ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2775 ผู้สร้างโลก 3 / บทที่ 2776 ผู้สร้างโลก 4
บทที่ 2775 ผู้สร้างโลก 3
แต่เธอไม่คิดจะรับเขาเป็นศิษย์จริงๆ
กู้ซีจิ่วไม่ได้พูดอะไรอีก ตบไหล่เขาเบาๆ หันหลังเดินจากไปเลย
เด็กคนนั้นทึ่มทื่อไปทันที ในที่สุดก็กระจ่างแล้วว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะรับตนเป็นศิษย์จริงๆ เขาพยายามอดทนไว้ ทว่าสุดท้ายก็ตามไป เร่งฝีเท้าไล่ตามกู้ซีจิ่วไป ขวางอยู่ด้านหน้าเธอ “เห็นแก่ที่เจ้าเคยช่วยข้าไว้ถึงสองครั้ง ข้าจะบอกนามของข้าให้เจ้ารู้ก็ได้”
“ไม่ต้องแล้ว ผู้ทรงสิทธิ์อย่างข้าไม่สนใจเท่าไหร่”
ดวงหน้าน้อยๆ ของเด็กคนนั้นเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวซีดตัดสลับกันไปมา คงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ถูกผู้อื่นปฏิเสธเช่นนี้ เขาพลันตัดสินใจ ร้องออกไปว่า “ในเมื่อข้าพูดแล้วว่าจะบอกแก่เจ้า ก็ต้องรักษาคำพูด ข้าชื่อเชียนซื่อ!”
“อืม ชื่อนี้ไม่เลวเลย” กู้ซีจิ่วลูบหัวเขาเบาๆ หันหลังเดินจากไปอีกครั้ง
เด็กคนนั้นนิ่งทื่อไปแวบหนึ่ง มองเงาหลังของเธอแล้วกระทืบเท้า “นี่ เสี่ยวเซียน เจ้าเรียกว่าอะไร? วันหน้าถ้าข้าแข็งแกร่งขึ้น รวมหกภพภูมิให้เป็นหนึ่งได้ จะชดใช้บุญคุณในวันนี้ให้ เกื้อหนุนเจ้าสักหน่อย”
วาจาของเด็กคนนี้แฝงคุณธรรมอันสูงส่งเลิศล้ำไว้ ราวกับการได้นั่งอยู่บนจุดสูงสุดนั้นเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว
ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้คงจะถูกคนแย่งชิงตัวเพื่อรับเป็นศิษย์จนเกิดความหลงระเริงแล้ว!
เขาเป็นต้นกล้าที่ดีในการบำเพ็ญยุทธ์จริงๆ เพียงแต่มีนิสัยทะนงในความสามารถของตนยิ่งนัก ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าเมล็ดพันธุ์ที่ดีเช่นนี้จะเติบใหญ่ขึ้นอย่างคดเคี้ยวเสียแล้ว
กู้ซีจิ่วชะงักฝีเท้า เกิดความคิดจะรับศิษย์ขึ้นมาอีกครั้ง รู้สึกว่าตนเป็นเทพผู้สร้างโลก จำเป็นต้องอบรมสั่งสอนเด็กที่มีความเป็นไปได้ว่าจะส่งผลกระทบต่อหกภพภูมิคนนี้ให้เดินไปในเส้นทางที่ถูกต้อง…
เธอค่อยๆ หันกลับไป “เชียนซื่อ ผู้ทรงสิทธิ์อย่างข้าจะถามเจ้าอีกเพียงครั้งเดียว เจ้าอยากกราบผู้ทรงสิทธิ์เช่นข้าเป็นอาจารย์หรือไม่?”
