ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2795 วางใจเถอะ ไม่ขายเจ้าหรอก / บทที่ 2796 ทำไมไม่เชื่อฟัง
บทที่ 2795 วางใจเถอะ ไม่ขายเจ้าหรอก
เธอเฉลียวฉลาดยิ่ง เมื่อนำเหตุผลก่อนหลังของเรื่องราวมาเชื่อมโยงเข้าด้วยกันแล้ว ก็คาดเดาได้พอประมาณแล้ว
เห็นทีว่าคนผู้นี้จะนึกสงสัยแต่แรกแล้วว่าองค์หญิงผู้นี้คือตัวการที่อยู่เบื้องหลัง แถมยังชมชอบบุรุษรูปงาม และเกิดความหึงหวงอันมีเหตุมาจากบุรุษรูปงามได้ง่ายๆ เลยจงใจกระทำเรื่องราวสุดโต่งเช่นนี้ขึ้น
ดังนั้นเขาจึงจงใจปฏิบัติต่อเธอที่เป็นหญิงสาวอัปลักษณ์อย่างเป็นพิเศษ ทำให้องค์หญิงผู้นั้นหึงหวงอย่างรุนแรง ล่อให้องค์หญิงผู้นั้นไล่ตามสังหารเธออย่างบ้าคลั่ง…
และเฟิงเจี่ยอีผู้นี้ก็ได้คาดคะเนถึงสถานการณ์นี้ไว้ล่วงหน้าแล้ว ดังนั้นเขาจึงไปแจ้งให้เจ้าทุกข์เหล่านั้น และแจ้งราชันปีศาจให้ทราบก่อน…
ทำให้องค์หญิงถูกเปิดโปงต่อหน้าประชาชนมากมายขนาดนี้ ได้รับโทษทัณฑ์ตามที่สมควรได้
กู้ซีจิ่วพินิจดูเฟิงเจี่ยอีเล็กน้อย เห็นเขาหนุ่มแน่นอายุน้อย ไม่น่าเชื่อว่าจะวางแผนได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้…
“ขออภัย” เฟิงเจี่ยอีเอ่ยขออภัย
กู้ซีจิ่วกระแอมเบาๆ ในเมื่ออีกฝ่ายขออภัยอย่างจริงใจแล้ว เธอก็จะใจกว้างไม่สืบสาวเอาความอีก ถึงอย่างไรองค์หญิงผู้นั้นก็สมควรตายแล้ว…
“เปิ่นจุน…” เธอกำลังจะเอ่ยอะไรสักสองสามประโยค จู่ๆ ก็ถูกอีกฝ่ายคว้าข้อมือไว้!
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว เธออยู่มาจนแก่ถึงขนาดนี้แล้วยังไม่เคยมีใครกล้าเหิมเกริมขนาดนี้เลย!
เธอคิดจะสะบัดมือออกตามสัญชาตญาณ แต่อีกฝ่ายกลับฉวยโอกาสดึงเธอ “ที่นี่ไม่เหมาะจะพูดคุย ตามข้ามา”
วาจาเพิ่งจะเปล่งออกมา เบื้องหน้ากู้ซีจิ่วพลันมืดมัว เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งตัวคนก็มุดอยู่ใต้ดินแล้ว…
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วขึ้นสูง “นี่เจ้า?”
