ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2873 สินเดิมและสินสอด 2 / บทที่ 2874 สินเดิมและสินสอด 3
บทที่ 2873 สินเดิมและสินสอด 2
แต่หากว่าเขาได้แต่งกับเทพผู้สร้างโลก การครองตำแหน่งราชันแห่งภพมารก็จะเป็นเรื่องที่ชอบธรรมตามเหตุผล!
และได้รับแรงสนับสนุนจากขุนนางและปวงประชาทั้งหมดของภพมารด้วย ถ้าโชคดี ถ้าเขาพยายามต่อไปอีกอาจจะสามารถรวมหกภพให้เป็นหนึ่งด้วยก็ได้!
ลาภใหญ่เช่นนี้หล่นใส่หัว ในขณะที่เขายินดียิ่งนักก็หวาดหวั่นอยู่บ้างเช่นกัน รู้สึกอยู่เสมอว่านี่คือความฝัน เมื่อตื่นจากฝันแล้วจะไม่เหลืออะไรเลย
เพื่อพิสูจน์ความจริง เขาจึงหยิกขาตัวเองอย่างแรง!
เจ็บจนน้ำตาเขาจะไหลออกมาแล้ว!
เขาดีใจจนแทบอยากจะกระโดดขึ้นมา คิดดูเล็กน้อย หยิบพู่หยกสีเขียวมรกตชิ้นหนึ่ง มุกราตรีขนาดเท่ากำปั้นเม็ดหนึ่งออกมาจากร่าง คิดๆ แล้วก็รู้สึกว่ายังไม่พอ จึงหยิบกริชเล่มหนึ่งที่สร้างขึ้นจากเหล็กไหลกับยาลูกกลอนสีคล้ำเม็ดหนึ่งออกมาวางไว้บนโต๊ะ ดันไปไว้ตรงหน้ากู้ซีจิ่ว “ขอพระองค์เจ้าโปรดรับสิ่งเหล่านี้ไว้ด้วย”
กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
ใบหน้าหล่อเหลาของอินจิ่วซือแดงนิดๆ “นี่คือสินสอดจากเสี่ยวหวาง ถึงแม้จะเรียบง่ายไปสักหน่อย แต่ก็เป็นทรัพย์สินทั้งหมดที่เสี่ยวหวางสามารถนำออกมาได้ในยามนี้แล้ว ขอพระองค์เจ้าอย่าได้รังเกียจ วันหน้าเสี่ยวหวางจะเพิ่มเติมให้อีก”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
เธอก็เป็นผู้รู้จักประเมินคุณค่าคนหนึ่ง ทราบว่าพู่หยกนั้นคือหยกชั้นเลิศ มุกราตรีก็แฝงจิตวิญญาณไว้แล้ว หมื่นตำลึงทองก็ยากจะซื้อหาได้ ส่วนกริชเหล็กไหลเล่มนั้นก็เป็นอาวุธวิเศษชิ้นหนึ่ง มีจิตวิญญาณแล้วเช่นกัน สามารถเคลื่อนไหวตามความคิดของผู้เป็นนายได้
ส่วนยาลูกกลอนเม็ดนั้นยิ่งไม่ธรรมดา เป็นโอสถวิเศษรักษาอาการบาดเจ็บภายนอก
สิ่งเหล่านี้ทุกชิ้นล้วนเป็นของชั้นเลิศ ด้วยกำลังของอินจิ่วซือในตอนนี้ นี่คือทรัพย์สินทั้งหมดที่เขาสามารถนำออกมาได้แล้วจริงๆ เพียงพอจะแสดงให้เห็นความจริงใจของเขาแล้ว
เพียงแต่กู้ซีจิ่วไม่คิดจะรับเอาไว้ “ท่านอ๋อง ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ เดิมทีนี่ก็เป็นการแต่งงานกำมะลอ ไม่จำเป็นต้องมีข้าวของตามพิธีพวกนี้”
อินจิ่วซือกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เสี่ยวหวางทราบขอรับ แต่ต่อให้เป็นเพียงงานวิวาห์กำมะลอ สินสอดเหล่านี้ก็ยังคงต้องมอบให้อยู่ดี มิเช่นนั้นจะถูกผู้อื่นผิดสังเกตเอาได้ง่ายๆ ผลลัพธ์คงไม่งดงาม”
ไม่น่าเชื่อว่าจะช่างจำนรรจามากขนาดนี้