เด็กคนนั้นผยองลำพองขึ้นมาทันที ท่าทางราวกับ ‘ข้ารู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้’ เชิดคางขึ้นสูง “เสี่ยวเซียน ถึงแม้วรยุทธ์ของเจ้าจะสูงส่งนัก แต่ยังไม่เพียงพอจะเป็นอาจารย์ของข้าได้ เว้นแต่วันหน้าเจ้าจะยอมเชื่อฟังคล้อยตามข้า บางทีข้าอาจจะพอพิจารณาดูได้ ต้องรู้ไว้นะว่าการรับข้าคนนี้เป็นศิษย์ จะทำให้ฐานะของเจ้าในภพเซียนพุ่งทะยานขึ้นมากโข จักรพรรดิเซียนก็ยังต้องมองสีหน้าเจ้า…”
วาจานี้ของเขาไม่ได้เอ่ยต่อจนจบ เนื่องจากกู้ซีจิ่วลูบหัวเขาเบาๆ “เชียนซื่อ เจ้าควรกินยาบ้างนะ ข้าผู้ทรงสิทธิ์มอบโอกาสให้เจ้าแล้ว เจ้าไม่เอาก็แล้วไปเถิด”
ไม่สนใจเขาอีก เคลื่อนย้ายจากไปทันที
เด็กคนนั้นนิ่งงัน เขามีความรู้สึกผิดหวังคล้ายจะพลาดโอกาสดีอันใดไปแล้วขึ้นมารางๆ
เขาทนไม่ไหวตะโกนขึ้นมา “เจ้าเป็นใครกันแน่?”
ไม่มีใครตอบเขา
เขากำมือแน่น แววตาวาวโรจน์ เอ่ยกับตัวเอง “ดีมาก ข้าจะไปที่ภพเซียน! กราบเทพเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอาจารย์! เสี่ยวเซียน ข้าจะทำให้เจ้าต้องมาศิโรราบอยู่ที่แทบเท้าข้า…”
….
หกภพภูมิยุ่งเหยิงเกินไป ไอพิฆาตแน่นหนาเหลือเกิน ด้วยความสามารถของกู้ซีจิ่วในตอนนี้ ยังไม่มีพลังพอจะชำระล้างไอพิฆาตทั้งหมด ทำให้โลกนี้กลับมาใสสะอาดเช่นเดิม
ทุกอย่างต้องรอให้พลังยุทธ์ของเธอฟื้นคืนมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงปักหลักในหุบเขาแห่งหนึ่ง เธอจะต้องฝึกฝนบำเพ็ญ ให้วรยุทธ์กลับไปเป็นเหมือนในอดีต
เนื่องจากมีศึกสงครามเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หกภพภูมิเละเทะไปหมด มีซากปรักหักพังอยู่ทั่วทุกแห่งหน ปฐพีเผยให้เห็นหินดินดาน พายุกรรโชกโหมกระหน่ำไปทั่วหกภพภูมิ
หุบเขาแห่งนี้ก็เช่นกัน ป่าไม้ที่เคยเขียวขจีถูกเพลิงสงครามจนวอดวาย บนพื้นดินแม้แต่พุ่มไม้เตี้ยๆ ก็พบเห็นได้น้อยยิ่งนัก ไม้ดอกยิ่งกลายเป็นของหายากไปแล้ว
แต่หลังจากกู้ซีจิ่วมาพำนักอยู่ที่นี่ ราวกับได้นำพาไอแห่งการชำระล้างมาด้วย ไม่น่าเชื่อว่าไอพิฆาตที่อบอวลอยู่ในหุบเขาจะสลายไปแล้ว เผยให้เห็นท้องนภาใสกระจ่าง
ทุกจุดที่เธอย่างกรายผ่าน มีไอน้ำอันชุ่มชื้นปรากฏขึ้นรางๆ หล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง บนหุบเขาที่โล่งเตียนเริ่มมีความเชียวชอุ่มแตกหน่อขึ้นมาแล้วพืชพรรณก็งอกงาม มีแสงรุ้งเลื่อมพรายอันเป็นมงคลเรืองรองออกมาจากหุบเขา…
————————————————————————————-
บทที่ 2776 ผู้สร้างโลก 4
ด้วยเหตุนี้ ความเขียวชอุ่มนั้นจึงเริ่มแพร่ออกไปสู่ภายนอก
ท้ายที่สุด พื้นที่ในรัศมีพันลี้จากแหล่งพำนักของเธอล้วนเริ่มฟื้นคืนสู่ความมีชีวิตชีวาอีกครั้ง…
….
