ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2859 เจรจา 2 / บทที่ 2860 เจรจา 3
บทที่ 2859 เจรจา 2
ตี้ฝูอีหลุบตามองนาง เห็นนางหนาวจนสั่นสะท้าน ทว่าคงฝืนรอยยิ้มไว้ ความหม่นหมองจางๆ พาดผ่านนัยน์ตาแวบหนึ่ง เอ่ยเสียงเรียบ “ที่แท้ท่าน…”
เอ่ยประโยคหนึ่งออกมาอย่างโดดๆ ไร้ต้นไร้ปลาย เขาก็หันหลังเดินกลับไปแล้ว
ทั้งสองคนกลับไปที่กระท่อมน้ำแข็ง กู้ซีจิ่วยังฟื้นสภาพไม่ได้ชั่วขณะ สีหน้าซีดเขียวริมฝีปากซีดจางสั่นระริกอยู่ตลอด
ตี้ฝูอีโยนเสื้อคลุมสีแดงเพลิงตัวหนึ่งเข้ามา กู้ซีจิ่วไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรคลุมไว้ทันที
ไม่ทราบว่าเสื้อคลุมตัวนั้นทำมาจากขนสัตว์ชนิดใด อบอุ่นยิ่งนัก หลังจากเธอคลุมไว้มือเท้าร่างกายก็อบอุ่นขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ดวงหน้าน้อยๆ ที่ซีดขาวของเธอมีเลือดฝาดขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
“ท่านอยากคุยอะไรกับข้า? ว่ามาสิ” หลังจากตี้ฝูอีเอ่ยประโยคนี้ออกมาก็เริ่มจัดการกวางตัวนั้น…
กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “เปิ่นจุนรู้ว่าเจ้าอยากเพิกถอนพันธะศิษย์อาจารย์นั้น เจ้าให้เวลาข้าอีกไม่กี่ปีเถอะ ข้า…”
“เหตุใดต้องอีกไม่กี่ปี?” ตี้ฝูอีเอ่ยขัดนาง “หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ ด้วยสภาพในปัจจุบันนี้ของท่านฝึกฝนอีกสองเดือนก็กลับเป็นปกติแล้ว อย่างน้อยก็ฟื้นฟูสู่สภาพในช่วงก่อนที่ท่านจะถูกฟ้าผ่าได้”
สายตาเขาวนรอบร่างนางแวบหนึ่ง “การบาดเจ็บครั้งนี้ของท่านเป็นเพราะท่านรับอัสนีด่านเคราะห์ให้แก่ศิษย์ของท่านกระมัง? ดูจากบาดแผลแล้วท่านต้านรับให้เขาถึงสิบเก้าสายเต็ม! กล้าหาญยิ่ง! ทำให้ข้าพเจ้าเลื่อมใสนัก เพียงแต่ก็พิสูจน์ได้แล้วเช่นกัน ใช่ว่าท่านผู้สูงศักดิ์จะไม่อาจต้านรับอัสนีได้ และการเพิกถอนพันธะศิษย์อาจารย์นี้ ท่านผู้สูงศักดิ์จะถูกอัสนีฟาดใส่เก้าสาย น้อยกว่าที่ต้านรับให้ศิษย์ของท่านมากนัก! และอยู่ในขอบเขตที่ท่านรับไหว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดท่านผู้สูงศักดิ์จึงไม่ยอมเพิกถอนเล่า?”
กู้ซีจิ่วตะลึงไปแวบหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าเขาจะเข้าใจอาการบาดเจ็บของเธอแจ่มแจ้งปานนี้ แม้แต่จำนวนอัสนีด่านเคราะห์ที่เธอได้รับก็ล้วนทราบชัดเจน เสมือนเห็นมากับตา
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง “อัสนีทั้งสองชนิดมีคุณสมบัติแตกต่างกัน อัสนีด่านเคราะห์เป็นสายฟ้าเชิงบวก แต่การฝ่าฝืนสวรรค์จะได้รับทัณฑ์สายฟ้าอันเลวร้าย…”
“กล่าวก็คือท่านผู้สูงศักดิ์สามารถต้านรับสายฟ้าเชิงบวกได้แต่รับสายฟ้าลงทัณฑ์ไม่ได้?”
