ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2865 หาคนมาแต่งด้วย / บทที่ 2866 หาคนมาแต่งด้วย 2
บทที่ 2865 หาคนมาแต่งด้วย
ฟั่นเชียนซื่อไม่สบอารมณ์ “เป็นใครก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า!”
อินหมิงจูกำหมัดแล้ว “เป็นนางจริงๆ สินะ?! ข้าได้ยินว่าเจ้าบาดเจ็บครั้งนี้ก็เป็นนางที่เฝ้าดูแลอยู่ข้างกายเจ้าตลอด…”
“ข้าเห็นนางเป็นแค่ศิษย์น้องเท่านั้น!”
“เช่นนั้นเป็นผู้ใด? ข้าไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะยังมีผู้ใดที่ดีไปกว่าข้าอยู่!”
ฟั่นเชียนซื่อสูดหายใจเบาๆ เอ่ยอย่างเยือกเย็น “ข้ามีคนในใจแล้วจริงๆ ในใจข้า นางคือเทพเจ้าของข้า สตรีทั้งหมดบนโลกนี้รวมกันแล้วยังเทียบไม่ได้แม้สักนิ้วหนึ่งของนาง”
อินหมิงจูทึ่มทื่อไปทันที “เทพเจ้า? หรือจะเป็น…พระองค์เจ้า?”
สีหน้าฟั่นเชียนซื่อแปรเปลี่ยนเล็กน้อย “อย่าได้คาดเดาส่งเดช! นางจะเป็นใครก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า สรุปด้วยประโยคเดียวคือ ชีวิตนี้ถ้าไม่ใช่นางข้าก็ไม่แต่ง! เว้นแต่ว่านางจะออกเรือนไปกับผู้อื่น…”
อินหมิงจูทึ่มทื่อไปครู่หนึ่ง สะอื้นไห้แล้ว “ข้าก็จะมอบให้เจ้าประโยคหนึ่งเช่นกัน เว้นแต่เจ้าจะแต่งงานแล้ว มิเช่นนั้นข้าก็ไม่ถอดใจเช่นกัน! ตราบใดที่เจ้ายังไม่แต่งงานข้าก็จะตอแยเจ้าไปเรื่อยๆ!”
พลันกระทืบเท้าหันหลังจากไปเลย
เกือบจะชนกับอูเชียนเหยียนที่เดินเข้าประตูมาพอดี สะดุดโงนเงน
อูเชียนเหยียนยังให้เกียรตินางยิ่งนัก รีบยื่นมือเข้าไปประคองนาง ขณะที่คิดจะเอ่ยว่าเป็นอย่างไรบ้าง กลับถูกอินหมิงจูผลักออกอย่างรุนแรง ด้วยเหตุนี้นางจึงได้แต่เบิกตามององค์หญิงผู้นี้จากไปปานพายุบุแคม
“นายน้อย ท่านไปยั่วยุอะไรนางเข้า?” อูเชียนเหยียนวางถาดใบหนึ่งลงบนโต๊ะ ในถาดคือยารักษาแผล
สุ้มเสียงของฟั่นเชียนซื่อเฉยเมยยิ่ง “ไม่ต้องไปสนใจนางหรอก ปล่อยนางไป มีข่าวอาจารย์บ้างไหม?”
อูเชียนเหยียนส่ายหน้านิดๆ “ไม่มีเจ้าค่ะ”
ฟั่นเชียนซื่อเหม่อลอยไปครู่หนึ่ง พลันย่างเท้าก้าวออกไป อูเชียนเหยียนรีบตามเขาไป “นายน้อย จะไปไหนเจ้าคะ?”
“ล้วนเป็นตัวไร้ประโยชน์! คนมากมายขนาดนี้แม้แต่คนตัวเป็นๆ คนเดียวก็หาไม่เจอ! ข้าจะไปตามหาด้วยตัวเอง!”
