ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2855 ถูกควบคุม 5 / บทที่ 2856 เสียสละให้ข้าสักหน
บทที่ 2855 ถูกควบคุม 5
การนอนหลับตื่นนี้ของเธอเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง หลังจากตื่นขึ้นมารู้สึกได้เลยว่าสุขภาพแข็งแรงขึ้นไม่น้อย
เธอลืมตาขึ้น พบว่าเขาตื่นก่อนแล้ว แต่ยังนั่งตัวตรงยิ่ง ทำให้เธอที่ซุกอยู่ด้านในสบายยิ่งนัก
เขาคงอยู่ในท่านี้ตลอดทั้งคืนเลยหรือ?
ต้องเหนื่อยมากแน่ๆ!
ความรู้สึกผิดผุดขึ้นมาในใจของกู้ซีจิ่วอีกครั้ง รีบมุดออกมาจากอ้อมแขนของเขา สั่งการเขา “ข้าทำให้เจ้าเมื่อยใช่ไหม? เจ้าลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายเถอะ”
ตี้ฝูอีไม่พูดอะไร ลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายอยู่ภายในกระท่อมจริงๆ
คนผู้นี้สง่างามมาตั้งแต่เกิด ต่อให้ขยับเนื้อขยับตัวไปเรื่อย ก็ลื่นไหลปานเมฆาเคลื่อนคล้อยธาราไหลรินแล้ว ทำให้คนที่เห็นเจริญหูเจริญตา
จู่ๆ เขาก็หันกลับมา สบสายตากับเธอ
กู้ซีจิ่วหน้าแดงนิดๆ เพิ่งพบว่าตัวเองมองเขามาได้ระยะหนึ่งแล้ว
เป็นครั้งแรกที่เธอมองคนผู้หนึ่งอย่างไร้จุดมุ่งหมายเนิ่นนานขนาดนี้
จึงกระแอมคราหนึ่ง เธอละสายตาไปอย่างสุขุม ตรวจสอบร่างกายเล็กน้อย พลังวิญญาณฟื้นฟูกลับมาประมาณหนึ่งแล้ว ถึงแม้จะยังไม่ถึงขั้นที่ออกไปรบทัพจับศึกได้ แต่ความสามารถในการเคลื่อนไหวกลับคืนมาแล้ว เธอสามารถเคลื่อนไหวอยู่ภายในกระท่อมน้ำแข็งอย่างอิสระได้แล้ว โดยไม่หลั่งเหงื่ออกมาอีก
ไม่น่าเชื่อว่าอ้อมกอดของเขาเป็นแหล่งฟื้นฟูของเธอ!
คนผู้นี้ช่างเป็นดาวนำโชคของเธอโดยแท้!
กู้ซีจิ่วก็ทราบเช่นกันว่า ควรรู้สึกโชคดีหรือควรจะรู้สึกเก้อกระดากดี อดไม่ได้ที่จะเพ่งพิศเขาอีกสองครา
ตี้ฝูอีหยุดยืดเส้นยืดสายแล้ว มองเธออย่างสงบ
นัยน์ตาคู่นั้นประหนึ่งรัตติกาล ยามที่ทั้งสองคนสบตากันกู้ซีจิ่วใจสั่นขึ้นมาอย่างที่ควบคุมไม่อยู่
เธอคิดแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “ต่อไปตอนที่ข้าหลับอยู่ในอ้อมแขนของเจ้า เจ้าสามารถขยับตัวได้ ไม่จำเป็นต้องเหยียดตรงเช่นนี้ อย่าได้เหน็ดเหนื่อยจนเกินไป”
ตี้ฝูอีหลุบตาลง “อืม”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจ ตี้ฝูอีที่ว่าง่ายเช่นนี้เธอไม่ชินเอาเสียเลย…
ท้องเธอหิวอีกแล้ว ร้องครวญครางยิ่ง
เธออยากออกไปดูข้างนอกมาก ดูว่าตนพอจะฝึกฝนในกลุ่มพายุได้หรือยัง
พอเธอเดินไปถึงประตูก็พบว่าเปิดประตูไม่ได้…
ประตูบานนั้นราวกับเหล็กหล่อ เธอผลักมันให้ขยับไม่ได้เลย
ไม่น่าเชื่อว่าพละกำลังของเธอจะน้อยนิดถึงขั้นนี้แล้ว!
อ่อนแอจนกลายเป็นไก่อ่อน…
กู้ซีจิ่วรู้สึกซึมกะทือนัก ยืนอยู่หน้าประตูครู่หนึ่ง เธอหันไปหาเขา “ช่วยเปิดประตูให้ข้าหน่อยได้ไหม?”
ตี้ฝูอีเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ผลักเบาๆ คราหนึ่ง ประตูก็ส่งเสียงขึ้นมาแล้วเปิดออก
กู้ซีจิ่วเดินออกมา ทันทีที่ออกมาก็หนาวจนสั่นสะท้านเลย!