“ช...ใช่”
“ท่านเคยลองแล้วหรือ?”
“นี่…”
เธอยังไม่เคยจริงๆ
อย่างไรก็ตาม เธอจดจำได้รางๆ ว่าเคยมีคนต้านทานรับทัณฑ์สายฟ้าแล้ว ซ้ำยังเป็นคนที่เก่งกาจยิ่งนัก ผลคือรับไม่ไหว ถูกผ่าจนไม่เหลือแม้แต่เงา ทิ้งเงามืดที่สาหัสยิ่งนักเอาไว้ให้เธอ ทราบว่าสายฟ้าประเภทนี้ถ้าพลังยุทธ์ไม่เลิศล้ำยังคงต้านรับไม่ไหว
แน่นอน นี่เป็นเพียงความทรงจำอันเลือนรางของเธอเท่านั้นจำได้ไม่ชัดเจนเลย พูดไปเขาก็ไม่มีทางเชื่อ
เป็นความจริง ตี้ฝูยิ้มเยาะนิดๆ “เห็นทีว่าพระองค์เจ้าจะหมกมุ่นกับการรับข้าพเจ้าเป็นศิษย์เป็นพิเศษ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะใช้ข้ออ้างแบบนี้ได้ ลำบากท่านเสียแล้ว!”
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ สิ่งที่เปิ่นจุนพูดก็เป็นความจริง!”
“เหอะ…” ตี้ฝูอีหัวเราะหยันแผ่วๆ คร้านจะเอ่ยวาจากับนางอีก ก้มหน้าใช้สมาธิจัดการกวางตัวนั้นต่อ นำกวางตัวนั้นขึ้นย่างบนตะแกรง
กู้ซีจิ่วก็อึดอัดใจเช่นกัน ใต้หล้านี้มีผู้คนไม่รู้เท่าใดที่อยากกราบเข้าสังกัดเธอ เธอล้วนคร้านจะรับไว้ แค่จะรับคนผู้นี้เอาไว้สักคนกลับทำให้เธอลำบากใจขนาดนี้
และพอคิดดูให้ละเอียดแล้ว เธอรับเขาเอาไว้หลายปีเช่นนี้แล้ว ยังไม่เคยสอนอันใดให้ผู้อื่นอย่างจริงๆ จังๆ เลย
การฝืนใจผู้อื่นเช่นนี้ไม่ใช่วิสัยของเธอเลยจริงๆ
เธอหลุบตาลงนิดๆ คิดอยู่ครู่หนึ่ง คล้ายจะตัดสินใจได้แล้ว “ให้เวลาข้าสามปีเถอะ ในวันนี้ของอีกสามปีให้หลังข้ากับเจ้าจะมาเพิกถอนพันธะศิษย์อาจารย์นี้”
เป็นครั้งแรกที่นางเสนอเวลาที่ระบุเอาไว้ชัดเจนเช่นนี้แก่เขา ตี้ฝูอีผงะไปแวบหนึ่ง มองนางคราหนึ่ง มองเห็นนางนั่งกอดเข่าน้อยๆ ข้างหนึ่งอยู่ตรงนั้น มองกวางที่อยู่ในมือตนอย่างไม่ละสายตาเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะดูเปลี่ยวเหงาว้าเหว่อยู่บ้าง ราวกับทุ่มออกไปสุดตัวแล้ว
เขาใจเต้นขึ้นมานิดๆ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงรู้สึกเลวทรามอยู่บ้าง สูดหายใจเบาๆ แล้วตอบว่า “ได้!”
….