“นายน้อย บาดแผลบนร่างท่านยังไม่หายดีนะเจ้าคะ ไม่เหมาะจะตรากตรำเกินไป ท่านวางใจเถิด อาจารย์นางเป็นผู้อาวุโสที่มีวรยุทธ์เลิศล้ำปานนั้น ไม่เกิดเรื่องขึ้นหรอกเจ้าค่ะ คาดว่าอีกไม่กี่วันก็คงจะกลับมาแล้ว”
“ประโยคนี้เจ้าพูดมาแปดร้อยรอบแล้ว! อีกไม่กี่วัน อีกไม่กี่วัน แล้วมันอีกกี่วันกันเล่า?!” ฟั่นเชียนซื่อฉุนเฉียวอย่างยิ่ง “ข้าเป็นห่วงว่านางจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น มิเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ติดต่อมาเลย”
“พระองค์เจ้าไปมาไม่แน่นอนอยู่เสมอ ปกติก็มีช่วงที่ไม่ติดต่อมาหาเลยอยู่บ่อยครั้ง นายน้อยไม่จำเป็นต้องกังวล…”
“เจ้าจะไปรู้อะไร!” ฟั่นเชียนซื่อหยันเสียงเย็น ยังคงสาวเท้าก้าวออกไปด้านนอก
“บางทีพระองค์เจ้าอาจจะจงใจหลบหน้าท่านก็ได้!” ในที่สุดอูเชียนเหยียนก็ตะโกนออกมาแล้ว
ฟั่นเชียนซื่อชะงักฝีเท้า หันกลับมาทันที “เจ้าว่ายังไงนะ?!” น้ำเสียงแฝงความอึมครึมสายหนึ่งไว้
อูเชียนเหยียนก็คงจะอดกลั้นไว้นานแล้ว พอได้ตะโกนออกมา จึงเอ่ยความในใจทั้งหมดออกมาเสียเลย “ท่านก็รู้ดี กับอาจารย์แล้ว…ท่านมีความรู้สึกที่เกินเลยนอกลู่นอกทางต่ออาจารย์ อาจารย์โกรธเกรี้ยวยิ่ง ถึงลงโทษท่านเช่นนั้น…นายน้อย หรือท่านยังได้รับบทเรียนไม่พออีก? ยังคิดจะยั่วโมโหผู้อาวุโสเช่นนางอีกหรือ นายน้อย พระองค์เจ้า…พระองค์เจ้าเป็นอาจารย์ของท่านนะ ท่านไม่สมควร…ขอท่านโปรดละวางความคิดนี้เสียเถิด…อย่าได้หมกมุ่นยึดติดเลย…”
สายตาฟั่นเชียนซื่อหนาวยะเยือก “แม้แต่เจ้าก็เอ่ยเช่นนี้หรือ? นางเป็นอาจารย์ของข้าแล้วอย่างไรเล่า?! บนโลกนี้มิได้ห้ามความรักระหว่างศิษย์อาจารย์มิใช่หรือ?”
“แต่…แต่นางคือพระองค์เจ้าเทพผู้สร้างโลกนะ ไม่อาจ…ไม่อาจปฏิบัติด้วยเยี่ยงอาจารย์ทั่วไปได้”
ฟั่นเชียนซื่อยิ้มเย็น “เทพผู้สร้างโลกแล้วอย่างไรเล่า? ในสายตาของข้า นางมิใช่เป็นเพียงอาจารย์เท่านั้น แต่เป็นสตรีคนหนึ่งด้วย และข้าก็เป็นบุรุษเพียงคนเดียวที่คู่ควรกับนาง และมีเพียงนางเท่านั้นที่คู่ควรกับข้า”
ประโยคนี้ผิดทำนองคลองธรรมยิ่งนัก
ใบหน้าพริ้มเพราของอูเชียนเหยียนซีดขาวแล้ว “นายน้อย อย่าได้เอ่ยเช่นนี้ ถ้าอาจารย์ทราบเข้าจะต้องโมโหมากแน่ๆ ไม่แน่ว่าอาจจะลงโทษท่านอีก ขับท่านออกจากสังกัดไปจริงๆ…”
————————————————————————————-
บทที่ 2866 หาคนมาแต่งด้วย 2
ฟั่นเชียนซื่อเสมือนถูกต่อย กำมือแน่น คงเป็นเพราะในที่สุดเขาก็ได้เอ่ยสิ่งที่อยู่ในใจออกมาแล้ว ยามนี้จึงไม่สนใจอะไรทั้งนั้นอยู่บ้าง “เว้นแต่นางจะออกเรือนไปกับผู้อื่น หาไม่แล้วข้าก็ไม่ถอดใจ! แม้ว่านางจะขับข้าออกจากสังกัดจริงๆ ข้าก็ทุ่มชีวิตเพื่อกลับมาอยู่ข้างกายนางให้ได้!”
