ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2839 เผชิญมรสุม 6 / บทที่ 2840 เผชิญมรสุม 7
บทที่ 2839 เผชิญมรสุม 6
เยี่ยนชิงตะลึงงัน “เช่นนั้น…เช่นนั้นท่านราชครูซื้อให้…ให้ผู้ใดหรือเจ้าคะ?”
กำไลวงนี้เป็นขนาดมาตรฐานสำหรับสตรี ท่านราชครูผู้นี้ไม่อาจสวมใส่เองได้
ตี้ฝูอีดีดนิ้วคราหนึ่ง กำไลวงนั้นตกลงบนพื้นเสียงดังเพล้ง แตกกระจายเกลื่อนพื้น “ผู้ทรงสิทธิ์อย่างข้าซื้อมันเพียงเพื่อฟังเสียงเท่านั้น”
พลันหันหลังก้าวออกไป
เยี่ยนชิงตาค้างอ้าปากหวอ
เถ้าแก้ร้านก็ตาค้างอ้าปากหวอเช่นกัน
….
กู้ซีจิ่วซื้อกำไลสีชมพูวงหนึ่งมา กำไลวงนั้นก็โปร่งใส เกลี้ยงเกลาเพียงพอเช่นกัน ยามที่สวมอยู่บนข้อมือ ราวกับมีดอกท้อสายหนึ่งโอบล้อมข้อมืออยู่ เข้ากับผิวขาวกระจ่างปานหิมะของเธอยิ่ง
กำไลวงนี้เป็นฟั่นเชียนซื่อซื้อให้เพื่อแสดงความกตัญญูต่อเธอ จ่ายด้วยมุกวิญญาณทั้งหมดที่เขาทำงานหามาเป็นเวลาสองเดือน
เมื่อกู้ซีจิ่วสวมกำไลลงบนข้อมือ เขามีความสุขยิ่งนัก ในที่สุดก็ลืมเลือนความหงุดหงิดก่อนหน้านี้ไปแล้ว
อูเชียนเหยียนก็เป็นเด็กสาวเช่นกัน น้อยนักที่เด็กสาวๆ จะไม่ชื่นชอบเครื่องประดับ นางติดตามอยู่ข้างกายกู้ซีจิ่วกับฟั่นเชียนซื่อตลอด เมื่อเห็นกู้ซีจิ่วสวมกำไลสีชมพูวงนั้น นางริษยายิ่งนัก เพียงแต่ฉลาดพอที่จะไม่แสดงท่าทีออกมา
นางมองเครื่องประดับเหล่านั้นที่อยู่ในร้านหลายหนแล้ว ถูกใจที่ติดผมหยกอันเล็กๆ ชิ้นหนึ่ง เมื่อถามราคาดู กลับราคาแพงยิ่ง!
นางลูบถุงเงินที่ฟีบแบน ไม่กล้าส่งเสียงแล้ว
กู้ซีจิ่วเงียบเชียบไร้สีหน้า ทว่าตอนที่จ่ายเงิน ได้ให้เถ้าแก่คิดเงินที่ติดผมหยกชิ้นนั้นเข้าไปด้วย
อูเชียนเหยียนนึกว่าพระองค์เจ้าก็ถูกใจที่ติดผมหยกชิ้นนี้เช่นกัน ยิ่งไม่กล้าส่งเสียงเข้าไปอีก สุดท้ายในใจยังคงโศกหมองอยู่บ้าง
คาดไม่ถึงว่าหลังจากคิดเงินแล้ว กู้ซีจิ่วจะกวักมือเรียกนาง “มานี่สิ!”
