ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2771 ภวังค์ฝัน 2 / บทที่ 2772 ภวังค์ฝัน 3
บทที่ 2771 ภวังค์ฝัน 2
ง่ามนิ้วโป้งของตี้เฮ่าก็ถูกกระเทือนจนปริฉีก โลหิตสดๆ ไหลอาบมือ
ตอนที่ปฏิกิริยาตอบสนองของกู้ซีจิ่วกลับคืนมา ย่อมสำนึกเสียใจอย่างยิ่ง รีบร้อนจะทำการรักษาให้เขา
คาดไม่ถึงว่าตี้เฮ่าจะถอยหลังไปทันที “ไม่ต้องหรอกขอรับ ท่านแม่ แผลนิดเดียวไม่นับว่าเป็นอย่างไร เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง ใช่แล้ว ท่านพ่อมอบหมายบทเรียนหนึ่งไว้ให้ลูกยังทำไม่เสร็จเลย ตอนนี้ลูกต้องไปทำแล้ว” วิ่งฉิวจากไปดั่งควันสายหนึ่ง ทำให้กู้ซีจิ่วคิดจะขวางก็ขวางไม่ทัน
เด็กคนนี้ ไม่เหยะแหยาะเลย แข็งแกร่งยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วอดยิ้มไม่ได้ แล้วนึกถึงบุตรสาวอีกครั้ง
ยายหนูคนนั้นกลับเป็นสตรีนุ่มนิ่มคนหนึ่ง เจ็บนิดเจ็บหน่อยก็โวยวายลั่นแล้ว หากว่าบาดเจ็บก็จะคับข้องหมองใจอย่างยิ่ง น้ำตาหลั่งรินไม่ขาดสายคล้ายจะแจกฟรี
นิสัยเปราะบางเช่นนี้ของนางไม่รู้ว่าเหมือนผู้ใด วันนี้ถูกตี้ฝูอีพาออกไปฝึกฝนเคี่ยวกรำ ต้องได้รับความลำบากไม่น้อยเลยแน่นอน ไม่รู้ว่าจะร้องไห้จนเป็นอย่างไรบ้าง
นึกแล้วก็ส่ายหน้า ถึงแม้จะค่อนข้างรักถนอมบุตรสาว แต่เธอก็ยังมีความคิดความอ่านยิ่งนัก รู้ว่าอยู่ในกำมือตี้ฝูอีถึงแม้บุตรสาวจะได้รับความลำบากไปบ้าง แต่ก็ไม่เกิดเรื่องอันใดขึ้นแน่นอน
เธอนึกถึงตอนที่ถูกตี้ฝูอีฝึกฝนเคี่ยวกรำในปีนั้นขึ้นมา ถึงแม้จะเข้มงวดยิ่งนัก แต่เขาก็มีอุบายสารพัด ทำให้คนไม่ถึงขั้นที่เอือมระอา ยังคงผ่านพ้นไปได้อย่างราบรื่นจริงๆ
วรยุทธ์ของตี้ฝูอีเดิมทีก็ลึกล้ำเกินหยั่งได้อยู่แล้ว ดังนั้นกู้ซีจิ่วก็ไม่ทราบเช่นกันว่าภายในระยะเวลาไม่กี่ปีนี้เขาฝึกฝนจนก้าวหน้าไปมากน้อยเพียงใดแล้ว
เธอนึกถึงกระบวนท่าที่บุตรชายสำแดงออกมาก่อนหน้านี้ ใจเต้นอยู่พักหนึ่ง
อันที่จริงเธอก็คลั่งวิทยายุทธ์เหมือนกัน เห็นวรยุทธ์ที่แปลกใหม่ก็อดไม่ได้ต้องศึกษาค้นคว้าดู เพลงกระบี่ของบุตรชายทำให้เธอนึกถึงเก้ากระบี่เดียวดายที่หลิงหูชงในเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ฝึกฝนขึ้นมา
ในนิยายหลังจากหลิงหูชงบาดเจ็บสาหัส ยืนแทบไม่มั่นเลย แต่ทันทีที่มีกระบี่อยู่ในมือ สำแดงเพลงกระบี่ชุดนี้ออกมา ก็ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้เขาได้ สังหารคนได้ดุจหั่นผัก
