ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2899 ถอนหมั้นเถอะ / บทที่ 2900 ถอนหมั้นเถอะ 2
บทที่ 2899 ถอนหมั้นเถอะ
“เอ๋ ท่านราชครู ยังคงเป็นท่านที่คิดการถ้วนถี่ แม้แต่ของว่างก็นำมาด้วย อร่อยเหลือเกิน!”
“อ๋า มีสุราด้วย ยอดเยี่ยมเกินไปแล้วจริงๆ!”
หนวกหู!
กู้ซีจิ่วถอนหายใจ สะบัดมือร่ายอาคม ปิดกั้นโสตรับเสียงแล้ว
ในที่สุดรอบข้างก็เงียบสงบสักที เธอหลับตาลงบ่มเพาะความง่วง กลิ่นหอมสายหนึ่งลอยเข้ามา อวลอยู่ที่ปลายจมูกเธอ
กู้ซีจิ่วอดทนแล้วแต่ทนไม่ไหวจึงลืมตาขึ้นมา เธอดมดูแล้วนี่คือกลิ่นของแป้งกรอบร้อยผลไม้ของหวานที่เธอโปรดปรานที่สุด ยังมีรังนกเลิศหล้าด้วย!
รังนกเลิศหล้านี่เป็นของว่างชั้นเลิศอย่างหนึ่ง กู้ซีจิ่วได้กินครั้งหนึ่งก็ตราตรึงแล้ว
เพียงแต่รังนกเลิศหล้าจองหองยิ่ง ปริมาณในการผลิตของหวานชนิดนี้ต่อวันมีน้อยนิดจนหายากยิ่ง ไม่อาจซื้อหาได้ง่ายๆ ไปต่อแถวรอตั้งแต่กลางดึกก็ยังไม่แน่ว่าจะซื้อมาได้
ไม่กี่วันก่อนช่วงที่ตี้ฝูอีพลอดรักหวานชื่นกับเธอ เคยบอกเอาไว้ว่าจะซื้อของว่างชนิดนี้มาให้เธอกิน
ตอนนี้เขาซื้อของว่างชนิดนี้มาได้แล้วจริงๆ ทว่าไม่ได้มอบให้เธอ
กู้ซีจิ่วมองไปยังทิศทางนั้นที่พวกเขาอยู่แวบหนึ่ง เห็นว่าพวกเขามีของว่างหลายชนิดวางเรียงรายอยู่ราวกับทหารตั้งแถว ทั้งสองนั่งประจันหน้าดื่มกินด้วยกัน
ตี้ฝูอีหันหลังให้เธอ ดังนั้นเธอจึงไม่เห็นว่าเขามีท่าทีอย่างไร แต่เธอมองเห็นท่าทีของท่านหญิงน้อย ท่านหญิงน้อยกินด้วยสีหน้าพึงพอใจ
บางทีอาจจะรับรู้ถึงสายตาของกู้ซีจิ่วได้ ท่านหญิงน้อยจึงเงยหน้ามาทางเธอที่อยู่ตรงนี้ อ้าปากกล่าวกับตี้ฝูอีประโยคหนึ่ง กู้ซีจิ่วใจเต้นขึ้นมาทันที!
ถึงแม้เธอจะไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดอะไรกัน แต่เธออ่านปากออก “ของว่างเหล่านี้ถึงอย่างไรพวกเราก็กินกันไม่หมด นำไปมอบให้คู่หมั้นของท่านสักจานดีไหม?”
ไม่ทราบว่าตี้ฝูอีตอบอันใดกลับไป ท่านหญิงน้อยจึงถอนหายใจ “งั้นก็ช่างเถิด”
ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะไม่รู้ว่าตี้ฝูอีพูดอะไร แต่เธอก็รู้ว่าเขาจะต้องปฏิเสธแน่
เธอเม้มริมฝีปากบางนิดๆ ในใจค่อนข้างอึดอัดอยู่รางๆ
ไม่ว่ายังไงตอนนี้ ตัวเธอก็ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้นของเขา เขาทอดทิ้งคู่หมั้นเอาไว้ทางหนึ่ง แล้วไปดื่มกินกับหญิงอื่นอยู่ตรงนั้นไม่ไร้ศีลธรรมไปหน่อยหรือ?
เขาทำแบบนี้ มิใช่จะทำให้การพลอดรักกันก่อนหน้านี้ของเธอกับเขาไม่เป็นผลแล้วหรอกหรือ?
หรือบางทีอาจกล่าวได้ว่าเขาสำนึกเสียใจแล้ว ไม่อยากจะร่วมเล่นละครกับเธออีกต่อไปแล้วกระมัง? งานวิวาห์ในอีกครึ่งเดือนให้หลังยังจะดำเนินต่อไปอยู่หรือไม่?
เธอนวดคลึงหว่างคิ้ว หรือว่าเธอควรจะไปหาคนอื่นเลย
โชคดีที่ข่าวการวิวาห์ของเธอที่เป็นเทพผู้สร้างโลกยังไม่ได้ปล่อยออกไป มิเช่นนั้นงานวิวาห์ในอีกครึ่งเดือนให้หลังถ้าแม้แต่เจ้าบ่าว เธอก็ยังรั้งเอาไว้ไม่ได้เช่นนั้นคงจะขายหน้าแล้ว!
