ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2871 แต่งกับข้า 4 / บทที่ 2872 สินเดิมและสินสอด
บทที่ 2871 แต่งกับข้า 4
กู้ซีจิ่วเพียงทำเป็นมองไม่เห็นการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของเขา “ท่านอ๋องต่อสู้อยู่ที่นี่นานถึงเพียงนี้แล้ว ก่อความเคลื่อนไหวขึ้นไม่น้อยเลย ทว่าไม่ได้สร้างความตื่นตกใจแก่ทหารมารที่มาเฝ้าอยู่ตรงเชิงยอดเขาเหล่านั้นเลย เจ้าไม่แปลกใจบ้างหรือ?”
อันที่จริงอินจิ่วซือก็ค่อนข้างฉงนเช่นกัน เขานึกว่าจะมีทหารมารขึ้นมาตรวจสอบเสียอีก เขาถึงขั้นที่ใคร่ครวญอยู่ในใจแล้วว่าจะรับมืออย่างไร กลับคาดไม่ถึงว่าไม่มีผู้ใดขึ้นมาตรวจสอบเลย
เขาก็เป็นคนฉลาดเหมือนกัน พลันนึกอะไรขึ้นมาได้ “เป็นพระองค์เจ้าที่ช่วยเหลือเสี่ยวหวาง?”
กู้ซีจิ่วตอบเรียบๆ “ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเจ้าหรอก แค่ติดตั้งเขตแดนหนึ่งไว้บนยอดเขานี้ ทำให้เสียงทั้งหมดบนนี้ไม่แว่วออกไปเท่านั้น”
นี่ก็ช่วยเหลือเขามากนักแล้ว!
อินจิ่วซือค้อมกายคารวะ “ขอบพระคุณพระองค์เจ้า!”
เขายังมีข้อสงสัยอยู่บ้าง “เสี่ยวหวางขอบังอาจเรียนถามสักประโยค ไม่ทราบว่าพระองค์เจ้ามาปฏิบัติกรณียกิจอันใดที่นี่หรือขอรับ? หรือว่ามาเพื่อช่วยเหลือเสี่ยวหวางโดยเฉพาะ?”
กู้ซีจิ่วยิ้มแวบหนึ่ง “เปิ่นจุนมาเจรจาการค้าอย่างหนึ่งกับเจ้า”
“การค้า? การค้าอันใดหรือขอรับ?”
อินจิ่วซือมองนางอย่างแปลกใจ
พระองค์เจ้าเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกนี้ ยังมีเรื่องอันใดที่ไม่อาจสะสางเองได้ จนต้องมาเจรจาการค้ากับผู้อื่นอีกหรือ?
กู้ซีจิ่วกล่าวไปว่า “เปิ่นจุนเพิ่งช่วยเหลือเจ้าไป ทำให้เจ้าไม่ถูกเปิดโปงชั่วคราว แต่เจ้ายังต้องลงจากเขาอยู่ ยามลงจากเขาหากเจ้าลงไปตัวคนเดียว จะต้องชักนำให้ทหารมารเหล่านั้นเกิดความสงสัยแน่นอน ชักนำมาซึ่งความพัวพันวุ่นวาย ยังไม่แน่ว่าเจ้าจะสามารถปลีกตัวไปอย่างรวดเร็วได้ เรื่องพวกนี้เจ้าเคยคิดบ้างไหม?”
อินจิ่วซือถอนหายใจ เขาย่อมเคยคิด แต่ก่อนหน้านี้ถูกบีบคั้นจนอับจนหนทาง เลยได้แต่ลงมือก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ยามนี้พอได้ยินกู้ซีจิ่วกล่าวเช่นนี้ เขาจึงเอ่ยถามอย่างจริงใจ “คาดว่าพระองค์เจ้าคงมีวิธีแล้วกระมัง?”
