ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2781 กราบอาจารย์ 2 / บทที่ 2782 กราบอาจารย์ 3
บทที่ 2781 กราบอาจารย์ 2
เชียนซื่อมองนางอย่างเยือกเย็นแวบหนึ่ง ทิ้งไว้ให้นางเพียงสองคำ “เจ้าโง่!” แล้วหันหลังจากไปเลย
อูเชียนเหยียนหมดหนทางแล้ว ได้แต่ยุ่งง่วนอยู่คนเดียว
ภายในหุบเขาติดตั้งอาคมไว้ ทำให้ไม่อาจใช้พลังเวทย์ได้ โดยพื้นฐานแล้วจะเพาะปลูกรดน้ำอันใดล้วนต้องอาศัยพละกำลังอย่างแท้จริงเท่านั้น
อูเชียนเหยียนเป็นหนูน้อยตัวจ้อย ถึงแม้พลังวิญญาณจะไม่เลวเลย แต่พละกำลังกลับธรรมดาสามัญ แค่เพาะปลูกก็ค่อนข้างกินแรงแล้ว การหาบน้ำจึงเป็นการทรมานทรกรรมนาง นางเทียวหาบอยู่ทั้งวัน เพิ่งรดได้เพียงสองในสามเท่านั้น บ่านางก็บวมแดงแล้ว ความเจ็บปวดเสียดแทงไปถึงหัวใจ สองขาก็อ่อนล้าจนสั่นพั่บๆ แล้ว และแปลงสมุนไพรของนางก็ยังไม่ได้รับการดูแลเลย…
นางร้องไห้ด้วยความร้อนใจ หาบน้ำไปด้วยเช็ดน้ำตาไปด้วย
เมื่อนางหาบน้ำเข้าไปในแปลงสมุนไพรอีกครั้ง จู่ๆ ก็ตะลึงงันไปเลย
ภายในแปลงสมุนไพรของนาง เชียนซื่อกำลังนั่งย่อกายจัดการสมุนไพรเหล่านั้นอยู่…
เขายอมช่วยนางแล้ว!
ดวงตาอูเชียนเหยียนทอประกาย นางเหม่อลอยไปเล็กน้อย แทบจะสะดุดล้มลงไปในแปลงสมุนไพรแล้ว
เชียนซื่อตอบสนองว่องไว ลุกขึ้นมาดุจกระแสไฟฟ้า ดึงแขนนางไว้ทันที หลีกเลี่ยงไม่ให้สมุนไพรในแปลงใหญ่ต้องประสบชะตากรรมถูกนางล้มทับจนตาย
“ขอบใจ ขอบใจนะ…”
“โง่ที่สุด!” เชียนซื่อปล่อยมือ ซ้ำยังเช็ดมือน้อยๆ ด้วยความขยะแขยงด้วย ราวกับรังเกียจว่าอูเชียนเหยียนสกปรก แต่ยังคงช่วยนางหาบน้ำสองถังนั้นขึ้นมา รดไปยังตำแหน่งที่ควรรด
อูเชียนเหยียนตามหลังเขาไปด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ยังมีอีกเท่าไหร่ที่ยังไม่ได้รด?”
“ยังมีอีกสิบมู่…[1]”
“ช้าขนาดนี้เชียว เช่นนั้นมิใช่ต้องทำไปจนถึงรุ่งสางวันพรุ่งหรอกรึ?”
