ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2808 หลี่สิ้นแทนท้อ 4 / บทที่ 2809 เท็จกลับจริง จริงกลับเท็จ
บทที่ 2808 หลี่สิ้นแทนท้อ 4
ราชันปีศาจรับปอดไป มองแวบหนึ่ง ปิติยิ่ง ยื่นกลับไปถึงมือตี้ฝูอีอีกครั้ง “เช่นนั้นขอเชิญปรมาจารย์รีบกลับไปทำการสับเปลี่ยนให้น้องหญิงที่ตำหนักก่อนเถิด”
องค์หญิงปีศาจที่อยู่ด้านข้างงงปานน้ำเข้าสมอง ทว่ารู้สึกถึงความผิดปกติได้รางๆ แล้ว พยายามร้องอู้อี้อยู่ด้านข้างอย่างสุดชีวิต นางคิดเปล่งวาจา ทว่าเปล่งไม่ออก อยากขยับก็ขยับไม่ได้
ตี้ฝูอีเหลือบมองนางแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเฉยชา “องค์ราชัน หญิงนางนี้มีความสามารถอันพิสดารอยู่บ้าง แค่สกัดจุดใบ้ของนางไว้ เกรงว่าระหว่างทางนางจะทะลวงจุดใบ้แล้วโวยวายขึ้นมาได้…”
“เรื่องนี้ง่ายยิ่ง ตัดลิ้นของนางเสียก็สิ้นเรื่อง!” ราชันปีศาจกระทำการเด็ดขาดว่องไว พลันก้าวเข้าไป บีบคางขององค์หญิงเผ่าปีศาจ ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงปรากฏขึ้นในดวงตาขององค์หญิงเผ่าปีศาจ เพียงแต่นางยังไม่ทันได้ตอบสนองอันใดมากนัก มนมือของราชันปีศาจก็ปรากฏมีดคมเล่มหนึ่งแล้ว…
เกิดเสียงดังฉัวะ ฝอยโลหิตสาดพรม ลิ้นขององค์หญิงเผ่าปีศาจถูกตัดทิ้งทั้งโคน!
ร่างขององค์หญิงปีศาจพลันเหยียดค้าง เจ็บปวดจนสั่นสะท้านขดเป็นก้อน แทบจะสลบไปแล้ว
ราชันปีศาจโยนนางลงบนพื้นอย่างขยะแขยง ทำให้นางเวียนหัวตาลาย คล้ายจะเห็นดาวลอย…
“ใครก็ได้!”
มีทหารปีศาจสองตนเข้ามา
“เอานางไปขึ้นรถขนนักโทษ คุมตัวไปที่ลานประหารแล่เนื้อ!” ราชันปีศาจสั่งการ
สีหน้าขององค์หญิงปีศาจแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่ชายถึงปฏิบัติกับตนเช่นนี้ ไม่สนใจความเจ็บปวดอีกต่อไป พยายามจะคลานเข้าไปกอดขาของราชันปีศาจอย่างสุดชีวิต แต่ยังคลานไปไม่ถึงเบื้องหน้า ก็ถูกราชันปีศาจเตะอย่างแรงจนกระเด็นออกไป! เตะนางหงายหลัง นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นเสมือนปลาตาย
ราชันปีศาจคร้านจะมองนางแล้ว หันหลังเดินเคียงไหล่ตี้ฝูอีออกไป “ปรมาจารย์ ฉวยโอกาสยามที่ปอดนี้ยังสดใหม่อยู่ รีบนำไปสับเปลี่ยนให้น้องหญิงเลยได้หรือไม่?”
“วางใจเถิด” ตี้ฝูอีสาวเท้าก้าวออกไปแล้ว
ราชันปีศาจมองแผ่นหลังของเขา ส่ายหัวนิดๆ ถึงแม้นผู้นี้จะทั้งเย็นชาทั้งหยิ่งทะนงแถมยังแปลกประหลาด แต่โชคดีที่เป็นคนรู้ความผู้หนึ่ง
มีคนผู้นี้อยู่ น้องสาวสุดที่รักของเขาจะต้องมีชีวิตอยู่ดีแน่นอน
เขามองสีสันของท้องนภา ใกล้ถึงช่วงเวลาประหารแล้ว เขาต้องไปกำกับการประหารด้วยตัวเอง ดูสิว่าเทพผู้สร้างโลกผู้นั้นจะมาหรือไม่!