อูเชียนเหยียนตะลึงงันไปแล้ว!
กู้ซีจิ่วปวดประสาทแล้ว!
เธอใคร่ครวญอยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง ไม่เผยกาย เลือกที่จะจากไปทันที
….
‘เว้นแต่นางจะออกเรือนไปกับผู้อื่น หาไม่แล้วข้าก็ไม่ถอดใจ’
ประโยคนี้ของฟั่นเชียนซื่อก้องสะท้อนอยู่ในสมองกู้ซีจิ่วเป็นระยะๆ ตลอดทางนี้เธอใคร่ครวญอยู่ตลอดว่าจะทำอย่างไรดี
ตอนนี้เขาเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของนาง ไม่อาจขับออกไปได้
อีกอย่างเขาก็ยอมทุ่มเทจริงๆ ต่อให้เธอไล่เขาออกไปจากสังกัดก็ไม่อาจขจัดความคิดนี้ของเขาได้
และเธอก็ไม่อาจสังหารเขาให้ตายด้วยเหตุนี้ได้…
ดูเหมือนจะคิดวิธีที่ลำบากหนเดียวแต่สบายไปชั่วชีวิตออกอย่างหนึ่ง…อาทิเช่น เธอหาคนมาแต่งด้วยสักคน…
เพียงแต่จะแต่งกับผู้ใดก็เป็นปัญหายิ่งนักเช่นกัน อายุขัยเธอเหลืออยู่สามปี เรื่องที่เธอต้องกระทำในสามปีนี้มีมากมายยิ่งนัก ไม่มีเวลามาจัดการปัญหารักๆ ใคร่ๆ ต่อให้แต่งกับผู้อื่นก็เป็นการเล่นละครหลอกศิษย์เท่านั้น มิใช่แต่งจริง…
อีกทั้งฟั่นเชียนซื่อก็เฉลียวฉลาด ถ้าเธอสุ่มเลือกคนมาแต่งส่งเดช เกรงว่าเขาคงไม่เชื่อ หากว่าถูกเขาจับได้ผลลัพธ์คงไม่โสภา ไม่แน่ว่าอาจจะไปกระตุ้นนิสัยเจ้าทิฐิของเขาเข้า ไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาบ้าง
ตอนเธอยังมีชีวิตอยู่ ฟั่นเชียนซื่ออาจจะไม่กล้าทำอันใดคนผู้นี้ แต่ทันทีที่เธอดับขันธ์ไป เกรงว่าคนผู้นี้คงตกเป็นเป้าระบายเพลิงพิโรธของฟั่นเชียนซื่อ อาจจะถึงขั้นเอาชีวิตเลยก็ได้
กู้ซีจิ่วไม่อยากทำร้ายคนอื่น ดังนั้นคนที่เธอกำลังมองหาอยู่จะต้องเป็นโสด และแข็งแกร่งมากพอ เลิศล้ำเพียงพอ และต้องไม่หลงรักเธอจริงๆ ด้วย ดีที่สุดคือเป็นเพียงการค้าอย่างหนึ่งเท่านั้น เช่นนี้ถึงจะตัดปัญหายุ่งยากในภายภาคหน้าได้
เป็นไปได้ว่าฟั่นเชียนซื่อจะเชื่อ และยอมถอดใจไปจริงๆ
เธอควรจะไปหาใครดีล่ะ?