————————————————————————————-
บทที่ 2860 เจรจา 3
เขาไม่อยากเป็นศิษย์ของนาง ไม่คิดจะเป็นเช่นเดียวกับฟั่นเชียนซื่อ!
เมื่อเขาย่างกวางสุกดีแล้ว ยื่นอกกวางที่อร่อยที่สุดให้นางชิ้นหนึ่ง ซ้ำยังยื่นเหล้าหวานกาหนึ่งให้นางด้วย “มา กินนี่สิ”
กู้ซีจิ่วก็ไม่เกรงใจเช่นกัน กินเนื้อกวางพลางจิบสุราไปด้วย ลอบทอดถอนใจอยู่ภายในใจ พอมอบคำมั่นให้เขา เขาก็ปฏิบัติด้วยไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ เนื้อนี่อร่อย สุราก็รสชาติดี ซ้ำยังมีเสื้อคลุมที่ห่มอยู่บนร่างอีก เสื้อคลุมนี้ก็อบอุ่นเช่นกัน!
บางทีวันหน้าเขาอาจจะไม่ไว้หน้าเธออีกแล้วก็ได้
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว การมีชีวิตอยู่น้อยลงสองปีแลกกับความสงบสุขในปัจจุบันก็นับว่าคุ้มค่าแล้ว!
เธอกินเนื้อกวางอย่างสงบยิ่งนัก ดื่มหล้าหวานเข้าไปหนึ่งลูกน้ำเต้า จากนั้นก็ห่มเสื้อคลุมหลับไป พอตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าอยู่ในอ้อมแขนเขาอีกแล้ว
เขากับเธออยู่บนบนผ้านวมผืนเดียวกัน เธออิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของเขาเหมือนลูกแมวน้อย หนุนแขนข้างหนึ่งของเขาไว้ ขาข้างหนึ่งพาดอยู่บนเอวของเขาอย่างวางโตด้วย บนร่างยังห่มคลุมผ้าห่มนุ่มนิ่มผืนเดียวกันด้วย…
กู้ซีจิ่วกลิ้งออกมาจากอ้อมแขนของเขาราวกับหัวขโมย พยายามนึกถึงเหตุกาณณ์ก่อนที่หลับใหลไปอย่างละเอียด
เธอจำได้ว่าถึงอย่างไรเธอก็ยังหนาวอยู่บ้าง เลือดลมในร่างติดขัด พอกินอิ่มก็ง่วง จากนั้นก็ฟุบลงบนผ้านวม…
จำไม่ได้ว่าเป็นฝ่ายมุดเข้าหาอ้อมแขนของเขานะ!
แล้วมานอนเกยกันอย่างใกล้ชิดแบบนี้ได้ยังไง? แถมยังห่มผ้าผืนเดียวกันอีก เหมือนคู่สามีภรรยาในแดนมนุษย์เลย
โชคดีที่ว่าที่นี่ไม่มีบุคคลที่สามมาพบเห็นเขา มิเช่นนั้นต่อให้เธอมีปากอยู่ทั่วตัวก็คงอธิบายได้ไม่กระจ่างแล้ว!
“ตื่นแล้วหรือ? รู้สึกอย่างไรบ้าง?” ตี้ฝูอีก็ลุกขึ้นนั่งแล้ว สายตาที่เพ่งพิศเธอดูอบอุ่น
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “ทำไมข้าถึงมุดเข้าไปในอ้อมกอดของเจ้าได้ล่ะ?”
