ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2893 เมามาย 2 / บทที่ 2894 เมามาย 3
บทที่ 2893 เมามาย 2
กู้ซีจิ่วในสภาพกรึ่มสุราเล็กน้อยยังคงว่าง่ายยิ่งนัก ถูไถศีรษะกับฝ่ามือของเขา ยามที่ลุกขึ้นมาเธอมึนๆ อยู่บ้าง ซวนเซเล็กน้อย หวิดจะล้มคะมำแล้ว ตี้ฝูอีพลันรับนางไว้ในอ้อมแขน
กู้ซีจิ่วล้มเข้าสู้อ้อมแขนของเขา เธอส่ายหัวนิดๆ ดวงหน้าน้อยๆ เงยขึ้นมองเขา
ตี้ฝูอีหลุบตาลงสบสายตากับนาง
แววตาเขาลุ่มลึกดุจมหาสมุทรดวงดาว ดวงตาเธอพร่าเลือนเหมือนแมว ในดวงตาของแต่ละฝ่ายต่างสะท้อนเงาร่างของกันและกัน
ลมหายใจของนางอวลกลิ่นสุรานิดๆ ผสานกับกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์บนกายนาง ทำให้จิตใจของตี้ฝูอีพลันปั่นป่วนขึ้นมา ราวกับมีอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอันใดกำลังจะปะทุขึ้นมา คลื่นความร้อนที่ไม่คุ้นเคยพุ่งวาบขึ้นมาในช่วงท้องน้อย ทำให้เขาพลันเกิดความปรารถนาอย่างหนึ่งขึ้นมา ความปรารถนาที่ต้องการจะกดตัวนางลงบนเตียง…
“เสี่ยวฝูอี เจ้าน่ามองโดยแท้!” จู่ๆ สองมือของกู้ซีจิ่วก็กอบกุมใบหน้าเขา แสดงความเห็นอย่างจริงจัง
เขายิ้มแวบหนึ่ง รอยยิ้มงามสง่า แววตาเย้ายวนคน “น่ามองก็มองให้มากหน่อยเถิด”
“ใบหน้านี้ของเจ้า…กวักเรียกดอกท้อยิ่งนัก ข้าอยากจะ…อยากจะให้เจ้าสวมหน้ากากสักอันเอาไว้จริงๆ ไม่ให้ผู้อื่นได้ยลอีก…” มือน้อยๆ ของกู้ซีจิ่วปีนป่ายขึ้นมาบนแก้มของเขา คล้ายกำลังดื่มด่ำกับใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาของเขาอยู่
มือน้อยๆ ของนางนุ่มนิ่ม ยามที่ปัดผ่านใบหน้าเบาๆ ราวกับกำลังปัดป่ายลงบนหัวใจคนด้วย คันยุบยิบ ชาหนึบรางๆ
สีหน้าตี้ฝูอีลุ่มลึกลงยิ่งกว่าเดิม ตรงมุมปากเผยรอยยิ้มออกมาแล้ว “เช่นนั้นวันหน้าข้าจะสวมหน้ากากไว้ ใบหน้าที่แท้จริงจะมีเพียงเจ้าที่ได้ยลดีหรือไม่?”
“ดี!” กู้ซีจิ่วพยักหน้าอย่างจริงจัง “ชักนำดอกท้อมาไม่ดีเลย ยุ่งยาก!”
“อืม ข้าก็รู้สึกว่ายุ่งยากเหมือนกัน เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้ ต่อไปเมื่อออกไปข้างนอกข้าจะสวมหน้ากากไว้ กลับบ้านมาแล้วค่อยถอดออก”
ในที่สุดฤทธิ์สุราก็ส่งผลแล้ว ร่างกายกู้ซีจิ่วอ่อนยวบ ร่างแทบจะแปะอยู่บนตัวเขาอย่างสมบูรณ์แล้ว เอ่ยพึมพำ “ทำไมฟ้าดินถึงหมุนติ้วอยู่ตลอดเลยล่ะ? พื้นดินก็ยวบยาบไม่ราบเรียบ…หรือว่ากำลังจะมีทัณฑ์สวรรค์อีกแล้ว?”