สายลมนั้นเยียบเย็นเข้าไปถึงกระดูก มุดเข้าไปสู่ไขกระดูกของเธอ ทำให้มือเท้าของเธอเย็นเฉียบขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เส้นขนลุกชูชันขึ้นมาอีกครั้ง…
เธอฝืนอดทนต่อความหนาวเย็นนี้ มองไปรอบๆ กระท่อมน้ำแข็งหลังนี้ที่ตี้ฝูอีสร้างขึ้นพึ่งพาได้ยิ่งนัก
ด้านหลังคือผาน้ำแข็งขนาดใหญ่ มียอดเขาน้ำแข็งขนาบซ้ายขวา มีเพียงด้านหน้าที่เป็นพื้นที่โล่งแจ้ง แต่ห่างออกไปอีกหลายจั้งก็มียอดน้ำแข็งแห่งหนึ่งบดบังอยู่เช่นกัน
เมื่อเป็นแบบนี้ สายลมโหมกรรโชกนั้นจึงพัดเข้ามาไม่ได้
บนผนังของกระท่อมน้ำแข็งหลังนี้มีผังอักขระอาคมที่ดูเก่าแก่ยิ่ง กู้ซีจิ่วจ้องมองผังอาคมเหล่านั้นอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกอยู่รางๆ ว่าค่อนข้างคุ้นตา คล้ายเคยพบเห็นเมื่อนานแสนนานมาแล้ว
“ผังนี้เจ้าร่ำเรียนมาจากผู้ใด?” เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเขาซึ่งติดตามอยู่ด้านหลัง
“รู้แจ้งได้โดยไร้อาจารย์” ตี้ฝูอีสงวนวาจาดั่งทอง
กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเขาอีกครา ถอนหายใจ “อักขระอาคมที่วาดนี้คุ้นตายิ่งนัก ไม่คล้ายสิ่งที่จะรู้แจ้งได้โดยไร้อาจารย์ หรือว่าเจ้าจะเป็นเทพบรรพกาลท่านใดกลับชาติมาเกิดใหม่? ในสมองยังหลงเหลือความทรงจำเดิมในชาติก่อนอยู่หรือไม่?”
ตี้ฝูอีหัวเราะเบาๆ คราหนึ่ง ในที่สุดก็ถามเธอกลับแล้ว “หากว่าเป็นเทพบรรพกาล เช่นนั้นท่านก็น่าจะรู้จักข้ากระมัง?”
กู้ซีจิ่วเงียบไป เธอมองเขาแล้วรู้สึกว่าคุ้นหน้าอยู่บ้างจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เธอนึกไม่ออกเลยจริงๆ
แน่นอน เรื่องน่าขายหน้าแบบนี้เธอไม่คิดจะเอ่ยออกไป…
————————————————————————————-
บทที่ 2856 เสียสละให้ข้าสักหน
แน่นอน เรื่องน่าขายหน้าแบบนี้เธอไม่คิดจะเอ่ยออกไป ด้วยเหตุนี้เธอจึงเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หากว่าเจ้ากลับชาติมาเกิดใหม่ รูปโฉมจะเปลี่ยนแปลงไปแน่นอน ดังนั้นต่อให้ข้าเคยรู้จักเจ้าในชาติก่อน ชาตินี้ก็จำไม่ได้แล้ว”
สายตาที่ตี้ฝูอีมองเธอไหววูบเล็กน้อย ไม่เอ่ยวาจาอีก
กู้ซีจิ่วเขยิบเข้าไปหาเขาก้าวหนึ่ง ถามเขาอย่างเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง “เช่นนั้นเจ้ามองข้าแล้วรู้สึกว่าคุ้นตาบ้างหรือไม่?”
ตี้ฝูอีละสายตาไป กล่างอย่างเฉยเมย “ข้าไม่เคยจดจำใบหน้าพื้นๆ ได้เลย”
กู้ซีจิ่วผงะไป!
เธอโมโหอยู่บ้าง “ข้าหน้าตาพื้นๆ หรือ?! รูปโฉมของข้าออกจะโดดเด่นยิ่งนัก!”
เธอใช้โฉมหน้าจริงเดินไปไหนก็ล้วนกลายเป็นทิวทัศน์งดงามอันเฉิดฉายทั้งสิ้น ไม่รู้ว่าดึงดูดสายคนได้มากน้อยเพียงใด เป็นคนประเภทที่ต่อให้กลิ้งคลุกกองถ่านมารอบหนึ่งแล้วโยนเข้าไปในฝูงชนก็ยังโดดเด่นสะดุดตาอยู่ดี จะเป็นคนหน้าตาพื้นๆ ไปได้อย่างไร?!
คนผู้นี้ตาไม่มีแววเลย!
สายตาตี้ฝูอีวนเวียนอยู่ที่ใบหน้าเธอสองครา แล้วเอ่ยอีกประโยคหนึ่ง “มองไม่ออกเลย”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกแล้ว…
เอาเถอะ เธอจะไม่ถือสาหาความกับคนตาไร้แวว!