กู้ซีจิ่วไม่คิดจะเอาเปรียบผู้อื่น เธอคิดดูเล็กน้อย จึงหยิบเอาข้าวของสองสามชิ้นออกมาจากร่างตนเช่นกัน ดันไปด้านหน้า “เช่นนั้นสิ่งเหล่านี้ก็มอบให้เจ้าแล้วกัน นับเป็น…นับเป็นสินเดิมของเปิ่นจุน”
บนร่างกู้ซีจิ่วไม่มีอย่างอื่นมากนัก มีเพียงสมบัติล้ำค่ามากมาย ข้าวของไม่กี่ชิ้นที่เธอหยิบออกมาส่งๆ ล้วนล้ำค่ายิ่งนัก ถุงสมปรารถนาเอย สมุนไพรเอย ถึงขั้นมีชุดเกราะที่ฟันแทงไม่เข้าตัวหนึ่งด้วย…
ยามที่เอามาวางไว้บนโต๊ะเช่นนี้ ส่องประกายแยงตายิ่งกว่าสมบัติไม่กี่ชิ้นนั้นของอินจิ่วซือเสียอีก แถมยังล้ำค่ากว่า
อินจิ่วซือมองสมบัติกองนั้นตะลึงไปแวบหนึ่ง มีความรู้สึกชั่ววูบเหมือนยาจกน้อยที่ตกองค์หญิงผู้ร่ำรวยมั่งคั่งได้
เขาหัวเราะขื่นๆ คราหนึ่ง “สมบัติเหล่านี้ของพระองค์เจ้าสูงค่ากว่าของเสี่ยวหวางมากนัก…”
กู้ซีจิ่วยิ้มนิดๆ “เปิ่นจุนเคยบอกแล้วไง เจ้าช่วยงานเปิ่นจุน เปิ่นจุนก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าเสียเปรียบ”
อินจิ่วซือยังคิดจะกล่าวอะไรอีก ทว่าถูกกู้ซีจิ่วตัดบท “เอาล่ะ เจ้าไม่จำเป็นต้องเกรงใจข้าหรอก พวกเรามาหารือรายละเอียดงานวิวาห์กันเถอะ อย่างเช่นเรื่องเวลา สถานที่ แขกที่จะเชิญ…”
“รายละเอียดเรื่องงานวิวาห์พวกเราค่อยๆ หารือกันได้ ส่วนเวลาก็กำหนดเป็นอีกหนึ่งเดือนให้หลังเป็นอย่างไร?” มีเสียงหนึ่งแทรกเข้ามากะทันหัน
“หา? เร็วขนาดนี้เชียว?” กู้ซีจิ่วผงะไป หลังจากเอ่ยประโยคนี้ออกมาตามสัญชาตญาณ จู่ๆ ก็สังเกตเห็นความผิดปกติ หันกลับไปมองทางปากประตูทันที
ม่านระย้าเลิกออก คนผู้หนึ่งเยื้องย่างเข้ามา
อาภรณ์ม่วงเกศาดำ รูปโฉมล่มเมือง เป็นตี้ฝูอีที่มาถึงแล้ว
ประโยคก่อนหน้านี้มิใช่อินจิ่วซือที่พูด แต่เป็นเขาที่ถามออกมา
อินจิ่วซือรีบยืนขึ้น คารวะเขา “ราชครูตี้”
กู้ซีจิ่วเหลือบมองนาฬิกาทรายตรงมุมผนังตามสัญชาตญาณ ยังเหลืออีกหนึ่งเค่อกว่าจะถึงเวลาที่นัดหมายเอาไว้ของอินจิ่วซือกับตี้ฝูอี ไม่นึกเลยว่าครั้งนี้เขาจะมาถึงก่อนเวลา
————————————————————————————-
บทที่ 2874 สินเดิมและสินสอด 3
ตี้ฝูอียิ้มอ่อนๆ แวบหนึ่ง “ไม่ต้องมากพิธีไป ลุกขึ้นเถอะ”
อินจิ่วซือถึงได้ลุกขึ้น เขาก็มีสัมผัสเฉียบไวเช่นกัน รู้สึกได้ว่าถึงแม้ตี้ฝูอีจะพูดคุยยิ้มแย้ม แต่ท่าทีกลับค่อนข้างเย็นชา ยามที่สายตาร่อนลงบนร่างของเขา เส้นขนบนร่างของเขาพลันลุกชันขึ้นมา
เขาชะงักไปเล็กน้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ราชครูตี้ก็ได้ยินบทสนทนาของพวกเราแล้วกระมัง? รู้สึกว่าสมควรจะจัดงานวิวาห์นั้นในอีกหนึ่งเดือนให้หลังหรือ?”
ตี้ฝูอีกวาดตามองกู้ซีจิ่วแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเฉยเมย “แน่นอน เมื่อถึงเวลาก็จะเชิญเจ้ามาร่วมงานด้วย”
อินจิ่วซืองงแล้ว “หา?”