ยามนี้เพลงกระบี่ชุดนี้ของตี้เฮ่ามีความคล้ายคลึงกับเก้ากระบี่เดียวดาย
ความจำของเธอดีอย่างยิ่ง แต่เพลงกระบี่ชุดนี้ของตี้เฮ่าซับซ้อนเกินไป และคล้ายว่ามีพลังลึกลับบางอย่างที่ทำให้คนจดจำกระบวนท่าไม่ได้อยู่ด้วย ตอนนี้พอเธอนึกถึงกระบวนท่าเหล่านั้นขึ้นมาอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าจะหลงลืมไปกว่าครึ่งแล้ว จำได้เพียงน้อยนิดเท่านั้น
เพียงแต่ ความทรงจำอันน้อยนิดนี้ก็เพียงพอให้วิเคราะห์แยกย่อยได้แล้ว เธอจึงฝึกซ้อมอยู่ในลานนั้นเสียเลย
พวกมู่เฟิงรับชมอย่างตื่นตระการตา พวกเขาหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม สำหรับกระบวนท่าของตี้เฮ่าพวกเขารู้สึกเพียงว่าราวกับเซียนที่โบยบินอยู่นอกน่านฟ้า แต่จดจำไม่ได้เลยแม้สักครึ่งกระบวนท่า
ตอนนี้พอเห็นกู้ซีจิ่วฝึกฝนทบทวน อาภรณ์โบกพลิ้ว ช่างน่ามองเหลือเกิน
หลังจากผ่านไปหนึ่งในสี่ชั่วยาม ตี้เฮ่าก็ย้อนกลับมาอีกครั้ง เห็นกู้ซีจิ่วฝึกฝนทบทวนเพลงกระบี่เหล่านั้นอยู่ตรงนั้น เขาตะลึงไปเล็กน้อย แววตาสั่นไหวนิดๆ กอดอกชมดูอยู่ตรงนั้นเสียเลย
ยิ่งมองยิ่งประหลาดใจ เพลงกระบี่ไม่กี่กระบวนท่านั้นที่กู้ซีจิ่วฝึกทบทวนไม่น่าเชื่อว่าแทบไม่ต่างจากที่เขาสำแดงออกมาเลย ขาดไปเพียงระดับความช่ำชองเท่านั้น
ไม่น่าเชื่อว่านางจะจดจำเพลงกระบี่ที่ใช้ได้เพียงเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์เท่านั้นได้ด้วย!
ต้องทราบก่อนว่าเพลงกระบี่ชุดนี้นอกจากเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์แล้ว ผู้ใดก็ไม่อาจจดจำได้!
ดังนั้นเพลงกระบี่นี้ถ้าตี้ฝูอีมองรอบเดียวแล้วจดจำได้ก็ไม่น่าแปลกใจ แต่กู้ซีจิ่ว ฐานะของนางเป็นเพียงเทพศักดิ์สิทธิ์ของทวีปซิงเยวี่ยเท่านั้น เหตุใดจึงฝ่าข้ามข้อห้ามของวิถีสวรรค์ จดจำสิ่งเหล่านี้ได้เล่า?
ถึงแม้นางจะจำได้ไม่ครบถ้วน แต่ก็เพียงพอให้คนวงในอย่างตี้เฮ่าตื่นตะลึงได้แล้ว
ที่แท้ท่านแม่ของตนเป็นผู้ใดกันแน่? ทำไมถึงมีความสามารถอันเลิศล้ำเช่นนี้?
แววตาตี้เฮ่าวูบไหว จมสู่ห้วงความคิด…
ตกดึก ตี้ฝูอีไม่ได้กลับมา ตี้เฮ่าอุ้มหมอนใบหนึ่งเข้ามาในเรือนนอนของกู้ซีจิ่ว “ท่านแม่ คืนนี้ลูกขอนอนกับท่านได้ไหม?”
