ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2785 พบพาน 3 / บทที่ 2786 พบพาน 4
บทที่ 2785 พบพาน 3
วาจาท่อนหลังของเขาไม่ได้เอ่ยออกมาอีก เนื่องจากกู้ซีจิ่วโยนโจ๊กชามนั้นลงบนพื้นทันที โจ๊กหกไปทั่ว
พร้อมกับที่โจ๊กชามนั้นหล่นลงบนพื้น เธอก็เอ่ยออกมาคำหนึ่ง “ไสหัวไป!”
ฟั่นเชียนซื่อหน้าซีดแล้ว มือที่อยู่ในแขนเสื้อของเขาสั่นเทา ช้อนตาขึ้นหมายจะเอ่ยอันใด กู้ซีจิ่วเปิดปากพูดอีกครั้ง “สุขภาพของตัวอาจารย์เองอาจารย์แจ้งแก่ใจดี ไม่ต้องรบกวนให้เจ้ามาเป็นกังวล ไสหัวออกไปปลีกวิเวกบำเพ็ญหนึ่งเดือน อย่าโผล่หน้ามาให้ผู้ทรงสิทธิ์อย่างข้าเห็นอีก!”
ฟั่นเชียนซื่อกำมือทันที เงียบไปครู่หนึ่ง “ขอรับ!” ในที่สุดก็ค่อยๆ ถอยออกไปแล้ว
ภายในห้องหนังสือตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงโจ๊กชามนั้นที่ยังหกอยู่บนพื้น กลิ่นหอมของโจ๊กอบอวลไปทั่วห้อง
กู้ซีจิ่วมองโจ๊กชามนั้น ถอนหายใจ นวดคลึงหว่างคิ้ว เธอดมกลิ่นหอมของโจ๊กชามนั้น จากนั้นก็ถอนหายใจอีกครา
อันที่จริงเธอชอบโจ๊กชามนี้มาก เดิมทีเธอไม่มีความโหยหิวอยากอาหาร แต่เธอชมชอบอาหารเลิศรสในแดนมนุษย์เสมอมา มักจะเร้นกายออกไป ไปตามภัตตาคารเหมือนมนุษย์ทั่วไป เพื่อคลายความอยากอาหาร
ตี้เฮ่าเห็นนางเดินวนรอบโจ๊กที่หกกระจายชามนั้นถึงสามรอบเต็ม ถึงได้โบกแขนเสื้อเก็บกวาดโจ๊กชามนั้นอย่างหักใจไม่ลงอยู่บ้าง
ตี้เฮ่าอดส่ายหัวไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าฟั่นเชียนซื่อเกิดความคิดเป็นอื่นขึ้นมาแล้ว แต่กู้ซีจิ่วผู้เป็นอาจารย์ มีเพียงไมตรีจิตระหว่างศิษย์อาจารย์แก่ฟั่นเชียนซื่อ ไม่มีความรู้สึกฉันท์ชายหญิง
หรือว่าที่ต่อมาฟั่นเชียนซื่อเปลี่ยนเป็นชั่วร้ายก็เพราะไม่ได้รับรักตอบจึงก่อเกิดเป็นความเกลียดชัง?
ตี้เฮ่ารับชมต่อไป
เทพผู้สร้างโลกอย่างกู้ซีจิ่วถูกโจ๊กชามนี้กระตุ้นความอยากอาหารขึ้นมาแล้ว จึงออกไปข้างนอกเสียเลย ไปเสาะหาภัตตาคารที่ดีที่สุดในแดนปีศาจ สั่งว่าต้องการดื่มโจ๊กข้าวก่ำชามหนึ่ง
ผู้คนในภัตตาคารยังคงมีอยู่มากมาย โหวกเหวกจอแจอยู่บ้าง
กู้ซีจิ่วก็ไม่ต้องการห้องรับรองส่วนตัว เธอชอบบรรยากาศคึกคักแบบนี้ บรรยากาศแบบนี้ทำให้เธอแช่มชื่นเบิกบาน
กลิ่นของโจ๊กข้าวก่ำที่ภัตตาคารแห่งนี้ปรุงก็ยอดเยี่ยมนัก เพียงแต่แพงไปหน่อย โจ๊กหนึ่งชามต้องจ่ายด้วยหินวิญญาณพันก้อน
โชคดีที่กู้ซีจิ่วพกหินวิญญาณติดตัวมาไม่น้อย ต่อให้แพงกว่านี้เธอก็กินไหว
เธอจึงสั่งอาหารเลิศรสลือชาอีกเจ็ดแปดอย่างมาด้วยเสียเลย กินดื่มเปรมปรีดิ์อยู่ตรงนั้น ขณะที่กำลังกินอย่างเจริญอาหาร จู่ๆ ก็รู้สึกว่ารอบข้างพลันเงียบลง มีเสียงสูดหายใจแผ่วหวิวดังขึ้นมาเป็นระลอก
“สวรรค์ หล่อเหลือเกิน!”