ตี้ฝูอีกุมขมับแล้ว อุ้มนางก้าวยังไปริมเตียง “ฟ้าดินมิได้พลิกหมุน เป็นเจ้าที่เมามายแล้ว!”
แล้วอุ้มนางขึ้นวางบนเตียง ดึงผ้าห่มมาคลุมให้
เธอรู้สึกร้อนอยู่บ้าง จึงเตะผ้าห่มออกทันที
ตี้ฝูอีห่มให้นางต่อเนื่องกันถึงสามครั้ง สุดท้ายนางก็ล้วนเตะออกทั้งสิ้น
อากาศของภพมารค่อนข้างเย็น เขาเกรงว่านางจะหนาว หลังจากห่มผ้าให้นางแล้ว จึงร่ายคาถาเสียเลย ทำให้ในที่สุดนางก็เป็นเด็กดีแล้ว ซุกอยู่ในผ้าห่มหลับใหลไป
ตี้ฝูอีพัวพันกับนางอยู่เนิ่นนานปานนี้ ค่อนข้างคอแห้งอยู่บ้าง เลือดลมพลุ่งพล่าน
จึงรินน้ำในกาน้ำชาบนโต๊ะถ้วยหนึ่ง ดื่มเข้าไปรวดเดียวหมด ถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
หลายวันมานี้เขานอนร่วมห้องกับนางมาโดยตลอด เพียงแต่ใช้เตียงสองหลัง
หลังหนึ่งจัดวางไว้ในที่แจ้ง อีกหลังหนึ่งปกติเขาจะเก็บเอาไว้ มีเพียงก่อนเข้านอนถึงจะหยิบออกมา ให้เตียงทั้งสองหลังตั้งเรียงเคียงกัน
มิใช่ว่าเขาไม่มีความคิดต่อนางถึงได้ได้ทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเช่นนี้ แต่เป็นเพราะเขาไม่อยากจะหยามเกียรตินาง เขากระทำการใดล้วนใส่ใจความสมบูรณ์แบบ ดังนั้นเรื่องราวที่หวานชื่นที่สุดยังคงต้องเก็บไว้ทำในคืนวิวาห์ถึงจะสมบูรณ์แบบ…
อันที่จริงก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขากับนางนอนร่วมห้องกัน ในกระท่อมน้ำแข็งที่แดนน้ำแข็งก็อยู่ด้วยกัน เพียงยามนั้นทั้งสองล้วนทำไปเพื่อฝึกฝนวรยุทธ์เท่านั้น
แต่การนอนร่วมห้องกันในหลายวันมานี้ ในใจตี้ฝูอีกลับมีความรู้สึกแปลกๆ อยู่ เมื่อมองเห็นคนที่นอนอยู่บนเตียงหลังข้างๆ ได้กลิ่นจางๆ บนร่างนางอวลอยู่ภายในห้อง ทำให้บางครั้งเขาก็หลับไม่ลง…
เขามองนางที่หลับอยู่บนเตียงอีกครั้ง ในทรวงอกคล้ายมีอารมณ์อันพลุ่งพล่านกำลังจะปะทุขึ้นมาอีกครั้ง
เขาสบถคำหนึ่ง หันหลังก้าวออกไป สั่งคนปรุงน้ำแกงสร่างเมาให้นาง
ถึงแม้ดีกรีของสุรานี้จะแรงพอ แต่สุราดี ต่อให้ดื่มจนเมาก็ไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ตี้ฝูอีคิดจะอาศัยฤทธิ์สุราทำให้นางนอนหลับนานขึ้นอีกหน่อย ดังนั้นยามที่เขาเข้ามาเป็นครั้งที่สองก็ผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้ว
————————————————————————————-
บทที่ 2894 เมามาย 3
เขายกน้ำแกงสร่างเมาเข้ามา แต่พอมองเห็นฉากบนเตียงหัวใจเขาพลันเต้นกระหน่ำ โลหิตร้อนๆ พุ่งสู่ยอดศีรษะ
กู้ซีจิ่วที่อยู่บนเตียงไม่น่าเชื่อว่าจะเตะผ้าห่มออกอีกแล้ว!