“วางใจเถอะ ไม่ขายเจ้าหรอก” เฟิงเจี่ยอีไม่มองเธอสักแวบเลย กลับเพิ่มความเร็วขึ้นอีก
กู้ซีจิ่วเม้มปากนิดๆ เมื่อพิจารณาดูแล้วด้วยความสามารถของเขาไม่มีทางทำอะไรเธอได้ และเธอก็สนใจใคร่รู้อยู่บ้าง จึงปล่อยให้เขาลากเธอเดินไปเสียเลย
หลังจากเดินทางกันอยู่พักหนึ่ง กู้ซีจิ่วก็สังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว
โดยทั่วไปแล้ววิชาดำดินจะเดินทางได้ไม่กี่สิบลี้ มากสุดก็ร้อยกว่าลี้เท่านั้น
ในสถานการณ์ปกติ ดำดินครึ่งชั่วยามก็ต้องขึ้นไปพักหายใจบนพื้นดินสักหน่อยแล้ว มิเช่นนั้นพลังจะไม่เพียงพอ ต่อให้เป็นซ่างเซียนก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกัน
ตอนนี้เฟิงเจี่ยอีลากคนผู้หนึ่งอยู่ ไม่น่าเชื่อว่าจะดำดินได้รวดเดียวสามสี่ชั่วโมง แถมระดับความเร็วนี้ของเขาก็น่าตะลึงยิ่ง กู้ซีจิ่วคาดว่าดำดินมาเป็นระยะทางหกเจ็ดร้อยลี้แล้ว!
เธอเป็นเทพผู้สร้างโลก และเป็นเทพแห่งผืนธรณีด้วย ต่อให้พลังยุทธ์ลดทอนลงไปมาก ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการดำดินแต่อย่างไร ด้วยความสามารถของเธอ ต่อให้ดำดินทั้งวันก็ไม่รู้สึกว่าเป็นอย่างไร
แต่พลังยุทธ์ของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่นับว่าเลิศล้ำเป็นพิเศษ แล้วเขาทำได้อย่างไร?
….
ยอดเขาหิมะตระหง่านเรียงราย ละอองหิมะปกคลุมนภาดั่งผืนเสื่อ
ใต้ฝ่าเท้าคือธารน้ำแข็งหมื่นปี เมื่อเงยหน้ามอง จะเห็นเทือกเขาหิมะลูกหนึ่งตั้งตระหง่านเสียดเมฆา ดั้นเข้าสู่หมู่เมฆ มองไม่เห็นปลายยอด
กู้ซีจิ่วคาดไม่ถึงเลยว่าเมื่อขึ้นสู่พื้นสิ่งที่ได้เห็นจะเป็นทิวทัศน์เช่นนี้
สายลมหนาวกวาดม้วนละอองหิมะโชยผ่าน เธอพลันหนาวสะท้านไปถึงวิญญาณ! เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าเสื้อผ้าบนร่างค่อนข้างบางไปหน่อย
เธอเหลือบตามองเฟิงเจี่ยอีที่ยืนอยู่ข้างกาย ชุดที่เขาสวมก็บางเช่นกัน แต่เห็นได้ชัดว่าไม่กลัวหนาวเลย ยืนอยู่ตรงนั้นราวกับต้นอวี้สูงระหง ยอดเขาและละอองหิมะล้วนกลายเป็นฉากประกอบที่ขับเน้นให้เขาไปแล้ว
เขากางร่มออกแล้ว บังไว้เหนือศีรษะของเธอ มองดูใบหน้าเฉิดฉันที่ค่อนข้างซีดเขียวอยู่บ้างของเธอ “หนาวหรือ?”
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ ถูมือที่หนาวจนค่อนข้างแข็งทื่อแล้ว ตอบกลับอย่างสุขุม “เปิ่นจุนไม่กลัวหนาว เจ้าพาเปิ่นจุนมาที่นี่ทำไม?”
เฟิงเจี่ยอีมองพินิจนางขึ้นๆ ลงๆ แวบหนึ่ง “หากว่าข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ พลังวิญญาณในร่างของเจ้ามีไม่ถึงขั้นจินเซียนแล้วกระมัง? ไยต้องฝืนด้วยเล่า?”
สีหน้ากู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนเล็กน้อย เลิกคิ้วมองเขาอย่างยิ้มมิเชิงยิ้ม “หือ?”
เธอลอบจรดนิ้วร่ายอาคมบรรพกาลไว้ในแขนเสื้อ ขอเพียงพบความผิดปกติ เธอก็จะปล่อยอาคมออกมา
————————————————————————————-
บทที่ 2796 ทำไมไม่เชื่อฟัง
ต่อให้ฆ่าเขาไม่ได้ แต่มั่นใจยิ่งนักว่าน่าจะทำให้บาดเจ็บได้!