เขาหรี่ตาลงนิดๆ เทพผู้สร้างโลกนับเป็นอันใดเล่า? พญาหงส์ตกพงหญ้ามิอาจสู้ไก่ได้!
เขาได้พูดคุยกับน้องสาวอย่างละเอียดแล้ว โดยเฉพาะเหตุการณ์โดยละเอียดในตอนที่กู้ซีจิ่วประมือกับงูเหลือมกู่มารตัวนั้นของนาง เขายิ่งสอบถามอย่างละเอียดยิบทุกขั้นทุกตอน
จากรายละเอียดเหล่านี้อนุมานได้ว่า วรยุทธ์ของเทพผู้สร้างโลกผู้นี้สูญหายไปมหาศาล! เกรงว่าแม้แต่เขาก็สู้ไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ!
และเทพผู้สร้างโลกก็มีกายาวิญญาณ หากบำเพ็ญร่วมคู่ด้วย จะต้องเพิ่มพูนพลังวิญญาณของเขาได้แน่นอน มีประโยชน์ยิ่งกว่าเตาหลอมโอสถใดๆ
หลังจากบำเพ็ญร่วมคู่เสร็จสิ้น เขาค่อยสังหารนางทิ้งซะ ไม่ว่าจะเลือดเนื้อหรือดวงวิญญาณสำหรับปีศาจแล้ว ล้วนเป็นยาบำรุงอันล้ำเลิศ สามารถทำให้วรยุทธ์ของเขาพุ่งทะยานอย่างก้าวกระโดดได้!
เขาย่อมไม่มีทางปล่อยโอกาสอันยอดเยี่ยมเช่นนี้ไป…
เทพผู้สร้างโลกเอ๋ย ได้แต่หวังว่าเจ้าจะตามมา ผู้ทรงสิทธิ์อย่างข้าได้เตรียมละครฉากใหญ่ถึงเพียงนี้ไว้รอเจ้าแล้ว หากว่าเจ้าไม่มาคงน่าเสียดาย!
นางน่าจะมากระมัง?
ถึงอย่างไรอูเชียนเหยียนผู้นี้ก็เป็นสาวใช้เพียงคนเดียวของนางนี่ ถึงแม้นางจะไม่ได้รับนางเข้าสังกัดอย่างเป็นทางการ แต่ก็ปฏิบัติต่อนางเยี่ยงศิษย์แท้ๆ ไม่มีทางมองนางถูกประหารโดยไม่สนใจดอก…
เขาเลียริมฝีปากทีหนึ่ง เปี่ยมด้วยความมั่นใจ
….
ความคิดของราชันปีศาจนั้นเพียบพร้อมสมบูรณ์ยิ่ง แต่ความเป็นจริงกลับห่อเหี่ยวนัก
‘อูเชียนเหยียน’ ถูกมัดโยงไว้บนเสาลงทัณฑ์ ถูกเพชฌฆาตเชือดเนื้อเถือหนังไปกว่าสิบดาบแล้ว เทพผู้สร้างโลกผู้นั้นก็ไม่ปรากฏตัวออกมาเลย!
เขาขมวดคิ้วแน่นอยู่บนแท่น หรือว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับเทพผู้สร้างโลกผู้นั้นไปแล้วจริงๆ?
มิเช่นนั้นไม่มีทางที่นางจะไม่ปรากฏตัว…
มารดามันเถอะ คงมิใช่ว่าถูกจักรพรรดิเซียนตัดหน้าไปก่อนแล้วกระมัง?!
ถึงอย่างไรจักรพรรดิเซียนก็ทราบความภายในอยู่บ้างเล็กน้อย ไม่แน่ว่าเขาอาจลอบลงมือปาดหน้าไปแล้ว…
….
อันที่จริงกู้ซีจิ่วปะปนอยู่ท่ามกลางฝูงชนกอดอกชมดูอยู่
ได้เห็นองค์หญิงปีศาจในคราบของอูเชียนเหยียนรับโทษทัณฑ์อยู่ตรงนั้น นางรู้สึกอารมณ์ดียิ่งนัก
องค์หญิงผู้นี้แล่เนื้อเถือหนังผู้อื่นอยู่ประจำ ในที่สุดวันนี้ก็ถึงตาของตัวนางเองแล้ว…
ขณะที่เธอกำลังชมอย่างสำราญ พลันได้ยินเสียงตะโกนกึกก้องสายหนึ่ง “สารเลว ปล่อยเชียนเหยียนเสีย!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งเหินขึ้นไปบนแท่นสูง
กู้ซีจิ่วเหยียดร่างขึ้นมาในทันใด!