กู้ซีจิ่วกำลังคิดอยู่พอดีว่าช่วงนี้ละเลยบุตรชายไป ย่อมไม่ปฏิเสธ ตบเตียงด้านข้างตัว “ขึ้นมาสิ”
————————————————————————————-
บทที่ 2772 ภวังค์ฝัน 3
สองแม่ลูกพูดคุยกันอยู่ใต้ผ้าห่ม กู้ซีจิ่วมองมือน้อยๆ ของเขาก่อน พบว่าบาดแผลปริฉีกตรงง่ามนิ้วโป้งสมานกันเรียบร้อยแล้ว แม้แต่รอยแผลเป็นก็ไม่เหลืออยู่
ในที่สุดเธอก็วางใจแล้ว พูดเล่นกับลูกชายอีกสามสี่ประโยค อยากถามเรื่องราวในอนาคตดูเล็กน้อย แต่ตี้เฮ่าดูง่วงงุนยิ่งนัก ปากจิ้มลิ้มหาวติดกันหลายคราแล้ว ดวงหน้าน้อยๆ ก็ดูซีดขาวอยู่บ้าง เธอจึงหักใจถามไม่ลงแล้ว
ตี้เฮ่ากลิ้งเข้าหาอ้อมแขนเธอ “ท่านแม่พาเฮ่าเอ๋อร์เข้านอนได้ไหม ท่านแม่ยังไม่เคยกล่อมเฮ่าเอ๋อร์เข้านอนสักเท่าไหร่เลย”
สุ้มเสียงเจือความคับข้องหมองใจเอาไว้เล็กน้อย หัวใจกู้ซีจิ่วพลันอบอุ่นและอ่อนยวบ ซ้ำยังหนึบชาด้วย
เธอละเลยลูกชายเกินไปแล้วจริงๆ!
หาได้ยากนักที่เด็กคนนี้จะมาออดอ้อนเธอเช่นนี้ กู้ซีจิ่วย่อมไม่คิดจะปฏิเสธ ด้วยเหตุนี้เธอจึงโอบเขาไว้ในอ้อมแขน “ได้ แม่จะกล่อมเจ้านอนนะ”
บางทีอาจเป็นเพราะโอบบุตรชายเอาไว้ ครั้งนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่ากู้ซีจิ่วจะหลับไปรวดเร็วยิ่ง เพียงครู่เดียวลมหายใจของเธอก็แผ่วลึกแล้ว หลับใหลไป
ตี้เฮ่าที่อยู่ในอ้อมแขนเธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา มองเธออยู่เงียบๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ ยื่นมือเล็กจ้อยออกไป นิ้วขยับร่ายอาคมพิสดารอย่างหนึ่ง มีแสงสีม่วงที่อ่อนจางยิ่งนักผุดออกมาจากปลายนิ้ว เขาแตะปลายนิ้วลงบนบริเวณจุดไท่หยางของกู้ซีจิ่วอย่างนิ่มนวล ค่อยๆ ครอบคลุมทั้งร่างของเธอไว้…
กู้ซีจิ่วฝัน
ดินแดนในความฝันรกร้างกันดารไปหมดจนน่าพิศวง พืชพรรณน้อยนิดหรอมแหรม บนพื้นดินมีร่องลึกตัดไขว้สลับกันไปมานับไม่ถ้วน ร่องลึกเหล่านั้นไม่เหมือนเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่เหมือนเพิ่งถูกสิ่งใหญ่โตที่พละกำลังมหาศาลอันใดกรีดข่วนออกมา
เธอเยื้องย่างอยู่บนดินแดนที่เป็นเช่นนี้ ไม่รู้ว่าทำไม อารมณ์จึงโศกศัลย์ไปหมด
ราวกับเห็นความสำเร็จของตนถูกผู้อื่นทำลายจนย่อยยับ ในใจยังมีความโกรธเกรี้ยวที่ไม่อาจบรรยายได้อยู่ด้วย