เฟิงเจี่ยอีกลับยัดร่มคันนั้นที่อยู่ในมือใส่มือเธอไว้ “ถือไว้ ร่มนี้ให้ความอบอุ่นได้ เจ้ายืนรออยู่ตรงนี้ก่อน อย่าเพ่นพ่าน ข้าไปเดี๋ยวเดียวก็มา” พลันหันหลัง จากไปไกลแล้ว แผ่นหลังหายลับไปภายในพายุหิมะอย่างรวดเร็ว
กู้ซีจิ่วเงียบงัน…
เห็นได้ชัดว่าร่มคันนั้นเป็นของวิเศษชิ้นหนึ่ง เมื่อบังอยู่เหนือศีรษะของเธอเช่นนี้ ราวกับตะวันดวงน้อยที่อบอุ่นดวงหนึ่ง โอบคลุมทั้งร่างของเธอเอาไว้ ขับไล่ความหนาวทั้งหมดออกไปนอกร่มได้ในชั่วพริบตา
กู้ซีจิ่วมองไปรอบๆ สถานที่แห่งนี้หนาวเย็นอย่างยิ่ง ไร้ผู้คนย่างกราย วัชพืชไม่ขึ้น เธอไม่เคยมาที่นี่มาก่อนเลย
เพียงแต่ ไอวิญญาณของสถานที่แห่งนี้ค่อนข้างประหลาด กระจายตัวเหมือนวังน้ำวน แต่ละกลุ่มก้อนหมุนวนอยู่รอบตัวเธอ
เธอยกมือคว้าจับปลายสายลมดู หนาวยะเยือกเข้าไปถึงกระดูก แต่ก็แฝงไอวิญญาณจางๆ ที่คล้ายจะสามารถแทรกซึมเข้าสู่กระดูกของเธอได้โดยตรง
นัยน์ตาเธอส่องประกายนิดๆ ในระยะไม่กี่ปีมานี้ร่างกายของเธอเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ ร่างกายราวกับตัดขาดจากไอวิญญาณของโลกใบนี้แล้ว ต่อให้เธอนั่งสมาธิก็ดูดซับพลังวิญญาณไม่ได้ ถึงทำให้พลังวิญญาณของเธอลดน้อยลงเรื่อยๆ
แต่ไอวิญญาณของที่นี่ราวกับตรงกับโรคของเธอยิ่งนัก เธอแค่คว้าจับแบบนี้ ก็สัมผัสได้ว่าไอวิญญาณนั้นแทรกซึมผ่านผิวหนังเธอ ไหลเข้าสู่ชีพจรวิญญาณของเธอ!
ประสบภัยแล้งมาเนิ่นนานได้พบพานพิรุณชุ่มฉ่ำ!
ดวงตากู้ซีจิ่วพราวระยับนิดๆ ไม่ลังเลอีกต่อไปแล้ว ถือร่มแล้วไล่ตามไอวิญญาณแต่ละกลุ่มนั้นไป
มองเห็นว่าเบื้องหน้ามีพายุหอบใหญ่ม้วนตลบละอองหิมะกวาดเข้ามา เธอเคลื่อนกายวูบ หมายจะทะยานข้ามไป กลับคาดไม่ถึงว่าเท้าจะสะดุดสิ่งหนึ่งเข้า เกือบล้มคว่ำแล้ว
ที่นี่ไม่อาจใช้เวทวิชาได้หรือ?
เธอหยัดร่างยืนให้มั่น สะบัดนิ้วเล็กน้อย ผลคือดีดแสงรุ้งอันแสนทรงพลังออกมาไม่ได้เลย ดีดออกมาได้เพียงกระแสดัชนีสายหนึ่ง พุ่งตัดผ่านยอดเขาหิมะไปโดยไม่แม้แต่จะทิ้งร่องรอยไว้เลย
นี่มันสถานที่ผีสางอันใด?