“หล่อเหลาเกินไปแล้ว!”
“ไม่ คำว่าหล่อไม่อาจบรรยายถึงเขาได้ อย่างเขาคือหล่อเหลารูปงาม!”
ผู้คนรอบข้างพากันวิพากษ์วิจารณ์
กู้ซีจิ่วสนใจใคร่รู้อยู่บ้าง เงยหน้าขึ้นอย่างเอื่อยเฉื่อย มองเห็นว่าภายในห้องโถงมีชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเข้ามา
เรือนกายสูงโปร่ง เกศาดำดุจย้อมหมึก ขนงเนตรดุจวาดแต้ม จี้หยกสีโลหิตชิ้นหนึ่งห้อยอยู่กลางหน้าผาก ส่องประกายแวววาว ริมฝีปากบางหยักขึ้นเล็กน้อยเป็นองศาที่จะอบอุ่นก็มิใช่จะเย็นชาก็มิเชิง สองเนตรกระจ่างดุจนภาดาษดารา ดูใสพิสุทธิ์ทว่าลุ่มลึก
สายตาเขาดั่งวารี กวาดผ่านภายในห้องโถงแวบหนึ่ง
ทุกคนล้วนรู้สึกว่าเขากำลังมองตนอยู่ หัวใจแต่ละคนพลันเต้นตึกตักขึ้นมา เหล่าบุรุษยืดอกเหยียดเอว เหล่าสตรีง่วนอยู่กับการประทินโฉมตน ด้วยอยากแสดงด้านที่งดงามสมบูรณ์ที่สุด
ตี้เฮ่าที่อยู่นอกห้วงฝันมือสั่นไปแวบหนึ่ง แทบจะหยุดร่ายวิชาแล้ว!
ชายคนนี้เป็นใครกัน?!
ทำไมบุคลิกกลิ่นอายถึงได้ดูคุ้นตาขนาดนี้! ค่อนข้างเหมือน…ค่อนข้างเหมือนกับท่านพ่อของเขาตี้ฝูอี!
เพียงแต่รูปโฉมไม่เหมือนกัน รูปโฉมของคุณชายท่านนี้ด้อยกว่ารูปโฉมที่แท้จริงของตี้ฝูอีอยู่บ้าง
นึกไม่ถึงเลยว่าในยุคสมัยนั้น จะมีคนผู้หนึ่งที่บุคลิกกลิ่นอายคล้ายคลึงกับบิดาของตนยิ่งนักอยู่ด้วย…
ตี้เฮ่าตื่นเต้นสนอกสนใจขึ้นมา รับชมละครต่อไป
ทุกโต๊ะภายในภัตตาคารล้วนมีคนอยู่ เพียงแต่บางโต๊ะก็มาก บางโต๊ะก็น้อย และมีที่มาเพียงลำพังเหมือนกู้ซีจิ่ว อยู่ด้วย
“เถ้าแก่ ยังมีห้องส่วนตัวอยู่หรือไม่?” ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยถาม น้ำเสียงดั่งธาราไหลกระทบหยก เสนาะหูอย่างยิ่ง
พนักงานและเถ้าแก่ร้านส่ายหน้าพร้อมกัน เวลานี้ห้องส่วนตัวก็เต็มแล้วเช่นกัน
————————————————————————————-
บทที่ 2786 พบพาน 4
เพียงแต่ พวกเขาหวังให้คุณชายท่านนี้สามารถรั้งอยู่ได้ยิ่งนัก ดังนั้นเถ้าแก่ร้านจึงเสนอแนะอย่างกระตือรือร้น “คุณชายมิสู้ขอแบ่งโต๊ะกับผู้อื่นดูเล่า?”
