใจของเธอก็สัมผัสถึงความผิดปกติของตนได้รางๆ เช่นกัน เธอสูดหายใจเบาๆ “ได้!”
เธอหลับตาลง พยายามมองข้ามความรู้สึกต่อต้านที่จู่ๆ ก็ผุดขึ้นมาในอกไป โคจรเคล็ดต่อ
….
หลังคาหยกนิล ผนังปะการัง
มุกราตรีดุจโคมไฟ ห้อยแกว่งไกวอยู่บนกิ่งไม้เขียวขจี
สิ่งที่ปูอยู่ใต้ฝ่าเท้ามิใช่ศิลา แต่เป็นหยกสีครามที่คล้ายกับหยกเหอเถียน[1] เปล่งประกายแวววาว ใสกระจ่างดั่งกระจก เมื่อรัศมีแสงของมุกราตรีสาดส่องกระทบลงบนพื้นแล้วราวกับดวงดาวที่ส่องพร่างพราวก็มิปาน
ตรงใจกลางมีตำหนักหลังหนึ่งที่ก่อสร้างขึ้นอย่างวิจิตรพิสดาร รอบข้างมีไอเมฆาโอบล้อม เสมือนตำหนักจันทราในตำนาน
ทันทีที่มองขึ้นไป ตำหนักหลังนี้ดูราวกับลอยอยู่ในอากาศท่ามกลางนภาดาษดารา ตั้งตระหง่านโอ่อ่า ทำให้คนมองแล้วอยากจะกราบไหว้บูชา
————————————————————————————-
บทที่ 2760 นี่นายท่านทำพลาดหรือ
ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นมงคล แต่ก็แฝงรังสีสังหารมหาศาลเอาไว้รางๆ ด้วย
เหนือตำหนักมีไอสีเขียวมืดมนผุดขึ้นมาจางๆ ดูแปลกประหลาดและอันตราย
ยามนี้ ในตำหนักมีคนผู้หนึ่งนั่งอยู่บนพื้น เขาสวมอาภรณ์สีดำ เครื่องหน้างดงามดั่งวาดแต้ม แต่บุคลิกกลับเย็นยะเยือก
เบื้องหน้าเขาตั้งกระถางสัมฤทธิ์มีหูใบหนึ่งเอาไว้ ภายในกระถางมีของเหลวสีแดงสดกำลังเดือดพล่านอยู่ มีไอทมิฬจางๆ พวยพุ่งออกมาจากของเหลวบ้างเป็นครั้งคราว รวมตัวกันกลายเป็นคันฉ่องสีดำบานหนึ่งอยู่เบื้องหน้าเขา
คันฉ่องบานนั้นสลักลวดลายซับซ้อน ผิวคันฉ่องไม่น่าเชื่อว่าจะมีสีดำวาว บนนั้นมีเงาร่างคนกำลังสั่นสะท้านอยู่รางๆ
สตรีนางหนึ่งเยื้องย่างเข้ามา ประจำอยู่ด้านหลังเขาอย่างสงบ
คนชุดดำผู้นั้นคล้ายจะไม่รู้สึกตัว และคล้ายจะไว้วางใจสตรีที่อยู่ด้านหลังยิ่งนัก ดังนั้นเขาจึงประกอบพิธีต่อไป ทำให้เงาร่างบนคันฉ่องชัดเจนยิ่งขึ้น
สายตาของสตรีนางนั้นร่อนลงบนคันฉ่อง ม่านตาหดตัวนิดๆ
นางรู้จักคนที่อยู่ในคันฉ่อง กู้ซีจิ่ว ตี้ฝูอี ยังมีลูกของพวกเขาด้วย
เป็นครอบครัวที่อบอุ่นยิ่งนัก ทำให้นางริษยา…
สายตาของนางร่อนลงบนมือของคนชุดดำอีกครั้ง มีไอทมิฬผุดออกมาจากปลายนิ้วของเขาเช่นกัน เห็นได้ชัดว่ากำลังทำพิธีอยู่ และสีหน้าของเขาก็ซีดเซียว หน้าผากมีเหงื่อ แสดงให้เห็นว่าอาคมที่เขาร่ายไม่ง่ายดายเลย…
นางเม้มปากนิดๆ มองต่อไป
นางเห็นกู้ซีจิ่วกดมือลงบนก้อนเนื้อชุ่มเลือดที่ดูพิลึกชิ้นหนึ่ง คล้ายว่าจะทำพิธีอยู่เช่นกัน
ส่วนตี้ฝูอีสามีของนางก็กึ่งๆ โอบประคองนางไว้ในอ้อมแขน ฝ่ามือทาบอยู่บนหลังมือของนาง น่าจะช่วยนางโคจรเคล็ดอยู่…
ฟั่นเชียนซื่อขมวดคิ้วแน่น ไอทมิฬผุดจากปลายนิ้วมากขึ้นเรื่อยๆ หยาดเหงื่อบนหน้าผากก็มากขึ้นเรื่อยๆ ชัดเจนนัก เขากำลังทำพิธีต่อต้านพวกกู้ซีจิ่วอยู่
“หยุดมือ! หยุดลงซะ! ออกห่างจากก้อนเนื้อชิ้นนี้ มันจะทำร้ายลูกของเจ้า! ทำให้เจ้าสูญเสียลูกไป! กู้ซีจิ่ว หยุดมือ…” ฟั่นเชียนซื่อเอ่ยพึมพำ ราวกับกำลังเกลี้ยกล่อม แต่ก็คล้ายจะขู่เข็ญด้วย ทุกวาจาล้วนกลายเป็นอักขระอาคมลอยเข้าไปในไอทมิฬ…
และกู้ซีจิ่วที่อยู่ในคันฉ่องก็คล้ายจะสัมผัสถึงวาจาทั้งหมดของฟั่นเชียนซื่อได้ มือนางสั่นระริกเล็กน้อย แต่เม้มริมฝีปากแน่น ประกายเฉียบคมวาบผ่านนัยน์ตา การกระทำกลับเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ยิ่งขึ้น!