หัวใจของกู้ซีจิ่วเต็มไปด้วยความฉงน แต่ยากนักที่เธอจะได้พบสถานที่สักแห่งที่สามารถฝึกฝนพลังวิญญาณได้ ย่อมไม่คิดจะปล่อยผ่านไป จึงวิ่งทะยานไล่ตามพายุกลุ่มนั้นเสียเลย
แผนที่เธอวางไว้คือมุดเข้าสู่กลุ่มพายุโดยตรง ไอวิญญาณภายในใจกลางพายุจะต้องบริสุทธิ์เป็นที่สุดแน่นอน!
ผลคือ เธอมุดเข้าไปแล้ว ทว่าออกมาไม่ได้!
สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ แรงลมภายในใจกลางพายุทรงพลังอย่างยิ่ง ร่างเธอเพิ่งมุดเข้าไปถึงด้านใน ก็ถูกกลุ่มพายุกวาดม้วนลอยขึ้นมาแล้ว!
นี่ยังไม่ได้เอ่ยถึงว่า ภายในตาพายุนี้หนาวยะเยือกเป็นอย่างยิ่ง แช่แข็งเส้นเลือดชีพจรของเธอทันที! และอาจกล่าวได้ว่า เธอเพิ่งจะเข้าสู่ด้านในก็ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นมนุษย์น้ำแข็งแล้ว หมุนติ้วไปมาตามพายุอยู่กลางอากาศ สูงขึ้นไปเรื่อยๆ…
ถึงแม้แขนขาร่างกายของกู้ซีจิ่วจะขยับขเยื้อนไม่ได้ แต่สติสัมปชัญญะยังอยู่ แต่เธอถูกหมุนจนตาลายแล้ว มองเห็นว่าอยู่ห่างจากพื้นดินออกไปเรื่อยๆ หัวใจเธอพลันเหน็บหนาวขึ้นมา
จบสิ้นแล้ว เห็นทีว่าสังขารนี้จะรั้งเอาไว้ไม่ได้จริงๆ แล้ว!
ประเดี๋ยวพอกระแสลมตก เธอร่วงลงไปแบบนี้ ต้องแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ แน่นอน!
ขณะที่เธอสิ้นหวังอยู่ จู่ๆ เชือกยาวเส้นหนึ่งก็พุ่งเฉียงเข้ามา พันเข้าที่เอวของเธอ จากนั้นก็ออกแรงลากดึงตัวเธอที่หมุนไปตามกระแสลม ไม่น่าเชื่อว่าร่างของเธอจะหลุดพ้นออกมาจากพายุ จากนั้นเธอก็พบว่าตัวเองลอยสูงขึ้นมาถึงยี่สิบสามสิบจั้งเลย!
เธอร่วงดิ่งลงมาจากในอากาศ พุ่งเข้าหาคนที่ยืนอยู่บนพื้น
ตอนนี้เธอเป็นมนุษย์แช่แข็ง ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ อย่าว่าแต่การดิ้นรนขยับปรับท่าทางเลย แม้กระทั่งปากก็อ้าไม่ออกด้วยซ้ำ เสียงกรีดร้องก็เปล่งไม่ออก
‘ฟุ่บ! ตุบ!’ เธอพุ่งเข้าสู่อ้อมแขนของคนผู้นั้น กระแทกคนผู้นั้นจนซวนเซ
หลังจากคนผู้นั้นรับตัวเธอไว้ก็ถอยกรูดไปหลายก้าว ถึงได้ยับยั้งแรงดิ่งอันทรงพลังของเธอได้
คนผู้นั้นวางตัวเธอลงบนพื้น จากนั้นก็เดินวนตัวเธอรอบหนึ่งประหนึ่งวนรอบแท่งน้ำแข็ง นวดหว่างคิ้ว “ข้าให้เจ้าอย่าได้เพ่นพ่านมิใช่หรือ? ทำไมไม่เชื่อฟัง?”