“แน่นอน ขอเพียงเจ้าตอบรับเงื่อนไขของเปิ่นจุน เปิ่นจุนก็จะคลี่คลายให้เจ้า รับประกันว่าจะให้เจ้าได้กลับออกไปอย่างปลอดภัย”
หัวใจอินจิ่วซือกระสับกระส่าย ไม่รู้ว่านางจะมีภารกิจขึ้นเขาลงห้วยบุกน้ำลุยไฟอันใดที่ต้องการให้ตนไปทำ สูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่งแล้วค้อมกายเอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าพระองค์เจ้าต้องการให้เสี่ยวหวางกระทำเรื่องใดขอรับ? ขอเพียงเสี่ยวหวางทำได้ เสี่ยวหวังก็ยินดีทุ่มชีวิตนี้ และจะพยายามทำให้พระองค์เจ้าอย่างสุดความสามารถ”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้น อันที่จริงเงื่อนไขของเปิ่นจุนง่ายดายยิ่ง เจ้าทำได้สบายมาก”
“เงื่อนไขใดขอรับ?”
“แต่งงานกับเปิ่นจุน”
อินจิ่วซือตกตะลึง!
พัดในมือของเขาร่วงลงพื้นทันที แทบจะนึกว่าตนหูฝาดไปแล้ว!
มิใช่กระมัง? หรือว่าพระองค์เจ้าก็หลงรักเขาด้วย?
เขารู้มาโดยตลอดว่าตัวเองมีเสน่ห์ยิ่งนัก ทว่านึกไม่ถึงเลยว่าจะมีขนาดนี้! อยู่ดีๆ ก็มีลาภก้อนโตตกใส่ศีรษะ! กระแทกจนเขามึนงงแล้ว
เขาติดอ่างอย่างที่เห็นได้ยาก “ตะ…แต่งงานกับพระองค์?”
โชคดีที่ต่อมากู้ซีจิ่วยังเอ่ยอธิบายต่อด้วย “แน่นอนว่าเป็นการแต่งกันปลอมๆ เจ้าต้องเล่นละครเป็นสามีภรรยากับเปิ่นจุนเพียงสามปีเท่านั้น”
อินจิ่วซือพูดไม่ออกแล้ว
ถึงแม้เขาจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดพระองค์เจ้าต้องแสดงละครฉากนี้ แต่เขากลับไม่มีช่องให้ปฏิเสธได้เลย สุดท้ายเขาจึงตอบตกลง
กู้ซีจิ่วไม่นึกเลยว่ามาภพมารเที่ยวนี้จะสะสางปัญหาใหญ่ข้อหนึ่งได้ นัยน์ตานางหยีโค้ง “วางใจเถิด ขอเพียงเจ้าปฏิบัติภารกิจนี้ได้สำเร็จ เปิ่นจุนก็จะไม่เอาเปรียบเจ้า”
เธอพลันหันหลัง จำแลงลักษณ์เป็นเมิ่งหลิวเซียงผู้นั้น เยื้องย่างงามสง่า “ไปเถอะ”
อินจิ่วซือชะงักไปแวบหนึ่ง ในที่สุดก็เชื่อในฐานะของนางแล้ว ผู้ที่สามารถจำแลงกายเป็นผู้อื่นได้ในชั่วพริบตา ซ้ำยังสมจริงขนาดนี้ คงจะมีเพียงพระองค์เจ้าคนเดียว…
เขาก้าวตามไป
“หลังจากออกจากที่นี่แล้วเจ้าจะไปไหน?” กู้ซีจิ่วเอ่ยถามเขาไปเรื่อย
มาถึงขั้นนี้ อินจิ่วซือก็ไม่ปิดบังนางอีก “เสี่ยวหวางจะไปพบราชครูที่เมืองหวงไหลขอรับ”
กู้ซีจิ่วใจเต้นนิดๆ “เจ้ามีนัดกับเขาหรือ?”