ไม่รู้ว่าจะไปหาอินจิ่วซืออีกได้ไหม เขาจะยินยอมไหมนะ?
คาดว่าไม่เป็นผลยิ่ง!
หลายวันมานี้อินจิ่วซือหลบหน้าเธออยู่ตลอด พยายามหลบเลี่ยงสุดชีวิต ถ้าเชิญเขามาเล่นละครด้วยกันอีกคาดว่าเขาคงจะเผ่นหนีไปเร็วยิ่งกว่าใครเลย!
การเปลี่ยนตัวผู้รับบทอันใดช่างรุงรังเกินไปแล้ว!
ทำให้เธอหาใครมาไม่ได้ชั่วขณะ…
เธอมองไปทางนั้นอีกแวบหนึ่ง จานของว่างที่เธอชอบเหลืออยู่ไม่เท่าไหร่แล้ว ถูกท่านหญิงน้อยผู้นั้นกินไปเกือบหมดแล้ว
เธอหลุบตาลงนิดๆ
เธอละโมบโลภมากในเรื่องปากท้องเสมอมา ซ้ำยังชอบกินของสดใหม่ ดังนั้นถึงแม้จะพกขนมติดตัวอยู่เสมอ แต่ก็ไม่มาก วันนี้เก็บหินผลึกอยู่ทั้งวัน ขนมจึงหมดไปแล้ว
ตอนที่เพิ่งได้กลิ่นที่ลอยมาจากทางนั้น เธอรู้สึกโหยหาขึ้นมาอยู่บ้าง ตอนนี้จู่ๆ กลับไม่มีความอยากอาหารอันใดแล้ว
เธอหลับตาลง ผนึกโสตประสาทด้านการรับกลิ่นไปเสียเลย ไม่ฟังไม่ดม ครั้งนี้ไม่เลวเลย เธอผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วยิ่ง
เธอหลับสนิทยิ่ง ทว่าจู่ๆ คล้ายจะจับสัมผัสอะไรได้ จึงตื่นขึ้นมา
เมื่อลืมตาขึ้น จันทราส่องสว่างบนนภา ดาราพร่างพรม
เธอมองไปทางเนินเขาที่อยู่ไม่ไกล ตรงนั้นไม่มีผู้ใดอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าสองคนนั้นจากไปแล้ว
ยามนี้เป็นยามกะสามที่ดึกดื่นยิ่งแล้ว ทั้งเนินหินผลึกล้วนเงียบสงัด
————————————————————————————-
บทที่ 2900 ถอนหมั้นเถอะ 2
เป็นครั้งแรกที่เธออยู่ในสภาพอ่อนล้าขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้หลับรวดเดียวไปจนถึงรุ่งสาง
เธอพยายามบ่มอารมณ์อีกครั้ง ผลคือยังคงไม่มีความง่วงเลย
เธอจึงลุกขึ้นมาเสียเลย บิดขี้เกียจทีหนึ่ง คิดดูเล็กน้อย หยิบยันต์ถ่ายทอดเสียงขึ้นมา ติดต่อหาตี้ฝูอีเสียเลย
เธอรู้ว่าในเวลานี้ บางทีตี้ฝูอีอาจจะนอนหลับไปแล้วก็ได้ แต่เธอมีเรื่องราวอยู่ในใจ หากว่าไม่ได้พูดออกมาให้กระจ่าง เกรงว่าคงนอนไม่หลับ
คาดไม่ถึงว่ายันต์ถ่ายทอดเสียงเพิ่งกะพริบได้ครู่เดียว ฝั่งนั้นก็กดรับอย่างรวดเร็วยิ่ง เสียงของตี้ฝูอีแว่วออกมา ‘มีเรื่องใด?’
น้ำเสียงของเขาแฝงความแหบห้าวไว้นิดๆ ราวกับเพิ่งตื่นนอนเช่นกัน กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่ง เอ่ยไปว่า “ฝูอี เจ้านึกเสียใจแล้วใช่ไหม?”
‘…นึกเสียใจอะไร?’
“นึกเสียใจที่มาเล่นละครฉากนี้กับข้า…”
‘เสียใจแล้วอย่างไร? ไม่เสียใจแล้วอย่างไร?’ ตี้ฝูอีย้อนถาม
ความหมายที่เขาถามเช่นนี้ หรือว่าจะนึกเสียใจแล้วกระมัง?!
เธอว่าแล้วเชียว เธอเดาถูกจริงๆ!
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างไร้สุ้มเสียงคราหนึ่ง เรื่องนี้เธออาจจะบังคับฝืนใจผู้อื่นได้ แต่ไม่คิดจะบังคับฝืนใจตี้ฝูอี ถึงอย่างไรเขาก็มีบุญคุณกับเธอ
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเธอจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากก็แล้วกัน มอบทางลงให้เขา
“งานวิวาห์นั้นของพวกเราล้มเลิกเสียเถอะ!”