ตี้เฮ่ามองมารดาที่หลับลึกอยู่ นิ้วมือที่มีลำแสงโอบล้อมอยู่สั่นเทาเล็กน้อย ใบหน้าตื่นตะลึง
วิชานี้ของเขาคือวิชาย้อนทวนปางบรรพ์ สามารถย้อนทวนกลับไปยังแหล่งความเป็นไปที่แท้จริงของคนผู้หนึ่งได้ ตอนนี้ในที่สุดเขาก็ได้รู้ประวัติความเป็นมาของมารดาตนแล้ว!
เทพผู้สร้างโลก!
ท่านแม่ของเขาสิถึงจะเป็นเทพผู้สร้างโลก!
ถึงแม้เขาจะได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง ทว่าไม่อาจทราบถึงความคิดจิตใจของตัวละครในนั้นได้ แต่เมื่อได้เห็นไอมงคลสีรุ้งที่หล่อเลี้ยงสรรพสิ่ง ก็ทราบถึงฐานะของนางอย่างแจ่มแจ้งแล้ว
เทพผู้สร้างมีพลังแห่งการสรรสร้างชีวิต ทุกแห่งที่ย่างกรายผ่าน ทุกก้าวมีบุปผาผลิบาน สรรพสิ่งก่อเกิดขึ้นด้วยตัวเอง งอกงามเฟื่องฟู
นี่คือความรู้ที่ตี้เฮ่าได้เรียนรู้มา หลังจากกลายเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์
ตอนนั้นเขายังฉงนอยู่เลย ทำไมคนอย่างฟั่นเชียนซื่อถึงได้เป็นเทพผู้สร้างโลกในตำนานกันล่ะ?
เขาเยื้องย่างไร้บงกชผลิแย้ม เป็นเพราะในตอนท้ายแปรเปลี่ยนเป็นชั่วร้ายหรือ?
ตอนนี้เห็นทีว่าจะเดาผิดหมดเลย!
เป็นเพราะฟั่นเชียนซื่อมิใช่เทพผู้สร้างโลกตัวจริงต่างหาก! อย่างมากเขาก็แค่สมอ้างเท่านั้น หรืออาจเป็นการรับช่วงต่อความสามารถของเทพผู้สร้างโลกมา…
และเหตุผลที่เขาจะได้รับการถ่ายทอดความสามารถของเทพผู้สร้างโลกมาก็มีอยู่ทางเดียวเท่านั้น เทพผู้สร้างโลกดั้งเดิมดับขันธ์!
ตี้เฮ่าสูดหายใจเบาๆ ใคร่ครวญต่อไป เรื่องนี้แม้กระทั่งท่านพ่อที่เป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ก็ยังไม่ทราบเลย เนื่องจากเขานึกว่าฟั่นเชียนซื่อเป็นเทพผู้สร้างโลกมาโดยตลอด แถมยังเดินหมากกับเขาอยู่บ่อยครั้งด้วย…
เช่นนั้นทำไมท่านแม่ของเขาที่เป็นเทพผู้สร้างโลกตัวจริงถึงได้ดับขันธ์ล่ะ?
แล้วทำไมถึงกลายเป็นร่างโคลนนิ่งไปได้?
เด็กชายในความฝันคนนั้นคือฟั่นเชียนซื่อในภายหลังแน่นอน สรุปแล้วตอนนั้นเขาได้กราบเทพผู้สร้างโลกเป็นอาจารย์หรือไม่? แล้วทำไมถึงได้รับสืบทอดความสามารถของเทพผู้สร้างโลก?