อินจิ่วซือพยักหน้า “พวกเรานัดหมายกันไว้ว่าวันนี้จะพบกันที่หอฟ้าพรั่งของเมืองหวงไหลในยามเว่ยหนึ่งเค่อ”
————————————————————————————-
บทที่ 2872 สินเดิมและสินสอด
แววตากู้ซีจิ่ววูบไหวนิดๆ ช่วงเวลานี้ห่างจากช่วงนัดหมายของเธอกับตี้ฝูอีหนึ่งเค่อ
ช่วงเวลาที่ตี้ฝูอีนัดหมายเธอไว้คือยามเว่ยสองเค่อ และเป็นสถานที่เดียวกันด้วย
หรือว่าแผนการเดิมที่ตี้ฝูอีวางไว้คือพบกับอินจิ่วซือเพื่อรับหญ้าต้านมารมาก่อน แล้วค่อยพบกับเธอ จากนั้นทั้งสามคนจะเข้าสู่ภพมารพร้อมกัน
ในเมื่อทุกคนต่างมีปลายทางเดียวกัน เช่นนั้นมิสู้ไปพบพร้อมกันเลย ลดความวุ่นวายลง
ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงเล่าถึงการนัดหมายของตนกับตี้ฝูอีร่วมถึงความคิดของตนออกมา อินจิ่วซือย่อมเห็นด้วย
หากว่าได้รับความช่วยเหลือจากเทพผู้สร้างโลกด้วย ไยงานใหญ่ของเขาจะไม่ลุล่วงอีกเล่า?
ด้วยความช่วยเหลือของกู้ซีจิ่ว อินจิ่วซือจึงเดินทางลงเขาได้ราบรื่นยิ่ง ไม่ชักนำให้ทหารมารเหล่านั้นเกิดความสงสัยขึ้นมาเลยสักนิด
อินจิ่วซือนัดแนะกับกู้ซีจิ่วเอาไว้ก่อนแล้ว แสร้งทำเป็นพูดคุยต่อหน้าทหารมารเหล่านั้นว่า “หลิวเซียง เจ้ากลับไปที่เมืองซิวหลัวก่อนเถอะ ข้ายังต้องไปที่อื่นต่อ กลับไปแล้วจะไปหาเจ้าอีกครั้ง”
กู้ซีจิ่วพยักหน้า “ได้! ข้าผู้เป็นท่านหญิงจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองซิวหลัว” พลันกระโจนขึ้นหลังกระเรียนเซียนสีดำตัวหนึ่ง กระพือปีกจากไป
อินจิ่วซือก็ขี่กระเรียนดำอีกตัวไปยังทิศทางอื่น
ทหารมารเหล่านั้นอดยิ้มไม่ได้ พากันพูดคุยอยู่ตรงนั้น รู้สึกว่าท่านหญิงหลิวเซียงช่างตาบอดโดยแท้ถึงได้มาต้องตาคนที่มีดีแต่เปลือกนอกเช่นนี้
สุดท้ายก็ได้แต่ทอดถอนใจคราหนึ่งทำไมพวกเขาถึงไม่มีวาสนาดีๆ เช่นนี้บ้างหนอ โดยที่ไม่รู้เลยว่าท่านหญิงหลิวเซียงตัวจริงยังอยู่บนยอดเขา และไม่ได้ยินประโยคเหล่านี้ของพวกเขาแล้ว
….