อูเชียนเหยียนไม่เข้าใจสาเหตุ ยังคงเดินเข้าไปหาอย่างเชื่อฟัง “นายท่าน” นี่คือคำที่นางใช้เรียกขานกู้ซีจิ่วเวลาออกมาข้างนอก
กู้ซีจิ่วให้นางหันหลังไป แล้วเสียบที่ติดผมหยกชิ้นนั้นไว้บนมวยผมของนาง แล้วพินิจดูเล็กน้อย “ที่ติดผมชิ้นนี้เหมาะกับเจ้ามาก มอบให้เจ้าก็แล้วกัน”
อูเชียนเหยียนตาเป็นประกายขึ้นมา รีบเอ่ยขอบคุณ แล้วมองไปที่ฟั่นเชียนซื่อต่อ คาดหวังให้เขาเอ่ยชมสักประโยค
คาดไม่ถึงว่าฟั่นเชียนซื่อจะพินิจนางแวบหนึ่ง วิจารณ์เพียงประโยคเดียวว่า “ไม่คู่ควรเกินไป”
ไม่ทราบเช่นกันว่าเป็นนางที่ไม่คู่ควรกับที่ติดผม หรือว่าเป็นที่ติดผมที่ไม่คู่ควรกับนาง
แต่อูเชียนเหยียนอยู่กับเขามานานขนาดนี้ ทราบนิสัยของเขาดี สัมผัสอันเฉียบไวรู้สึกว่าความหมายของเขาคือแบบแรก
แววตานางหม่นหมองลงเล็กน้อย จากนั้นก็ไม่เก็บมาใส่ใจอีก
กู้ซีจิ่วมองฟั่นเชียนซื่อแวบหนึ่ง ส่ายหน้าแล้ว
เด็กคนนี้ปากร้ายกับอูเชียนเหยียนเสมอมา มักจะทำลายความมั่นใจของนางเพื่อความสนุกสนาน โจมตีแม่นางน้อยคนนี้ปานสับหัวไชเท้า เพียงแต่นางก็ยังคงชอบวนเวียนอยู่รอบกายเขาอยู่ดี…
และเป็นคู่รักคู่แค้นคู่หนึ่งด้วย
อันที่จริงกู้ซีจิ่วอยากจับคู่ให้คู่นี้ยิ่งนัก แต่อัตราความสำเร็จช่างน้อยนิดยิ่ง
การวิวาห์ก็ต้องให้ความสำคัญกับวาสนาเช่นกัน เธอไม่คิดจะบังคับฝืนใจพวกเขา ได้แต่ปล่อยไปตามธรรมชาติเท่านั้น
ช่วงยี่สิบปีมานี้ ฟั่นเชียนซื่อคล้ายจะได้สติขึ้นมาอย่างกะทันหัน ยามที่อยู่กับกู้ซีจิ่วอีกครั้ง จะให้ความเคารพอย่างยิ่งอยู่เสมอ ไม่ล้ำเส้นอีกแล้ว แรกเริ่มกู้ซีจิ่วยังคงตั้งแง่กับเขาอยู่บ้าง ต่อมาพอเห็นว่าเขาไม่มีอะไรผิดปกติจริงๆ ในที่สุดก็โล่งใจ รู้สึกว่าในที่สุดเด็กคนนี้ก็เข้าใจชีวิตแล้ว!
เธอได้ละทิ้งความกังวลนี้ไป ต่อมาก็พาพวกเขาออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกอยู่บ่อยครั้ง
แน่นอน พอฟั่นเชียนซื่ออายุสิบแปดปี กู้ซีจิ่วก็เตะโด่งเขาออกไปหาประสบการณ์เพียงลำพัง มอบหมายภารกิจต่างๆ ให้เขา เขาล้วนทำให้สำเร็จลุล่วงได้ดียิ่ง ทำให้กู้ซีจิ่วจึงพอใจยิ่งนัก
ไม่ว่าจะคนเทพมารปีศาจล้วนมีวันเกิดทั้งสิ้น ยิ่งเป็นบุคคลระดับสูงเท่าไหร่ก็จะยิ่งจดจำวันเกิดได้แม่นยำเท่านั้น
กู้ซีจิ่วมีชีวิตอยู่มาเนิ่นนานเกินไปแล้ว ซ้ำยังลืมเลือนเรื่องราวไปมากมายยิ่ง ลืมไปนานแล้วว่าวันเกิดของตัวเองคือวันไหน แต่ผู้นำของหกภพภูมิรวมถึงเหล่าศิษย์ต่างอยากฉลองงานวันเกิดให้เธอสักครั้ง อย่างแรกคือเป็นโอกาสให้ทุกคนได้มาชุมนุมกัน อย่างที่สองคือจะได้สานสัมพันธ์กับเทพผู้สร้างโลกด้วย