คำถามนับไม่ถ้วนวนเวียนวกวนอยู่ในสมองของตี้เฮ่า เขาพลันตัดสินใจ ดำเนินวิชารับชมต่อไป
เขาเห็นกู้ซีจิ่วก่อเขตแดนขึ้นภายในหุบเขาที่ตนพำนัก มานะฝึกฝนอย่างหนัก
คงมีสาเหตุมาจากการที่พลังวิญญาณของเธอสูญหายไปมากนัก มีอยู่ครั้งหนึ่งระหว่างที่เธอฝึกฝนทะลวงขั้น ไม่อาจระงับไอเซียนมิ่งมงคลที่แผ่ออกมาได้ ทำให้ไอมงคลนั้นส่องลอดเขตแดนของเธอออกไป ลอยม้วนขึ้นสู่นภาสูง…
ภพเซียนมีสัมผัสเฉียบไวต่อสิ่งนี้เป็นที่สุด มีคนไปรายงานต่อจักรพรรดิเซียนอย่างรวดเร็ว
ยามนี้จักรพรรดิเซียนกำลังปีติยินดีเนื่องจากเชียนซื่อมาพึ่งใบบุญ จึงจัดงานเลี้ยงขึ้นในภพเซียนเป็นกรณีพิเศษ
คิดจะแสวงหาอาจารย์ดีๆ สักคนให้เชียนซื่อ อบรมสั่งสอนต้นกล้าอันเลิศล้ำที่ยากจะปรากฏในรอบหมื่นปีให้กลายเป็นยอดอัจฉริยะ ภายหน้าอิทธิพลของภพสวรรค์จะได้รุ่งโรจน์เรืองรอง ไม่แน่ว่าอาจทำให้ภพเซียนได้ครองสี่สมุทรแปดดินแดนก็ได้…
แต่ความต้องการของเชียนซื่อสูงอย่างยิ่ง เขาต้องการกราบผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในภพเซียนเป็นอาจารย์ และผู้ที่แข็งแกร่งนี้จะคัดเลือกโดยผ่านการแนะนำของผู้อื่น แต่จะต้องได้มาโดยผ่านการต่อสู้ประลองกันอย่างแท้จริง…
ด้วยเหตุนี้ งานเลี้ยงจึงกลายเป็นงานประลองยุทธ์ ยอดฝีมือในแต่ละแขนงของภพเซียนต่างขึ้นมาแสดงความสามารถของตนบนเวที ขณะที่กำลังเทียบท้าประชันกันอย่างดุเดือดยิ่งนักอยู่ ก็มีสายสืบคนหนึ่งเข้ามารายงานมีไอมงคลนิรันดร์กาลพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา…
เรื่องนี้มิใช่เรื่องเล็กๆ เลย จักรพรรดิเซียนพาคนไปตรวจสอบไอมงคลนั้นทันที หลังจากได้เห็นรูปลักษณ์ของมันชัดๆ แล้ว สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนเล็กน้อย คล้ายว่าไม่อยากจะเชื่อ “เทพผู้สร้างโลก! ท่านเทพผู้สร้างโลกตื่นขึ้นมาแล้วหรือ?!”
เทพเซียนคนอื่นๆ มองหน้ากันเหลอหลา บางคนอดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสงสัยขึ้นว่า “ที่แท้เทพผู้สร้างโลกก็มีตัวตนอยู่จริงๆ สินะ ข้านึกว่าเทพผู้สร้างโลกเป็นเพียงตำนานปรัมปราอย่างหนึ่งมาตลอดเลย”
“ใช่แล้ว ไม่มีใครเคยพบเห็นเขามานับหมื่นปีแล้ว เขาเป็นเทพบรรพกาลกระมัง?”
“ที่แท้เขาก็มิได้ดับขันธ์ไปแล้ว หรือว่าก่อนหน้านี้จะนิทราอยู่?”
เหล่าเซียนพากันคาดเดาไปสารพัด จู่ๆ เชียนซื่อที่เงียบงันมาโดยตลอดก็เอ่ยขึ้นว่า “ข้าต้องการกราบเทพผู้สร้างโลกเป็นอาจารย์! พลันทะยานกาย พุ่งลงไปเลย!”
เหล่าเซียนมองหน้ากันเหลอหลา จักรพรรดิเซียนเอ่ยเสียงขรึม “เทพผู้สร้างโลกตื่นบรรทมแล้ว เป็นวาสนาของหกภพภูมิ! พวกเราก็สมควรต้องไปถวายความเคารพเช่นกัน” พลางนำขบวนเหล่าเซียนลงสู่โลกเบื้องล่างด้วยกัน…
…..
————————————————————————————-