หลังจากกู้ซีจิ่วขี่กระเรียนเซียนไปได้กว่าสิบลี้ ก็ใช้วิชาเคลื่อนย้ายทันที
ไปรวมตัวกับอินจิ่วซือที่ปากทางเข้าภพมาร จากนั้นก็ออกมาด้วยกัน
ถึงแม้เมืองหวงไหลจะเป็นเมืองของแดนมนุษย์ แต่ถึงอย่างไรก็อยู่ใกล้กับทางเข้าภพมาร ดังนั้นชาวภพมารจึงมาที่เมืองนี้อยู่เสมอเช่นกัน
ที่นี่มีกฎข้อหนึ่งที่ไม่ได้ระบุเอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษรคือ ไม่อนุญาตให้มารมนุษย์ต่อสู้กัน ผู้ที่ฝ่าฝืนกฎต้องถูกประหารสถานเดียว
ดังนั้นมนุษย์มารของที่นี่จึงอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
หอฟ้าพรั่งเป็นหอสุราที่ดีที่สุดในเมืองหวงไหล ชนชั้นสูง ขุนนางของภพมาร ภพมนุษย์ต่างชอบมาใช้บริการเป็นแขกของที่นี่
ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่า เถ้าแก่ที่อยู่เบื้องหลังหอฟ้าพรั่งก็คืออินจิ่วซือ
เขามีห้องรับรองส่วนตัวอยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาพร้อมด้วยกู้ซีจิ่วจึงเข้าไปในห้องรับรองทันที รอคอยการมาถึงของตี้ฝูอี
ระดับความเร็วของพวกเขานับว่าว่องไว มาถึงเร็วไปครึ่งชั่วยาม ตี้ฝูอียังไม่มา
อินจิ่วซือสั่งการให้ผู้ดูแลร้านจัดเตรียมชาที่ดีที่สุดมา ทั้งสองคนจิบชาพลางรอคอย
กู้ซีจิ่วไม่สะดวกจะปรากฏตัวที่นี่ด้วยฐานะจริง ดังนั้นหลังจากเข้าเมืองแล้วเธอจึงจำแลงกายเป็นสตรีชาวมารทั่วไป เดิมทีอินจิ่วซือก็ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้อยู่แล้ว ข้างกายมักจะมีโฉมงามอยู่เป็นพรวนเสมอ ข้างกายเขามีสตรีนางหนึ่งติดสอยห้อยตามก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติเลย ดังนั้นพอกู้ซีจิ่วเดินทางเข้าพร้อมกับเขา จึงไม่ดึงดูดความสงสัยของผู้ใดเลย
….
อินจิ่วซือเป็นยอดฝีมือด้านการชงชาคนหนึ่ง ชาในกาที่เขาชงหอมหวานกลมกล่อม ทิ้งรสอบอวลอยู่เนิ่นนาน
กู้ซีจิ่วมองท่วงท่าการชงชาอันทำให้คนเจริญหูเจริญตาของเขา แล้วเม้มปากจิบชากระจ่างที่เขาชงออกมาคำหนึ่ง ในใจยังคงยินดีนัก หารือเรื่องการจัดงานวิวาห์ในวันหน้ากับเขา
ตามความตั้งใจของเธอ เรื่องนี้ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี เลี่ยงไม่ให้ยิ่งนานไปก็ยิ่งมีอุปสรรค และต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่ด้วย ดีที่สุดคือให้คนของหกภพภูมิล้วนทราบกันทั่ว
เรื่องนี้สำหรับอินจิ่วซือแล้ว มีแต่ผลดีไม่มีผลเสีย เขายอมตอบตกลงอย่างเต็มปาก
จนกระทั่งยามนี้เขาก็ยังรู้สึกเหมือนตนกำลังฝันหวานอยู่! ไม่คล้ายว่าเป็นความจริง
หากว่าตี้ฝูอีช่วยเหลือเขา เขาก็ต้องก้าวไปทีละขั้นๆ วางแผนไปทีละขั้นๆ สุดท้ายถึงจะทำสำเร็จก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามปี ระหว่างนั้นไม่ทราบว่าจะพานพบอันตรายมากน้อยเพียงใด
แต่หากว่าเขาได้แต่งกับเทพผู้สร้างโลก การครองตำแหน่งราชันแห่งภพมารก็จะเป็นเรื่องที่ชอบธรรมตามเหตุผล! และได้รับการแรงสนับสนุนจากขุนนางและปวงประชาทั้งหมดของภพมารด้วย