กู้ซีจิ่วกำลังจะเทชาเพื่อดื่ม ถูกเขาทำให้ตกใจจนมือสั่น น้ำชาหกลงบนโต๊ะ
ตี้ฝูอีกลับไม่มองเขาแล้ว ลากเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลง จับมือกู้ซีจิ่วไว้ “เด็กน้อย ข้าตัดสินใจแล้ว งานวิวาห์ของพวกเราจะจัดในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง สถานที่จัด เจ้าเลือกได้ตามใจเลย ส่วนแขกเหรื่อ จะเชิญสหายทั้งหมดในหกภพภูมิมา รับประกันได้ว่าจะจัดอย่างครึกครื้น รู้กันทั่วทั้งสี่คาบสมุทร”
กู้ซีจิ่วถูกคำว่า ‘เด็กน้อย’ ทำเอาสะท้านไปทั้งร่าง ต่อมาพอได้ยินประโยคนี้ของเขาก็ราวกับได้ยินเสียงฟ้าผ่า เบิกตามองเขา แม้แต่มือก็ลืมดึงออกมาจากฝ่ามือของเขาแล้ว เอ่ยออกมาอย่างยากลำบากว่า “ดะ…เดี๋ยวก่อน…งานแต่งของพวกเราอะไรกัน…”
ตี้ฝูอียื่นมือเขี่ยผมปอยหนึ่งตรงจอนผมไปทัดใบหู “ไม่ทะเลาะกันแล้ว ดีไหม?”
การกระทำนี้สนิทสนมอย่างยิ่ง ทว่ากู้ซีจิ่วงงงันยิ่งกว่าเดิม เธอทะเลาะอะไร?
ถึงอย่างไรอินจิ่วซือก็พัวพันอยู่ในแวดวงรักๆ ใคร่ๆ มานาน เขาฟังแล้วคล้ายจะเข้าใจอะไรขึ้นมา มองสำรวจร่างคนทั้งสองด้วยสายตาที่ซับซ้อนรอบหนึ่ง
ข้อสันนิษฐานที่อาจหาญอย่างหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ
คงมิใช่ว่าพระองค์เจ้ากับตี้ฝูอีเป็นคู่รักกันกระมัง และไม่ทราบว่าตี้ฝูอีไปล่วงเกินอันใดพระองค์เจ้าเข้า พระองค์เจ้าพาลโกรธจึงคิดจะคว้าใครสักคนมาแต่งงานด้วยอย่างส่งๆ เพื่อยั่วโมโหตี้ฝูอี
และตนก็เป็นผู้โชคร้ายคนนั้นที่ถูกพระองค์เจ้าคว้ามา!
มิน่าเล่าพระองค์เจ้าถึงมารอตี้ฝูอีอยู่ที่นี่พร้อมกับเขา มิน่าเล่าถึงได้หารือทุกอย่างนี้กับเขา ที่แท้ล้วนเป็นการเล่นละครให้ตี้ฝูอีชมนี่เอง…
ความคิดเขาเพิ่งจะแล่นมาถึงตรงนี้ ตี้ฝูอีพลันสะบัดแขนเสื้อ ‘สินสอด’ ที่วางอยู่เบื้องหน้ากู้ซีจิ่วก็ลอยเข้ามาหาอินจิ่วซือทันที อินจิ่วซือรับเอาไว้ ตี้ฝูอีเอ่ยเพียงประโยคเดียวว่า “เจ้าออกไปก่อน!”
ในที่สุดอินจิ่วซือก็รู้สึกว่าตนเป็นส่วนเกินอยู่ที่นี่นานมากแล้ว สะดุดตายิ่งกว่ามุกราตรีขนาดเท่ากำปั้นเม็ดนั้นเสียอีก
เขาเอ่ยยิ้มๆ “ท่าน…พวกท่านคุยกันดีๆ นะ เสี่ยวหวางจะไปเดินเล่นด้านนอก”
แล้วหันหลังก้าวออกไปด้านนอก วิ่งเร็วยิ่งกว่าสายลม พริบตาเดียวก็ออกนอกห้องไปแล้ว
แย่แล้ว! เขาเกือบจะกลายเป็นตัวรับเคราะห์แล้ว…
ว่าแล้วเชียว โชคลาภไม่มีทางหล่นลงมาจากฟ้าหรอก ต่อให้หล่นลงมาก็เป็นกับดักอย่างหนึ่ง
ฝันหวานฉากนี้ของเขามาเร็วยิ่ง และตื่นขึ้นเร็วยิ่งเช่นกัน เขาต้องออกไปสงบสติสักหน่อย
….
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็ชักมือของตนออกมาจากการเกาะกุมของตี้ฝูอีได้แล้ว “ตี้ฝูอี เจ้าหมายความว่ายังไง?”
ไม่ง่ายเลยกว่าเธอหลอกล่อคนที่เหมาะสมผู้หนึ่งให้มาร่วมแสดงละครฉากนี้ได้ เขากลับมาขัดคอเอาเสียได้!
“เหตุใดไม่มาหาข้า?” ตี้ฝูอีมองนาง
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว มองนาฬิกาทรายที่อยู่ด้านข้าง “ยังไม่ถึงเวลานี่ เหลืออีกตั้งสองเค่อกว่าจะถึงเวลานัดหมายของพวกเรา!”
“ข้าไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้น ข้าพูดถึงว่าท่านอยากแต่งงานแล้วเหตุใดจึงไม่มาหาข้า? ถึงอย่างไรข้าก็เป็นคู่หมั้นคู่หมายของท่านมิใช่หรือ?”
กู้ซีจิ่วเบิกตากว้าง “อะ…อะไรนะ? คู่หมั้นอะไร?”
เธอไปหมั้นหมายกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
….
————————————————-