บุรุษเลิศล้ำเป็นโสดที่กู้ซีจิ่วรู้จักแวบเข้ามาในสมองทีละคน สุดท้ายก็พบว่าไม่เหมาะสมเลยสักคน
บ้างก็วรยุทธืไม่ถึงขั้น บ้างก็คุณสมบัติไม่ค่อยดี บ้างก็มีความคิดต่อเธออย่างแท้จริง แต่เธอไม่อยากทำให้เรื่องเท็จกลายเป็นจริง…
ไม่รู้ว่าทำไม เธอนึกถึงตี้ฝูอีขึ้นมา
ตี้ฝูอีเลิศล้ำมากพอ คุณสมบัติในหลายๆ ด้านของเขาแทบจะพิฆาตฟั่นเชียนซื่อได้เลย แถมเขายังเฉยชาต่อเธอมาโดยตลอดด้วย ไม่มีทางหลงรักเธอแน่…
เมื่อนึกดูเช่นนี้แล้ว ในบรรดาชายหนุ่มผู้มีความสามารถที่เธอรู้จัก เขาเป็นเพียงคนที่ตรงตามความต้องการของเธอที่สุด
แต่มีเพียงจุดเดียวที่ไม่ดีคือ คนผู้นี้ค้าขายด้วยยากนัก และพูดคุยด้วยยาก ซ้ำตัวคนยังผยององอาจยิ่ง มิใช่คนที่เธอจะเอาสมบัติวิเศษอันใดไปแลกเปลี่ยนด้วยได้
แค่เรื่องรับศิษย์ ก็ล่วงเกินเขาไว้มากพอแล้ว หากว่าขอให้เขามาช่วยเล่นละครกับเธออีก เกรงว่าเขาคงนึกว่าเธอมีปัญหาทางจิต หรืออาจคิดว่าเธอมีแผนการต่อเขา รับเป็นศิษย์ไม่สำเร็จจึงคิดจะจับทำสามี…
ดังนั้นจะใช้เขาไม่ได้!
กู้ซีจิ่วจึงตัดเขาออกจากตัวเลือกทันที
เช่นนั้น เธอควรจะไปหาใครดีล่ะ?
กู้ซีจิ่วหดหู่นัก เธอหดหู่จริงๆ!
เธอเตร็ดเตร่ไปอย่างไร้จุดหมายอยู่สองวัน ก็ยังหาตัวเลือกที่เหมาะไม่ได้
และถึงเวลาที่เธอนัดหมายกับตี้ฝูอีไว้แล้ว จึงได้แต่ไปหาตามนัดก่อน
จุดที่เธอกับตี้ฝูอีนัดหมายกันคือเมืองแห่งหนึ่งตรงปากทางเข้าของภพมาร
ภพมารเปี่ยมด้วยไอมาร ถ้าคนธรรมดาเข้าไปจะถูกไอมารโจมตีได้ง่ายดายยิ่ง ร่างกายได้รับความเสียหาย
ถ้าคนที่มิใช่มารคิดจะเข้าสู่ภพมาร จำเป็นจะต้องหาซื้อหญ้าต้านมารชนิดหนึ่งจากร้านค้าพิเศษบางแห่งภายในเมืองแห่งนี้ ถึงจะเข้าไปได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล
กู้ซีจิ่วเป็นเทพผู้สร้างโลก ร่างกายมีความพิเศษ ย่อมไม่กริ่งเกรงไอมาร ไม่ต้องการหญ้าต้านมารชนิดนี้ แต่ตี้ฝูอีน่าจะต้องการ ดังนั้นเมื่อเขานัดรวมตัวที่นี่ กู้ซีจิ่วไม่รู้สึกแปลกใจสักนิดเลย
————————————————————————————-