มีเสียงต่อสู้กันอย่างดุเดือดแว่วมาจากด้านหน้า ในอากาศมีประกายแสงสับสนวุ่นวาย เกิดเสียงโครมครามดังสนั่นไม่ขาดสาย ปฐพีก็ไหวสะท้านไปด้วยเช่นกัน ราวกับเกิดแผ่นดินไหวระดับสิบขึ้น
พืชพรรณอันเปราะบางถูกยกรากถอนโคนออกมาอีกครั้ง ทำให้แผ่นดินแห้งแล้งกันดารยิ่งกว่าเดิม
เธอขมวดคิ้ว เรือนกายวูบไหวตรงเข้าไปทันที
มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังต่อสู้ฟาดฟันกันอย่างเจ้าตายข้ารอดอยู่ตรงนั้น
กล่าวให้ถูกต้องคือ มีมนุษย์สามคนกำลังถูกเผ่าอสูรกลุ่มหนึ่งไล่ล่าสังหารอยู่…
มนุษย์สามคนนี้ดูเหมือนจะเป็นคู่สามีภรรยากับบุตรหนึ่งคน เด็กน้อยอายุราวสามสี่ขวบ
ตอนที่กู้ซีจิ่วไปถึง สามีภรรยาคู่นั้นบาดเจ็บสาหัส ใกล้ตายแล้ว
เด็กคนนั้นกลับถูกปกป้องเอาไว้อย่างดี เพียงแต่บนแขนเล็กๆ มีรอยกรีดเฉือนอยู่หนึ่งสาย ไม่คุกคามถึงชีวิต
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว กระบี่ล้ำค่าสีขาวพิสุทธิ์ก่อตัวขึ้นกลางฝ่ามือเธอ เข้าโจมตีเผ่าอสูรกลุ่มนั้น
ศาสตร์กระบี่ของเธอเลิศล้ำอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เผ่าอสูรเหล่านั้นที่แค่ซัดฝ่ามือสักทีก็สามารถถล่มภูผาทั้งลูกได้แล้วไม่น่าเชื่อว่าเธอออกแรงเพียงเล็กน้อย ก็ถูกเธอสังหารไปติดๆ กันหลายตัว เกิดเสียงโวยวายขึ้น ทั้งหมดเผ่นหนีไปเลย
สามีภรรยาคู่นั้นอยู่ระหว่างความเป็นความตาย พยายามดิ้นรนหมายจะลุกขึ้นขอบพระคุณ แต่ไม่มีกำลังพอแล้ว
กู้ซีจิ่วมองดูพวกเขา ไม่น่าเชื่อว่ามองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเจียนสิ้นสัญญาณชีพ ไม่อาจช่วยชีวิตได้แล้ว
สามีภรรยาคู่นั้นก็คล้ายจะรับรู้ถึงจุดนี้เช่นกัน ได้แต่พยายามมองไปที่เด็กคนนั้นอย่างสุดชีวิต ฝ่ายชายกระเสือกกระสนเปล่งวาจาหนึ่งออกมา “ท่านเทพธิดาโปรดรับ…รับ…”
นิ้วมือเขาชี้ตรงไปที่เด็กคนนั้น ก็ขาดใจลงทันที
สตรีนางนั้นก็คล้ายอยากจะเอ่ยสิ่งใด แต่อ่อนแรงจนไม่อาจเปล่งวาจาได้แล้ว พลันตาเหลือก สิ้นชีพตามสามีไป
เด็กคนนั้นมุดออกมาจากอ้อมแขนของสตรีนางนั้น มองสามีภรรยาที่สิ้นใจแล้ว จากนั้นก็มองกู้ซีจิ่ว กลับไม่ได้ร้องไห้ออกมา เพียงยืนตะลึงงันอยู่ตรงนั้น
กู้ซีจิ่วมองเขา เป็นเด็กชายที่งดงามอย่างยิ่ง แถมยังมีรากฐานดียิ่งนัก!
ทำให้เธอบังเกิดจิตคิดจะรับศิษย์ขึ้นมาทันที ก้มหน้าถามเขา “เจ้าชื่อเสียงเรียงใด? จะกราบข้าผู้ทรงสิทธิ์เป็นอาจารย์หรือไม่?”
….
————————————————————————————-