แย่แล้ว เป็นฟั่นเชียนซื่อ! ศิษย์หัวแก้วหัวแหวนเพียงหนึ่งเดียวของเธอในตอนนี้…
….
————————————————————————————-
บทที่ 2809 เท็จกลับจริง จริงกลับเท็จ
หลังจากกู้ซีจิ่วพาอูเชียนเหยียนออกมาแล้ว ก็พานางไปพักฟื้นที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง เดิมทีคิดจะติดต่อหาฟั่นเชียนซื่อสักหน่อย ให้เขากลับมาดูแล คาดไม่ถึงว่านางใช้วิชาจับสัมผัสเรียกหาอยู่พักใหญ่ ก็ไม่เห็นเด็กคนนี้โผล่มา
วิชาจับสัมผัสของเธอเป็นเวทวิชาประเภทหนึ่งที่คล้ายคลึงกับจำพวกกระแสจิต นางจะถ่ายทอดหาเพียงลูกศิษย์และสาวใช้ ขอเพียงสองคนนี้อยู่ภายในรัศมีร้อยลี้ ล้วนจะได้รับการเรียกหาของเธอแล้วทำการตอบกลับ
บัดนี้เมื่อเป็นเช่นนี้ เห็นทีว่าเขาคงเตลิดไปไกลแล้ว อาจจะวิ่งออกนอกรัศมีร้อยลี้ไปแล้ว หรือไม่ก็เข้าไปในพื้นที่ต้องห้ามอันใด
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เธอล้วนติดต่อเขาไม่ได้ชั่วคราว
โชคดีที่ถึงแม้บาดแผลบนร่างของอูเชียนเหยียนจะสาหัสนัก แต่เมื่ออยู่ในมือของกู้ซีจิ่วเทพผู้สร้างโลกแล้วก็ไม่นับว่าเป็นอันใด เธอจัดการบาดแผลภายนอกให้นางอย่างว่องไว แล้วมอบยาลูกกลอนอีกสองสามเม็ดให้นางรักษาบาดแผลภายใน ผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยาม บาดแผลบนร่างของอูเชียนเหยียนก็ดีขึ้นมาครึ่งหนึ่งแล้ว สามารถเคลื่อนไหวลงจากเตียงด้วยตัวเองได้ และสามารถดูแลตัวเองได้แล้ว
กู้ซีจิ่วถึงได้วางใจ ให้นางพักผ่อนอยู่ที่โรงเตี๊ยมคนเดียว ก่อนจะจากไปยังได้ทำการผนึกประตูเอาไว้ด้วย หลังจากแน่ใจแล้วว่าจะปลอดภัยไร้เหตุ ถึงได้จากไป
แผนที่เธอวางไว้คือหลังจากราชันปีศาจแล่เนื้อองค์หญิงปีศาจไปได้พอสมควรแล้ว ค่อยออกไปชี้ทางสว่าง ทำให้ราชันปีศาจผู้นั้นบื้อใบ้ดุจกินหวงเหลียนเข้าไป กลับคาดไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ ฟั่นเชียนซื่อจะโผล่ออกมา พุ่งพรวดพราดขึ้นไปบนแท่น…
ด้วยวรยุทธ์ของเขา แม้แต่แปดองครักษ์ของราชันปีศาจเขาก็สู้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ! บัดนี้พุ่งขึ้นไปมิใช่เป็นการรนหาที่ตายหรอกหรือ?
ไอ้สารเลวน้อยผู้นี้!
กู้ซีจิ่วพลันกำมือ หรี่ตาลงนิดๆ
ทันทีที่ฟั่นเชียนซื่อโผล่มาก็พุ่งไปที่เสาลงทัณฑ์ “สารเลว ปล่อยเชียนเหยียนเสีย!”
พอราชันปีศาจเห็นเขามาก็ยังคงดีใจยิ่งนัก แม้แต่ศิษย์ของเทพผู้สร้างโลกก็ยังส่งตัวเองมาให้ถึงหน้าประตูแล้ว เช่นนั้นไพ่ในมือของเขาก็เพิ่มขึ้นมาอีกใบ! ไม่ต้องกลัวว่าเทพผู้สร้างโลกจะไม่มาแล้ว!