————————————————————————————-
บทที่ 2840 เผชิญมรสุม 7
ดังนั้นหลังจากกู้ซีจิ่วตื่นได้ไม่นาน ก็ถูกคนมากมายถามถึงเรื่องวันเกิด เธอเกิดความคิดบรรเจิด นำวันที่ตนตื่นขึ้นมาตั้งเป็นวันเกิดตนเสียเลย
งานวันเกิดเธอไม่ได้จัดขึ้นทุกปี แต่ห้าปีจะจัดขึ้นสักครั้ง
เมื่อถึงเวลาสหายจากสามคีรีห้าบรรพตล้วนจะมาชุมนุมกันที่หุบเขาเสียงสวรรค์ของเธอ เพื่อฉลองวันเกิดให้เธอ
ผู้นำของหกภพภูมิต้องมาด้วยแน่นอน และที่มาพร้อมกับพวกเขายังมีคนสนิทรวมถึงขุนนางใหญ่ด้วย
เทพผู้สร้างโลกชมชอบความสงบไม่ชอบความวุ่นวาย ดังนั้นคนที่มาฉลองงานวันเกิดเหล่านี้ล้วนได้รับการคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันจากแต่ละภพภูมิ ล้วนเป็นคนที่มีศักดิ์มีฐานะและมีความสามารถ
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ในงานเลี้ยงวันเกิดสองรอบที่ผ่านมา ตัวเทียนโม่เวิ่นก็มีคุณสมบัติพอจะเข้าร่วมแล้วเช่นกัน แต่เขาก็ไม่มาเลย
ราชินีปีศาจ จักรพรรดิเซียนล้วนเคยคิดจะพาเขามาด้วย แต่ถูกเขาบอกปัดอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีผู้ใดกล้าฝืนใจเขา ได้แต่ปล่อยเขาไป
ผู้ใดก็คาดไม่ถึงว่า หนนี้เขากลับมาเข้าร่วม
เวลานั้นทั้งจักรพรรดิเซียน ราชินีปีศาจ ราชานรก ราชันอสูร จักรพรรดิมนุษย์ ล้วนมากันพร้อมหน้า ทุกคนกำลังส่งมอบของขวัญวันเกิดที่ตนนำมาให้กู้ซีจิ่วที่นั่งตัวตรงอยู่กลางห้องโถง…
ผู้นำของหกภพภูมิมีใจประชันขันแข่งกัน ของขวัญที่มอบให้ย่อมสูงค่าไร้ใดเทียม แย่งกันแสดงบารมีข่มผู้อื่น เพื่อแสดงให้เห็นความมีหน้ามีตามีรสนิยมของตน
ด้วยเหตุนี้ฟั่นเชียนซื่อที่เป็นตัวแทนรับของขวัญอยู่ด้านข้างจึงรับจนมือไม้แทบจะอ่อนเปลี้ยแล้ว
ขณะที่กำลังยุ่งง่วนอยู่ เด็กรับใช้ที่เฝ้าอยู่ด้านนอกก็วิ่งเข้ามารายงาน “คุณชายฝูอีมาเพื่อร่วมอวยพรพระองค์เจ้าขอรับ!”
ฝูงชนมองหน้ากันเหลอหลา ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าคุณชายฝูอีคือใคร
กลับเป็นกู้ซีจิ่วที่ใจเต้นแวบหนึ่ง เธอจำได้เสมอมาว่าเทียนโม่เวิ่นผู้นั้นเคยเรียกขานตัวเองว่าตี้ฝูอี หรือจะเป็นเขา?
พร้อมกับการเอ่ยรายงานนี้ คุณชายชุดม่วงคนหนึ่งก็เยื้องย่างเข้ามาแล้ว
ราชินีปีศาจถูซานอิง จักรพรรดิเซียนล้วนกระเด้งตัวขึ้นมาทันที!