เชียนเหยียนเอ่ยอย่างหม่นหมอง “ข้า…ข้าทุ่มแรงทั้งหมดแล้วนะ…”
เชียนซื่อไม่เอ่ยวาจาอีก เอาถังอีกสองใบของตนออกมาแล้วไปหาบน้ำเลย
ถึงแม้อูเชียนเหยียนจะถูกเขาดุด่าไปยกหนึ่ง แต่จิตใจกลับแช่มชื่นขึ้นมา รีบตามไปหาบน้ำด้วยเช่นกัน
ภายในแปลงสมุนไพรผืนนั้น กู้ซีจิ่วปรากฎกายออกมา สายตาร่อนลงบนแผ่นหลังของเชียนซื่อ แววตาวูบไหวเล็กน้อย ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เด็กคนนี้ดูแล้วก็ไม่ได้เลวร้ายจนเกินเยียวยานี่ ยังมีด้านที่ใจดีมีเมตตาอยู่ หากว่าอบรมสั่งสอนดีๆ น่าจะเติบใหญ่เป็นเสาหลักที่เปี่ยมความสามารถได้ ไม่แน่ว่าอาจสืบทอดตำแหน่งของข้าได้ด้วย”
ดวงจันทร์บนนภาส่องสกาว เด็กน้อยสองคนนั้นหาบน้ำกลับมาแล้ว
เห็นได้ชัดว่ากู้ซีจิ่วเร้นกายแล้ว เด็กทั้งสองจึงมองไม่เห็นเธอ
กู้ซีจิ่วมองเด็กน้อยสองคนที่หนึ่งนำหนึ่งตาม ยุ่งง่วนกันอยู่เกือบสองชั่วยาม ถึงได้รดน้ำแปลงสมุนไพรทั้งหมดจนเสร็จสิ้น
อูเชียนเหยียนเอ่ยขอบคุณเชียนซื่อ เชียนซื่อร้องเฮอะคราหนึ่ง “ข้าไม่ได้ช่วยเจ้าสักหน่อย แค่ไม่อยากให้แปลงสมุนไพรของพระองค์เจ้าต้องแห้งเฉาเท่านั้น”
ก่อนจะไป ได้โยนยาทาตลับหนึ่งให้อูเชียนเหยียนด้วย “ใช้มันทาไหล่ของเจ้าเสียเถิด เลี่ยงไม่ให้พรุ่งนี้ปวดจนหาบน้ำไม่ไหว ภารกิจของเจ้าคงไม่สำเร็จเสียแล้ว”
เด็กน้อยทั้งสองไปพักผ่อนแล้ว
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่บนคันแปลงเสียเลย เงยหน้ามองท้องฟ้า จากนั้นก็มองดูมือตน
มือของนางเรียวเสลายิ่ง บอบบางนัก ขาวซีดจนแทบจะโปร่งแสงแล้ว
นางถอนหายใจเบาๆ “พลังยุทธ์ของข้าถดถอยลงเรื่อยๆ แล้ว…ไม่รู้ว่าก่อนข้าดับขันธ์ไป จะสามารถตามหาผู้สืบทอดที่มาปกป้องปวงประชาราษฎร์พบหรือไม่? หรือจะเป็นเชียนซื่อ?”
หลายวันมานี้ถึงแม้เธอจะไม่ค่อยพูดคุยกับเด็กคนนี้เท่าไหร่ แต่ก็ลอบสังเกตการณ์เขาอยู่ตลอด
ผลของการสังเกตการณ์ก็นับว่าน่าพอใจ
หลายวันมานี้ถึงแม้เธอจะไม่ได้ปริปากเอ่ยว่าจะรับเขาเป็นศิษย์ แต่ก็โยนตำราบางอย่างให้เขา มีทั้งเคล็ดบำเพ็ญจิต และมีทั้งตำราที่สอนแนวทางการประพฤติตัวให้เขา
หนึ่งเดือนมานี้เชียนซื่อและอูเชียนเหยียนมีฐานะเป็นเด็กรับใช้เหมือนกัน กู้ซีจิ่วจงใจมอบหมายภารกิจที่ซับซ้อนให้พวกเขาอยู่บ่อยครั้ง เชียนซื่อทำสำเร็จเป็นปกติ แต่อูเชียนเหยียนกลับทำไม่สำเร็จอยู่บ่อยๆ พอนางถูกลงโทษ แม้ปากของเชียนซื่อจะบอกว่ารังเกียจเดียดฉันท์ แต่ยังคงช่วยเหลือนางอยู่เสมอ
————————————————————————————-
บทที่ 2782 กราบอาจารย์ 3
กู้ซีจิ่วได้ตรวจสอบประวัติความเป็นมาของเชียนซื่ออย่างชัดเจนแล้ว ถือกำเนิดจากฟ้าดินจริงๆ
ได้ยินว่าหลังจากอัสนีผ่าเข้าใส่ ก็มีคนพบเขาอยู่ในแดนรกร้างแห่งหนึ่ง จากนั้นก็พบว่าเขามีรากฐานที่น่าอัศจรรย์ ถึงได้ดึงดูดให้แต่ละภพก่อศึกแย่งชิง
คู่สามีภรรยาที่ปกป้องเขาที่เธอได้พบในวันนั้นก็คือคนของภพเซียน ได้รับคำสั่งให้มาชิงตัวเด็กชายคนนี้ไป
ทันทีที่เด็กคนนี้ถือกำเนิดก็ถูกคนชิงไปชิงมา และไม่มีใครสั่งสอนอบรบหลักการประพฤติตนให้เขาอย่างจริงจัง ไม่แปลกเลยที่นิสัยจะเย่อหยิ่งจองหองจนน่าประหลาดเช่นนี้…
กู้ซีจิ่วนั่งกอดเข่าอยู่ตรงนั้น เงยหน้ามองนภา หัวเราะเบาๆ คราหนึ่ง รอยยิ้มสงบผ่อนคลาย ท่าทางไม่เหมือนคนที่คำนวณชะตาพบว่าตนเองกำลังจะดับขันธ์แล้วเลย
….