เพียงแต่ เขายังคงต้องแสร้งตีสีหน้าต่อไป เอ่ยอย่างโกรธเกรี้ยว “ฟั่นเชียนซื่อ เปิ่นหวางกำลังตามหาเจ้าอยู่พอดี ถึงกำหนดเวลาแล้ว ไยอาจารย์ของเจ้ายังไม่ปรากฏตัวอีก? ต้องเป็นเพราะถูกศิษย์ใจโฉดอย่างเจ้าประทุษร้ายไปแล้วแน่นอน! ใครก็ได้ มาจับตัวเขาที!”
เหล่าปีศาจกรูกันเข้ามาทันที เข้าโจมตีฟั่นเชียนซื่อ!
บนแท่นก็เกิดการต่อสู้กันวุ่นวายขึ้นมาในทันใด
เพชฌฆาตไม่ทราบว่าตนยังสมควรจะลงมือต่อไปหรือไม่ จึงมองไปที่ราชันปีศาจ
ราชันปีศาจเด็ดเดี่ยวนัก โบกมือคราหนึ่ง “ไม่ต้องหยุดมือ ทำต่อไป!”
ด้วยเหตุนี้ เพชฌฆาตจึงลงทัณฑ์ ‘อูเชียนเหยียน’ อย่างชำนิชำนาญต่ออีกครั้ง ดาบแล้วดาบเล่า ราวกับหั่นแล่ก็มิปาน
จุดใบ้ขององค์หญิงปีศาจคลายออกแล้ว แต่ลิ้นของนางไม่มีแล้ว เสียงครวญครางก็หวีดแหลม โหยหวนบาดหู ทำเอาคนที่ได้ยินอกสั่นขวัญแขวน
นางร้องไห้โหยหวน สั่นสะท้าน อยู่มิสู้ตาย ในที่สุดก็ได้เข้าใจแล้วว่าที่ทัณฑ์ประหารแล่เนื้อมีรสชาติเช่นนี้เอง ที่แท้ก็เจ็บปวดถึงเพียงนี้…
กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปากบางนิดๆ ลอบจรดร่ายอาคมอยู่ด้านล่างแท่น มองฟั่นเชียนซื่อต่อสู้กับคนอื่น เตรียมพร้อมเข้าสนับสนุนทุกเมื่อ
แต่หลังจากเธอดูอยู่ครู่หนึ่ง ก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ
วรยุทธ์ของฟั่นเชียนซื่อเพิ่มสูงขึ้นกว่าในอดีตถึงหนึ่งเท่าเต็ม! ยามนี้เขากำลังรุกไล่ไปมาอยู่ท่ามกลางเหล่าองครักษ์ปีศาจพวกนั้น ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่เสียเปรียบเลยสักนิด เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่ากระบวนท่านยังคงเป็นกระบวนท่าที่กู้ซีจิ่วถ่ายทอดให้ แต่พลังวิญญาณที่เขาใช้คล้ายว่าจะค่อนข้างผิดปกติไปบ้าง แฝงไอที่ร่ำๆจะบ้าคลั่งสายหนึ่งไว้รางๆ
ผ่านไปครู่หนึ่ง ก็โจมตีองครักษ์ปีศาจบนเวทีบาดเจ็ดไปสองตนแล้ว
เดิมทีกู้ซีจิ่วคิดจะใช้วิชาจับสัมผัสบอกเขาว่าคนที่ถูกมัดไว้บนเสาลงทัณฑ์คือตัวปลอม ให้เขาล่าถอยเสีย
แต่หลังจากได้เห็นกระบวนท่าที่เขาสำแดงออกมา เธอก็อดทนไว้อีกครั้ง
วรยุทธ์ของลูกศิษย์เธอค่อนข้างพิกล ทว่าทำให้เขาไม่ตกเป็นฝ่ายพ่ายชั่วขณะ เธอสามารถมองต่ออีกสักพักได้
เงาร่างฟั่นเชียนซื่อดุจวายุ ซัดองครักษ์ผู้หนึ่งกระเด็นออกไป วนอ้อมเลี้ยวโค้ง ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะโผไปถึงเบื้องหน้าเสาลงทัณฑ์แล้ว กระแสฝ่ามืออันทรงพลังสายหนึ่งฟาดเข้าใส่แขนของเพชฌฆาต!