“ท่านนักบวช!”
“ท่านราชครู!”
กู้ซีจิ่วหรี่ตาลงนิดๆ ผู้มาคือตี้ฝูอีจริงๆ แถมยังปรากฏตัวด้วยด้วยรูปโฉมร่างเทวาดั้งเดิม บนดวงหน้าหล่อเหลาไม่ได้สวมหน้ากากไว้แล้ว
บนร่างของเขาแฝงอำนาจบารมีไว้ ยามที่ก้าวย่างเข้ามาเช่นนี้ ราวกับมีแสงอรุโณทัยฉาบทั้งร่างไว้ ทำให้ทั่วทั้งห้องโถงล้วนคล้ายจะส่องสว่างตามไปด้วย
ถูซานอิงไม่ได้พบหน้าเขามาหลายปีแล้ว ทันทีที่มองเห็นเขา แผ่นหลังก็หดเกร็งขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ยังจดจำรสชาติของสิบเอ็ดแส้นั้นที่หวดลงบนร่างได้
จักรพรรดิเซียนก็คาดไม่ถึงยิ่งนักเช่นกัน เอ่ยทักทายเขาด้วยใบหน้าชื่นมื่นเบิกบาน “ท่านราชครู ไม่นึกเลยว่าหนนี้ท่านก็มาด้วย มาเถอะ มานั่งทางนี้”
ผู้นำที่เหลือย่อมเคยได้ยินชื่อเสียงอันเกรียงไกรของเขามาแล้วเช่นกัน ต่างลุกขึ้นมาทักทายเขา
กู้ซีจิ่วมองฉากนี้อย่างสนอกสนใจ ภายระยะเวลาสั้นๆ เพียงยี่สิบปี ทำให้ความเยาว์วัยทั้งหมดเลือนหายไปจากร่างของคนผู้นี้แล้ว เป็นผู้ใหญ่ขึ้นสุขุมขึ้นและโดดเด่นเจิดจรัสยิ่งขึ้น ศักดิ์ฐานะก็มิใช่ดั่งวันวานแล้ว กลายเป็นคนเนื้อหอมที่หกภพภูมิต่างยื้อแย่งกัน…
คุณชายฝูอี...
นี่เขาวางแผนจะใช้นามจริงแล้วหรือ?
มองดูเขาแล้ว กู้ซีจิ่วก็นึกถึงกำไลสีเขียวครามที่ไร้วาสนาวงนั้น อันที่จริงเธอชื่นชอบสีสันนั้นจากใจจริง ต่อมาเธอก็หาสิ่งที่มีสีสันแบบเดียวกันไม่พบอีกเลย ในใจจึงหม่นหมองอยู่บ้างนิดหน่อย
ในชีวิตนี้ยากนักที่เธอจะต้องตาของสักชิ้น ไม่ง่ายเลยกว่าจะต้องตาสักครั้งก็ยังถูกคนอื่นมาก่อกวนเสียได้…
ฟั่นเชียนซื่อเห็นคนผู้นี้ก็อารมณ์ไม่ดีขึ้นมาแล้ว!
เดิมเขารับผิดชอบต้อนรับขับสู้แขกเหรื่อ ตามหลักแล้วสมควรจะเข้าไปทักทายสักหน่อย แต่เขาไม่อยากไป ได้แต่ยืนมองเขาอยู่ตรงนั้นเฉยๆ
ตอนที่ตี้ฝูอีมองเข้ามาทางเขา เขาเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ปลดปล่อยอำนาจของตนออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้!
ตอนซื้อกำไลครั้งก่อนเขาแปลงโฉมเป็นชาวบ้านธรรมดา ถูกคนผู้นี้รังแกจนไม่อาจทำอย่างไรได้
แต่ตอนนี้เขาคือศิษย์ของเทพผู้สร้างโลก ฐานะสูงส่งกว่าราชครูผู้นี้มากมายนัก! ไม่ว่าจะหยิ่งผยองทระนงอย่างไรก็ย่อมไม่เป็นไรทั้งสิ้น!
————————————————————————————-