ตี้เฮ่าที่อยู่นอกห้วงฝันได้ยินวาจาที่เทพผู้สร้างโลกเอ่ยกับตัวเองก็ชะงักไป
เขารู้ว่าเทพผู้สร้างโลกองค์ก่อนดับขันธ์ไปแล้วจริงๆ มิเช่นนั้นฟั่นเชียนซื่อคงไม่มีทางได้เป็นเทพผู้สร้างองค์ใหม่
สิ่งที่ตี้เฮ่าคิดไม่ถึงก็คือ กู้ซีจิ่วในชาติก่อนเมื่อช่วงเวลาสิ้นสุดอายุขัยมาถึง ตัวนางเองก็จะสามารถทำนายออกมาได้เช่นกัน
เห็นทีว่าการดับขันธ์ในชาติก่อนของนางอาจไม่ได้ถูกผู้อื่นสังหารก็เป็นได้…
ได้ยินนางเอ่ยว่าต้องการหาผู้สืบทอด หรือว่าคนที่นางหมายตาไว้ในตอนแรกก็คือฟั่นเชียนซื่อ?
เช่นนั้นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ตี้ฝูอีผู้เป็นบิดาตนมาได้ยังไงกัน?
หัวใจของตี้เฮ่าเปี่ยมไปด้วยความอยากรู้ จึงร่ายวิชาต่อไป
….
เขาเห็นกู้ซีจิ่วสังเกตการณ์ฟั่นเชียนซื่ออยู่ถึงสองปีเต็ม ในสองปีมานี้ได้สร้างความลำบากสารพัดให้เขาทั้งในทางลับทางแจ้ง วิธีสร้างความลำบากทั้งหมดทำให้ตี้เฮ่าที่คอยชมอยู่ทางด้านนี้รู้สึกว่าโหดเหี้ยมเย็นชาอยู่บ้าง…
เสี่ยวเชียนซื่อได้รับความลำบากจนแอบไปร้องไห้อยู่หลายครั้ง แต่หลังจากร้องไห้แล้ว ก็ยังคงกัดฟันปฏิบัติภารกิจต่างๆ ที่กู้ซีจิ่วมอบหมายให้เขาจนสำเร็จลุล่วงเหมือนคนไม่เป็นไรเลย
เสร็จสมบูรณ์อย่างทั้งเร็วทั้งดี!
ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะไม่ได้ยอมรับเขาอย่างเป็นทางการ ก็ยังคงถ่ายทอดศาสตร์วิชาบางอย่างให้เขา
ยกตัวอย่างเช่นวิชาหลอมโอสถ วิชาเพาะสมุนไพร วิชาแพทย์…
ต้องกล่าวเลยว่าเสี่ยวเชียนซื่อเป็นอัจฉริยะ ไม่ว่าร่ำเรียนสิ่งใดล้วนเรียนครู่เดียวก็เป็นแล้ว ชำนิชำนาญอย่างรวดเร็วยิ่ง โดยเฉพาะด้านวิชาแพทย์ นั่นยิ่งเป็นเลิศ เขาหลงใหลในวิชาแพทย์โดยกำเนิด โอสถที่หลอมกลั่นออกมาผลลัพธ์น่าตื่นตะลึง เก่งกาจยิ่งกว่าหมอหลวงของภพเซียนเสียอีก
หลังจากโอสถที่เขาหลอมออกมาถูกแจกจ่ายออกไป ผู้คนของแต่ละภพภูมิก็เดินทางมาขอยาที่หุบเขาอย่างไม่ขาดสาย
อาจเป็นเพราะอิทธิพลจากเทพผู้สร้างโลก นิสัยของเชียนซื่อจึงเปลี่ยนแปลงไปมากนัก ไม่เย่อหยิ่งทะนงตนถึงเพียงนั้นอีกแล้ว ประพฤติตนกระทำการนอบน้อมถ่อมตนขึ้นมาก เมื่อพูดคุยกับอูเชียนเหยียนก็ไม่กระโชกโฮกฮากขนาดนั้นแล้ว
กู้ซีจิ่วก็พาเขาออกเดินทางไปยังภายนอกด้วยอยู่สามสี่ครั้ง เมื่อพบพานเรื่องอยุติธรรม เขาก็ลงมือจัดการไปตามความเคยชิน
สรุปคือ เชียนซื่อมีคุณธรรมจรรยามากขึ้นเรื่อยๆ เป็นคนละคนกับเด็กน้อยที่ผยองตนราวกับเม่นในอดีตคนนั้น
สิ่งที่ทำให้กู้ซีจิ่วเกิดความคิดจะรับเป็นศิษย์อย่างจริงจังขึ้นมาคือในปีที่สาม ตอนที่เธอกับเชียนซื่อเดินทางอยู่ด้านนอก ได้ถูกโจมตีโดยยอดฝีมือที่ไม่รู้จักแน่ชัด!
ยามนั้นมีผู้โจมตีถึงร้อยสิบคนเต็มๆ แต่ละคนเป็นยอดฝีมือที่เลิศล้ำ คนเหล่านี้ได้ใช้อาคมอำพรางโฉมหน้าที่แท้จริงไว้ เข้าโจมตีพวกกู้ซีจิ่วทั้งสองอย่างบ้าคลั่งในแดนรกร้างกันดารแห่งหนึ่ง
เนื่องจากพลังยุทธ์ของกู้ซีจิ่วเหลืออยู่ไม่ถึงสองส่วนแล้ว การรับมือจึงกินแรงอย่างยิ่ง ถึงแม้จะสังหารคนเหล่านั้นไปได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว แต่ระหว่างที่ต่อสู้อยู่ ยังคงไม่ทันระวังจนบาดเจ็บสาหัสเข้า
เป็นเชียนซื่อที่เสี่ยงตายพุ่งออกมา ป้องร่างเธอไว้ ไม่สนใจคมกระบี่ที่แทงเข้ามาเหล่านั้น ฝืนใช้วิชาดำดิน ถึงนับว่าช่วยเธอออกมาได้
ทั้งสองคนเข้าไปในภูเขาลึกลูกหนึ่ง เขาไปซ่อนในถ้ำแห่งหนึ่ง
ไม่นานกู้ซีจิ่วก็ฟื้นขึ้นมา เมื่อเห็นใบหน้าของเชียนซื่อที่มอมแมมเลอะเทอะทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดและโคลน ทว่าฝืนเฝ้าอยู่ข้างกายเธอ ยามนั้นเธอไม่พูดอะไรเลย เพียงดึงเขาเข้ามารักษาบาดแผลให้เขา
หลังจากเธอหายดีกลับไปพักฟื้นที่หุบเขาแล้ว เธอได้เอ่ยถามเชียนซื่อว่า “อยากกราบอาจารย์หรือไม่?”
เชียนซื่อตัวแข็งทื่อไปทันที ดวงตาส่องประกายขึ้นมา คุกเข่าลงเบื้องหน้าเธอทันใด ในที่สุดก็ได้เปล่งคำเรียกขานที่ร้องเรียกอยู่ในใจมานับร้อยนับพันครั้งแล้ว “อาจารย์!”
————————————————————————————-
[1] 1มู่ = 666.67 ตรม.