จากนั้นก็กวาดตามองแขกท่านอื่นภายในห้องโถง “มีท่านใดสามารถแบ่งโต๊ะให้คุณชายท่านนี้สักหน่อยได้หรือไม่? ผู้น้อยสามารถงดเว้นหรือลดราคาอาหารบางส่วนได้…”
“ข้า!”
“ข้าเอง!”
“มาทางข้านี่ ทางข้าสามารถแบ่งโต๊ะให้ได้…”
ทันใดนั้น มีแขกในโต๊ะลุกขึ้นมาถึงเจ็ดแปดโต๊ะ มีทั้งหญิงทั้งชาย แน่ล่ะจริงใจอย่างยิ่ง
ชัดเจนยิ่งนัก รูปโฉมอันหล่อเหลางดงามของคุณชายท่านนี้สามารถสยบทุกคนได้ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง…
กู้ซีจิ่วยกกาสุราขึ้นรินให้ตนเองจอกหนึ่ง เธอย่อมมองเห็นฉากนี้ด้วยเช่นกัน อดยิ้มแวบหนึ่งไม่ได้
ทุกคนล้วนหมกมุ่นอยู่ในถุงหนังอันเน่าเหม็น ล้วนถูกรูปลักษณ์ดึงดูดได้ง่ายๆ เธอมองชายหนุ่มคนนั้นอย่างสนอกสนใจอย่างยิ่ง อยากเห็นว่าเขาจะเลือกโต๊ะไหน
ในบรรดาคนที่ลุกขึ้นมาเชื้อเชิญ ก็มีโต๊ะที่อยู่ใกล้กับกู้ซีจิ่วอยู่ด้วย เป็นสตรีที่งามยวนตาอย่างยิ่งนางหนึ่ง ที่ประเหมาะบังเอิญก็คือ สตรีนางนี้ก็สวมอาภรณ์สีแดงเช่นกัน เข้าคู่กับคุณชายท่านนี้
สตรีนางนี้ก็เหมือนกับกู้ซีจิ่ว ครองโต๊ะเพียงลำพัง
เดิมทีก่อนหน้านี้มีชายหนุ่มหลายคนที่เข้ามาเกี้ยวพาชวนคุยหมายจะขอแบ่งโต๊ะกับนาง ล้วนถูกนางใช้สายตาพิฆาตแช่แข็งกลับไป
ตอนนี้นางกลับลุกขึ้นมาเชื้อเชิญด้วยตัวเองอย่างที่พบเห็นได้ยากนัก
ชายหนุ่มคนนั้นก้าวมาทางนี้จริงๆ ดวงตาของสตรีนางนั้นส่องประกายเล็กน้อย รอยยิ้มตรงมุมปากเด่นชัดขึ้น “คุณชาย เชิญ…”
วาจาท่อนหลังคำนั้นของนางไม่ได้เอ่ยออกมา เนื่องจากชายหนุ่มผู้นี้เดินผ่านข้างตัวนางไป เดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะของกู้ซีจิ่ว “แม่นางท่านนี้ ขอแบ่งโต๊ะได้หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน
เธอออกมาโดยที่ใช้เวทย์วิชาอำพรางรูปโฉมดั้งเดิมของตนแล้ว ตอนนี้แปลงเป็นสาวน้อยที่มีรูปโฉมธรรมดาสามัญเท่านั้น ไม่ถึงขั้นอัปลักษณ์ก็กล่าวไม่ได้ว่างดงาม ธรรมดาและปะปนไปกับฝูงชนยิ่งนัก ประเภทที่พอโยนเข้าไปในกลุ่มคนก็จะหาไม่เจอเลย
กู้ซีจิ่วมั่นใจมากว่ารูปโฉมเช่นนี้จะปลอดภัยแน่นอน กลับคาดไม่ถึงเลยว่าคุณชายตรงหน้าที่รูปโฉมหล่อเหลางดงามถึงเพียงนี้จะมาขอแบ่งโต๊ะกับเธอ…