เธอคิดจะเดินออกไปอีกสองสามก้าว แต่หนาวจนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าบนร่างสวมเสื้อคลุมขนสัตว์ที่หนาที่สุดแล้ว แต่ยังคงต้านทานความเหน็บหนาวที่เสียดเข้าไปถึงกระดูกเช่นนั้นไม่ได้อยู่ดี
สายลมหอบหนึ่งพัดมา เธอเซถอยหลังไปสองสามก้าว
ตอนที่ถอยไป ไม่ทราบว่าเท้าไปสะดุดอะไรบนพื้นเข้า ซวนเซเล็กน้อย เมื่อเห็นว่ากำลังจะล้มหงายหลัง เธอจึงเอ่ยสั่งการไปตามสัญชาตญาณ “รับข้าไว้!”
ตี้ฝูอีเชื่อฟังยิ่ง รับตัวเธอเอาไว้จริงๆ โอบเธอไว้ในอ้อมแขน
อาภรณ์ของเขาไม่หนาเลยชัดๆ ยังดูแผ่พลิ้วไสวอยู่ แต่พอเธอซุกอยู่ในอ้อมแขนของเขา กลับรู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก ราวกับได้พิงเตาให้ความอบอุ่นอันหนึ่ง
มือเท้าที่เกือบจะแข็งทื่อไปแล้วกลับมาอบอุ่นอย่างรวดเร็ว เดิมทีหลังจากยืนได้มั่นแล้วเธอคิดจะเดินไปด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้กลับไม่อยากแยกออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่นของเขาอยู่บ้าง
เธอชะงักไปเล็กน้อย แล้วทำหน้าหนาขึ้นมาอีก ไม่ยอมออกมาจากอ้อมแขนของเขาเสียเลย กระซิบสั่งการ “ลองพาข้าเข้าไปในกลุ่มพายุหน่อย”
“ได้” ตี้ฝูอีอุ้มเธอก้าวเข้าไปหาพายุกลุ่มหนึ่ง
พายุกลุ่มนั้นเป็นพายุที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่พบเห็นได้ในตอนนี้ เพิ่งจะเข้าไปกู้ซีจิ่วก็ถูกสายลมเหน็บหนาวหอบหนึ่งโชยปะทะ เลือดลมแทบจะจับตัวแข็งไปทั้งร่างแล้ว…
เธอหน้ามืดขึ้นมาในทันใด รู้ว่าไม่ไหวแล้ว รีบร้องขึ้นมาว่า “ออก…”
เธอเปล่งคำว่าออกได้คำเดียว จากนั้นปากก็ถูกแช่แข็งแล้ว ไม่อาจเอ่ยออกมาได้เลยสักคำ
ร่างกายเธอเริ่มแข็งทื่อ ไม่สามารถตอบสนองได้ ทว่าในใจกลับรู้แจ้งดี ได้แต่เบิกตามองตัวเองหนาวจนแข็งทื่ออยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างรวดเร็ว ทว่าจนใจที่ไม่อาจเปล่งวาจาได้
แย่แล้ว!
ถ้าตนไม่ได้มอบคำสั่งถอยร่นอย่างรวดเร็วให้เขา เขาก็ปฏิบัติไม่ได้
และใจเดิมของเขาก็รังเกียจเธออย่างยิ่งอยู่แน่นอน หากว่าเธอถูกแช่แข็งอยู่ที่นี่ เกรงว่าเขาคงจะสุขสมปรีดา ยิ่งไม่ยอมช่วยเหลือเธอ…
เกรงว่าครั้งนี้คงจบเห่แล้ว!
ความคิดเธอเพิ่งแล่นมาถึงจุดนี้ ตี้ฝูอีที่อุ้มเธออยู่พลันซวนเซ ประเหมาะบังเอิญนัก ไม่น่าเชื่อว่าจะเซออกมาจากกลุ่มพายุ!
กู้ซีจิ่วที่เดิมทีกำลังจะขาดอากาศตายแล้ว แต่หลังจากออกมาได้ อากาศก็หลั่งไหลเข้าสู่โพรงจมูกเธออีกครั้ง…
เธอไอขึ้นมาเหมือนคนสำลักน้ำ ไออย่างสะท้านสะเทือนอยู่ในอ้อมแขนเขา…
คิ้วตี้ฝูอีขยับนิดๆ ฝ่ามือกระชับเข้าที่แผ่นหลังของนาง คล้ายคิดจะทำอะไร แต่สุดท้ายก็สะกดกลั้นไว้
“กลับ…กลับกระท่อม…”
เบื้องหน้าเธอมืดมัว มองไม่เห็นสีหน้าเขาแล้ว เธอพยายามใช้เรี่ยวแรงอย่างสุดกำลังถึงพอฝืนออกคำสั่งนี้ให้เขาได้
….
ในที่สุดก็กลับมาถึงในกระท่อมน้ำแข็งแล้ว
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่บนผ้านวม บนร่างห่มเสื้อคลุมขนสัตว์ตัวหนึ่งเอาไว้แต่ก็ยังรู้สึกหนาวอยู่ดี
ตัวสั่นไม่หยุด