นางนอนหลับอยู่ ก็ยังสามารถคลายอาคมที่เขาลงไว้บนผ้าห่มได้ ช่างเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ยากโดยแท้ นางคงจะยังร้อนอยู่ ไม่เพียงแต่เตะผ้าห่มเท่านั้น ยังปลดสาบเสื้อออกด้วย เผยทรวงอกขาวสล้างออกมาครึ่งหนึ่ง ขาเกงขาพองก็ถูกนางเตะๆ ถีบๆ จนหลุดออกมาแล้ว เผยเรียวขายาวขาวอมชมพูทั้งสองข้างออกมา บัดนี้นอนอยู่บนเตียงอย่างแผ่หลายิ่ง เป็นลักษณะที่ตี้ฝูอียังไม่เคยพบเห็นมาก่อน...
เดิมทีตี้ฝูอีฝึกฝนวรยุทธ์สงบจิตใจอยู่ด้านนอกมาหนึ่งชั่วยามแล้ว ถึงทำให้เลือดลมกลับเป็นปกติได้ ยามนี้พอเห็นนางอยู่ในสภาพนี้ ปากคอเขาพลันแห้งผากขึ้นอีกครั้ง ในทันใดนั้นตรงท้องน้อยคล้ายมีเพลิงลุกโหมอยู่ ราวกับมีบางสิ่งกำลังร่ำร้อง…
ตี้ฝูอีสูดหายใจลึกๆ เขามีระเบียบวินัยในตัวเองเสมอมา บำเพ็ญวิถีเซียนที่ไร้อารมณ์ไร้ปรารถนา ปกติแล้วแทบจะไม่มีความต้องการเลย หลังจากได้พบกับนาง ความปรารถนาในกายเขาก็ราวกับสัตว์ร้ายจำศีลที่ได้ยินเสียงฟ้าฝนในฤดูใบไม้ผลิ เริ่มฟื้นตื่นขึ้นมาช้าๆ…
แน่นอน ถึงจะตื่นขึ้นมาแล้ว เขาก็ยังคงควบคุมมันได้ดียิ่ง ไม่เคยปล่อยให้ผู้ใดมองออกเลย และกลับสู่สภาพปกติอย่างรวดเร็วนัก
แต่หนนี้ดูจะต่างออกไปบ้าง อาการปากคอแห้งผากของตนก่อนหน้านี้คล้ายจะคงอยู่ตลอด อารมณ์วาบหวามค่อยๆ มาเยือน มันเริ่มลุกลามอย่างบ้าคลั่ง! โลหิตร้อนๆ เดือดพล่านปานหนุ่มน้อยที่เพิ่งเข้าสู่ห้วงรักเป็นครั้งแรก
เขาชะงักเท้าแวบหนึ่ง ยกมือขึ้นนิด ผ้าห่มบนเตียงลอยขึ้นมา คลุมลงบนร่างของนางอีกครั้ง ห่อหุ้มร่างกายที่เปิดเปลือยของนางเอาไว้อย่างมิดชิด
แล้วเขาถึงได้ก้าวเข้าไป “ซีจิ่ว ลุกขึ้นมาดื่มน้ำแกงสร่างเมาก่อนแล้วค่อยนอนต่อ”
กู้ซีจิ่วไม่ขยับ ยังคงหลับสนิทยิ่ง
ดวงหน้าพริ้มเพรานั้นดุจแต้มชาด ริมฝีปากก็ฉ่ำวาวเย้ายวนคน ยามที่เม้มปากไว้นิดๆ ราวกับดอกกุหลาบตูม ทำให้คนอยากจะแนบจุมพิตสักครา…
ลูกกระเดือกตี้ฝูอีขยับนิดๆ แววตาที่ราบเรียบอยู่เสมอคล้ายจะมีระลอกคลื่นโถมขึ้นมาแล้ว นิ้วมือที่ถือถ้วยน้ำแกงสร่างเมาเอาไว้จับแน่นนิดๆ…