ตี้ฝูอีปรบมือ “ถามได้ดี!เดิมทีข้านอนอยู่ตรงนี้ดีๆ ท่านก็กลิ้งเข้ามา ดึงแขนข้าแล้วมุดเข้ามา ผลักยังไงก็ผลักไม่ไป ทำได้เพียงโอบท่านนอนเท่านั้น”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
ตอนนอนเธอชอบกลิ้งวุ่นวายไปทั่วเตียงจริงๆ
บางทีอาจเป็นเพราะจิตใต้สำนึกของตนรู้ว่าซุกอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วจะฟื้นฟูได้เร็ว ดังนั้นหลังจากหลับไปจึงเป็นฝ่ายเข้าไปอิงแอบด้วยตัวเอง
ตี้ฝูอีบิดเอว ถอนหายใจ “ท่อนแขนของข้าล้วนถูกท่านหนุนจนชาไปหมดแล้ว”
“เจ้าไม่ควรมานอนตรงนี้” กู้ซีจิ่วเอ่ยอย่างเต็มปากเต็มคำ
“อ่อ เช่นนั้นข้าควรนอนตรงไหนเล่า? หรือว่าท่านคิดจะให้ข้าไปนอนนอกกระท่อม?”
“ย่อมมิใช่…อันที่จริงเจ้าสร้างกระท่อมน้ำแข็งอีกหลังก็ได้นี่”
“ได้จริงๆ นั่นแหละ เพียงแต่ เครื่องเรือนสำหรับจัดวางด้านในข้าเตรียมไว้เพียงชุดนี้ชุดเดียว ถ้าสร้างขึ้นมาอีกหลังก็เป็นห้องว่างโล่งเตียนแล้ว ด้านในไม่มีความอบอุ่นเช่นนี้ หรือไม่เช่นนั้น ข้าสร้างอีกหลัง แล้วท่านย้ายไปอยู่ไหมล่ะ?”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกแล้ว
ถึงแม้เธอจะไม่ได้พิถีพิถันกับการดำรงชีวิต แต่ถ้าให้เธอที่อยู่ในสภาพอ่อนแอไปนอนอยู่ในกระท่อมน้ำแข็งเปล่าๆ เกรงว่านอนแล้วคงป่วยแน่
แต่ถ้าให้ผู้อื่นไปนอนก็ดูจะไร้คุณธรรมเช่นกัน…
ช่างเถอะ! นอนหลังเดียวกันก็นอนหลังเดียวกันเถอะ ถึงยังไงก็ไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว อีกทั้งตี้ฝูอีก็ไม่ใช่คนปากมากด้วย ไม่มีทางแพร่งพรายออกไป
ขอเพียงตอนนอนเธอระมัดระวังไม่ให้กลิ้งไปทั่วอีกก็พอแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นคือการนอนในอ้อมแขนของเขา ก็ฟื้นฟูพลังยุทธ์ได้เร็วขึ้นด้วย
กู้ซีจิ่วไม่พะวงแล้ว ตรวจสอบร่างกายดูเล็กน้อย ตื่นเต้นยินดีที่ค้นพบว่าพลังวิญญาณในร่างสามารถโคจรได้เล็กน้อยแล้ว นั่งสมาธิอย่างมั่นคงได้แล้ว
เธอเงยหน้าถามเขา “เจ้าจะไปจากที่นี่เมื่อไหร่?”
ตี้ฝูอีขยับคิ้วแวบหนึ่ง “ไล่ข้าหรือ?”
“ไม่ใช่สักหน่อย ข้าอยากขอร้องเจ้าสักเรื่อง”
“เรื่องใด?”
“หากว่าเจ้าจะจากไปในสองวันนี้ ก็ช่วยทิ้งข้าวของในกระท่อมหลังนี้ของเจ้าไว้ให้ข้าชั่วคราวได้ไหม? รอเจ้าเข้ามาครั้งหน้าค่อยมาเก็บกลับไป ใช่แล้ว เนื้อกวางนี้ก็อย่าได้โยนทิ้งอีกเลย ยกให้ข้าเถอะ ข้าจะใช้เป็นเสบียงในช่วงไม่กี่วันนี้”
เธอวางแผนไว้แจ่มแจ้งยิ่ง ตอนนี้เธอโคจรพลังได้แล้ว แต่ยังต้องกินอาหารอยู่ พักฟื้นเช่นนี้ไปอีกสามวัน คาดว่าเธอคงดูแลตัวเองได้แล้ว
————————————————————————————-