เธอลูบหน้าดูอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ยืนยันให้มั่นใจว่ายังเป็นใบหน้าสามัญนั้นอยู่ ไม่ได้กลับสู่รูปโฉมเดิม แล้วถึงได้มองคุณชายคนนั้นแวบหนึ่ง
คุณชายคนนั้นยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเอื่อยเฉื่อย มองเธออย่างยิ้มมิเชิงยิ้ม ดวงตาคู่นั้นคล้ายจะทั้งจดจ่อและคล้ายไร้อารมณ์
ท่าทางนี้ดึงดูดผู้อื่นมากจริงๆ กล่าวกันตามจริงแล้ว บุรุษที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ไม่ว่าจะมีท่าทีอย่างไรก็ดึงดูดผู้คนได้อย่างยิ่ง ทำให้คนใจเต้นได้
แต่กู้ซีจิ่วไม่ได้ใจเต้น เธอคิดว่าสายตาของคุณชายท่านนี้มีปัญหาอยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้เธอจึงเอ่ยเตือนเขา “ข้าไม่ได้เชิญเจ้า…เจ้ามองดูเถิดผู้คนรอบข้างที่เชื้อเชิญท่านมีมากมายถึงเพียงนี้…”
คุณชายคนนั้นหยักยิ้มแวบหนึ่ง “แล้วทำไมเจ้าถึงไม่เชิญข้าล่ะ?”
กู้ซีจิ่วนิ่งไป
คุณชายผู้นั้นถามต่อ “เจ้าได้ถูกรูปโฉมของข้าผู้เป็นคุณชายดึงดูดหรือไม่?”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้าตอบอย่างจริงใจ “ไม่เลย”
ชั่วชีวิตนี้หนุ่มรูปงามที่เธอเคยเห็นมาทั้งหมดสามารถเอาจำนวนพะเรอเกวียนมาบรรยายถึงได้เลย อีกทั้งนางเป็นเทพผู้สร้างโลกที่ไร้ใจไร้ปรารถนา ต่อให้เป็นหนุ่มหล่อที่เย้ายวนตาสักเท่าใดเธอก็ไม่รู้สึกรู้สา
ไม่รู้ว่าคุณชายผู้นั้นเรียกพัดเล่มหนึ่งออกมาจากไหน เคาะลงบนฝ่ามือ “นั่นก็เพียงพอแล้ว ถ้าคุณชายอย่างข้าตกอยู่ในสายตาที่คลั่งใคล้หลงใหลจะดื่มสุราไม่รู้รส ย่อมไม่อยากไปร่วมโต๊ะกับพวกเขา ถึงแม้สายตาของเจ้าจะไม่ค่อยได้เรื่อง แต่ก็เป็นเพื่อนร่วมโต๊ะแบบที่คุณชายอย่างข้าต้องการพอดี คุณชายอย่างข้าจะนั่งตรงนี้แหละ!”
พลันโบกแขนเสื้อใส่ม้านั่งทีหนึ่ง สะบัดฝุ่นผงที่ไม่ได้มีอยู่บนม้านั่งเลย แล้วนั่งลงอย่างผ่าเผยวางอำนาจ
กู้ซีจิ่วจึงหุบปากเสีย แค่แบ่งโต๊ะเท่านั้น เธอไม่เก็บมาใส่ใจหรอก
คุณชายคนนั้นเอ่ยสั่งอาหารสามสี่อย่างเลย พนักงานจดรายการอาหารอย่างว่องไวยิ่ง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ก็ยกมาขึ้นโต๊ะ จัดวางไว้ทางฝั่งของคุณชายคนนั้น
คุณชายคนนั้นกวาดตามองจานชามที่อยู่ตรงหน้าแวบหนึ่ง โบกแขนเสื้อเล็กน้อย จานชามที่เดิมทีตั้งสะเปะสะปะอยู่บ้างกลายเป็นเรียงกันสองแถวดุจทหาร