ในเส้นเลือดคล้ายมีเพลิงลุกโหมขึ้นมา ทำให้เขาต้องการทุกอย่างของผู้ที่เบื้องหน้านี้…
แต่สติที่รับรู้ดีชั่วก็ทราบว่าไม่สมควร…
“ไม่…ฝูอี...” ริมฝีปากจิ้มลิ้มของกู้ซีจิ่วที่อยู่ในห้วงนิทราพลันเอ่ยประโยคเช่นนี้ออกมาอย่างงึมงำ นางยังคงหลับตาอยู่ ทว่าสองมือกลับชูขึ้นมา ราวกับวอนขอให้อุ้ม
จิตใจของตี้ฝูอีพลันสะท้าน ในสมองเกิดเสียงดังตูม เชือกที่เรียกว่าสติสัมปชัญญะพลันขาดผึงแล้ว
เขาโน้มกายลงไป
เมื่อเห็นว่ากำลังจะได้แนบชิดกับริมฝีปากอิ่มที่เผยอนิดๆ ของนางแล้ว
กู้ซีจิ่วพลันลืมตาขึ้นมา ลมหายใจของตี้ฝูอีขาดห้วง! ชะงักอยู่ตรงนั้น
ดวงตาของกู้ซีจิ่วหรี่ปรือ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งตื่น เมื่อมองเห็นตี้ฝูอีที่อยู่ใกล้ในระยะประชิดก็สะดุ้งโหยง ผลักเขาออกไปตามสัญชาตญาณ “เจ้าทำอะไร?!”
ตี้ฝูอีถูกเธอผลักจนเซถอยหลังไปก้าวใหญ่ แกงสร่างเมาในมือเกือบจะสาดออกมาแล้ว
ทันทีที่กู้ซีจิ่วมองเห็นน้ำแกงสร่างเมาในมือของเขาอีกครั้ง ก็ผงะไปแวบหนึ่ง ทราบได้รางๆ แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอเลิ่กลั่กอยู่บ้าง “ที่แท้เจ้าก็มาส่งน้ำแกงสร่างเมาให้ข้านี่เอง ข้าหลงนึกว่า…”
นี่เธอถูกการขโมยจูบของลูกศิษย์ทำให้เกิดเงามืดไปแล้วหรือ?
ไม่น่าเชื่อว่าจะนึกไปว่าตี้ฝูอีก็คิดจะขโมยจูบตนเช่นกัน เมื่อครู่เกือบจะซัดฝ่ามือออกไปแล้ว โชคดี! โชคดีแล้ว! ที่แค่ผลักออกไปเล็กน้อย ไม่งั้นคงกระดากไปกันใหญ่!
เธอลุกขึ้นนั่ง ยื่นมือไปหาเขา “ให้ข้ากินเองเถอะ”
เธอค่อนข้างปวดหัวคล้ายจะเมาค้างอยู่บ้าง น้ำแกงสร่างเมานี้มาได้ถูกเวลาพอดี
ตี้ฝูอีช่างใส่ใจเกินไปแล้วจริงๆ!
กู้ซีจิ่วซาบซึ้ง
เธอยื่นมืออกไปรับชาม นิ้วมือแตะโดนิ้วมือของเขาเข้าอย่างไม่อาจเลี่ยงได้
‘เพล้ง!’ น้ำแกงสร่างเมาหลุดมือร่วงลงพื้น
กู้ซีจิ่วนิ่งงัน...
ทำไมเขาถึงหดกลับไปเร็วขนาดนี้กัน?
ยังมีอีก มือของเขาค่อนข้างร้อนลวก…
เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ตี้ฝูอีเสียอาการถึงเพียงนี้!
————————————————————————————-