ฝั่งนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง เขาคล้ายจะแค่นหัวเราะคราหนึ่ง ‘เพราะอะไร?’
กู้ซีจิ่วทำให้น้ำเสียงของตัวเองราบเรียบอ่อนโยน “เปิ่นจุนเคยบอกไปแล้วไง เมื่อแต่งกับเปิ่นจุนแล้วในสามปีไม่อนุญาตให้รับอนุอีก เลี่ยงให้ผู้อื่นนำเอาไปนินทาครหา แต่ตอนนี้เจ้ามีจิตปฏิพัทธ์กับท่านหญิงน้อยแล้ว เปิ่นจุนก็ไม่อยากถ่วงรั้งอิสระของเจ้าเพราะละครฉากนี้อีก โชคดีที่ฐานะของเปิ่นจุนยังมิได้แพร่งพรายออกไป พวกเขายังไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร ดังนั้นถ้าล้มเลิกงานวิวาห์ลงเสียตอนนี้ คนส่วนใหญ่ก็ยังคงไม่รู้เรื่องอยู่ดี เช่นนี้เจ้ากับท่านหญิงน้อย…”
‘ท่านหึงหรือ?’ ตี้ฝูอีตัดบทเธอ
หึงหรือ?กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว หัวเราะเบาๆ “ไม่ใช่ ข้าพูดจริงๆ” เธอชะงักไปอีกแวบหนึ่ง น้ำเสียงเฉยเชายิ่งกว่าเดิม “เอาล่ะ ตามนี้เถิด ส่วนเรื่องหาคนมาเล่นละครข้าจะคิดหาทางอื่นดู”
‘ท่านโกรธหรือ?!’
กู้ซีจิ่วกุมขมับ ทว่าหัวเราะขึ้นมา “เจ้าคิดมากไปแล้ว วางใจเถอะ ข้าไม่มีทางโกรธเจ้า ถึงอย่างไรเจ้าก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จำเป็นจะต้องช่วยข้า ต่อให้ล้มเลิกงานวิวาห์นี้ไปแล้ว ข้าก็ยังมองเจ้าเป็นสหายเช่นเดิม”
เธอใจกว้างเสมอมา กับตี้ฝูอีก็ยิ่งใจกว้างกว่าขึ้นไปอีก
‘ท่าน…’ ตี้ฝูอีคล้ายอยากจะพูดอะไร ทว่ากู้ซีจิ่วกลับปิดยันต์ถ่ายทอดเสียงแล้ว
สิ่งที่สมควรพูดเธอล้วนพูดไปหมดแล้ว ไม่จำเป็นต้องพัวพันกันต่อไปอีก
เธอขยับมือขยับเท้าครู่หนึ่ง รู้สึกว่าถึงยังไงก็นอนไม่หลับแล้ว เช่นนั้นก็ทำงานเลยเถอะ!
รวบรวมต่ออีกครึ่งวัน เธอก็จะรวบรวมหินผลึกทั้งหมดได้ครบแล้ว ภารกิจที่นี่ก็จะนับว่าเสร็จสมบูรณ์ สามารถจากไปได้แล้ว
เธอสลายเขตแดนรอบข้าง เดินไปทางหินผลึกก้อนหนึ่ง
พอเดินไปอยู่เบื้องหน้า เพิ่งจะร่ายอาคมสำหรับเก็บมาได้แค่ครึ่งเดียว จู่ๆ ก็มีควันแดงสายหนึ่งผุดออกมาจากหินผลึกก้อนข้างๆ ควันแดงสายนั้นจำแลงเป็นฝ่ามืออันใหญ่โตข้างหนึ่ง ซัดเข้าใส่กู้ซีจิ่ว!
กู้ซีจิ่วหดร่างถอยหลังไปทันที…
การถอยครั้งนี้เป็นระยะทางหลายจั้ง ฝ่ามือสีแดงข้างนั้นซัดถูกความว่างเปล่า ควันแดงนั้นโบกไหวอยู่ในอากาศกลายร่างเป็นคน ยืนสง่าอยู่เบื้องหน้ากู้ซีจิ่ว
ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นชายหนุ่มชุดแดงคนหนึ่ง
ชายคนนั้นเลิกคิ้วขึ้นนิดๆ หว่างคิ้วมีไฝคนงามอยู่เม็ดหนึ่ง ริมฝีปากแดงเรื่อ ปากงามได้รูป ยืนอยู่ตรงนั้นเสื้อคลุมสีแดงตัวใหญ่โบกพลิ้วปลิวไสว ยามที่ยืนอยู่ตรงนั้น ดูมีความเจ้าสำราญตามธรรมชาติอยู่ประการหนึ่ง
นัยน์ตาของเขาเป็นสีมรกตเข้ม ยามที่ทอดมองกู้ซีจิ่ว ในดวงตาคู่นั้นคล้ายมีวังน้ำวนหมุนอยู่ ต้องการจะดูดดึงวิญญาณคนเข้าไป
————————————————————————————-