สงครามรุกไล่ป้องกันเช่นนี้ดำเนินอยู่ถึงหนึ่งในสี่ชั่วยามเต็ม สตรีนางนั้นเบิกตามองหัวใจครึ่งดวงในคันฉ่องที่อยู่ใต้ฝ่ามือของกู้ซีจิ่วค่อยๆ หดฝ่อ เล็กลงเรื่อยๆ…
สตรีนางนั้นหรี่ตาลงแวบหนึ่ง กู้ซีจิ่วดูดซับไอวิญญาณในก้อนเนื้อนั้นเข้าไปแล้ว!
‘ตูม!’ กระถางสัมฤทธิ์เบื้องหน้าฟั่นเชียนซื่อพลันระเบิด!
ไอทมิฬนั้นที่ก่อตัวเป็นคันฉ่องก็สลายหายไปในอากาศทันที คล้ายจะมีแสงทองสายหนึ่งพุ่งออกมาจากความว่างเปล่า ซัดตรงเข้าใส่ร่างของฟั่นเชียนซื่อ
ฟั่นเชียนซื่อร้องเฮือกคราหนึ่ง ร่างกายซวนเซ กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง
“เป็นแบบนี้ได้ยังไง? เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?! ไม่น่าจะเกิดความผิดพลาดสิ! พวกเขาไม่น่าจะมีวิธีขจัดไอมารบรรพกาลนี้สิ ทำไมกัน…ก้อนเนื้อนั่นคืออะไรกันแน่?” ฟั่นเชียนซื่อหอบหายใจมองโลหิตและกระถางสัมฤทธิ์ที่แตกกระจายเต็มพื้น
เขาพูดคุยกับตัวเองอยู่พักหนึ่ง ส่วนสตรีที่อยู่ด้านหลังเขาก็ราวกับเงา ไม่มีการโต้ตอบเลย
“เหยียนเอ๋อร์ เจ้าว่า ก้อนเนื้อชิ้นนั้นคือสิ่งใด?”
สตรีนางนั้นก้มหน้าหลุบตาลง “ดูคล้ายหัวใจ นี่นายท่านทำพลาดหรือเจ้าคะ?”
น้ำเสียงนางราบเรียบ ไม่มีจังหวะจะโคน ราวกับไม่มีอารมณ์ใดๆ เลย
ฟั่นเชียนซื่อกำมือแน่น เอ่ยเสียงเย็น “พลาดไปชั่วขณะเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม โลกใบนี้จะต้องเป็นไปตามความต้องการของข้าแน่นอน! ฐานะของข้าเปิดเผยออกไปแล้ว หากว่าเขาหวนคืนฐานะจะกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ของพวกเรา!”
สตรีนางนั้นเงียบไปอีกครั้ง
ฟั่นเชียนซื่อสูดหายใจเฮือกหนึ่ง ลุกขึ้นมา เอ่ยพึมพำ “พวกเราจะต้องคิดหาวิธีอื่นขึ้นมาใหม่”สายตาเขาร่อนลงบนร่างสตรีร่างนั้น จู่ๆ ก็เอ่ยถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยว่า “เหยียนเอ๋อร์ เจ้าชังข้าหรือไม่?”
สตรีนางนั้นส่ายหน้า “เหยียนเอ๋อร์เป็นของนายท่าน ไม่ว่านายท่านจะให้เหยียนเอ๋อร์ทำสิ่งใด เหยียนเอ๋อร์ล้วนไม่ยินดียินร้าย”
ฟั่นเชียนซื่อพึงพอใจ ตบไหล่นางเบาๆ “เหยียนเอ๋อร์คิดได้เช่นนี้ดีที่สุดแล้ว ครั้งก่อนข้าก็ไม่ได้คิดจะเอาชีวิตเจ้าจริงๆ หรอก เจ้าดูเถิด มิใช่ว่าข้าก่อสังขารคืนชีพให้เจ้าอีกครั้งหรอกหรือ?”
….
————————————————————————————-
[1] หยกเหอเถียน เป็นหนึ่งสี่ยอดหยกแห่งจีน หยกเหอเถียนเป็นแร่เนไฟร์ต ส่วนมากกระจายอยู่ตามที่ราบสูงแนวเขาคุนหลินในซีอาน ด้วยแต่ละที่มีแร่ธาตุต่างกันทำให้รูปแบบสีสันแตกต่างกันไป หยกพวกนี้ฝังในหินภูเขาที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3500-5000เมตร เมื่อฝนชะทำให้หินภูเขาผุงพังลงมาอยู่ตามแนวเขาเบื้อล่าง น้ำฝนกัดเซาะพัดพาหินไหลลงสู่แม่น้ำ ราคาของมันขึ้นอยู่กับสีและระดับความบริสุทธิ์