ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2901 ถอนหมั้นเถอะ 3 / บทที่ 2902 ถอนหมั้นเถอะ 4
บทที่ 2901 ถอนหมั้นเถอะ 3
“วรยุทธ์ของแม่นางอาจิ่วไม่เลวเลยนี่” ชายผู้นั้นเอ่ยวาจา ในน้ำเสียงแฝงมนต์เสน่ห์อันไร้รูปลักษณ์เอาไว้ด้วย
กู้ซีจิ่วก็ค่อนข้างประหลาดใจเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าวรยุทธ์ของชายคนนี้จะสูงยิ่ง! ฝ่ามือที่ลอบโจมตีเข้ามาเมื่อครู่นี้ ถ้าวรยุทธ์ของเธอ่อนด้วยกว่านี้ไปสักนิด ก็คงถูกเขาซัดกระเด็นแล้ว!
มองจากระดับพลังของฝ่ามือนี้ วรยุท์ของคนผู้นี้อย่างน้อยๆ ก็ระดับมารสวรรค์แล้ว
ระดับมารสวรรค์ของภพมารเทียบได้กับซ่างเสินของภพเซียน หาได้ยากยิ่ง!
กู้ซีจิ่วยังคงรู้จักบุคคลผู้มีความสามารถของภพมารอยู่ ขั้นสูงที่สุดก็คือมารสวรรค์ ทั่วทั้งภพมารมีอยู่เพียงสองคนที่บรรลุระดับนี้ คนหนึ่งคือผู้สำเร็นราชการ อีกคนก็คือบุตรชายของผู้สำเร็จราชการ…เมิ่งอู๋หยา
เพียงแต่ซื่อจื่อผู้นี้มักจะท่องอยู่ด้านนอกเสมอ แทบจะไม่กลับภพมารสักเท่าไหร่เลย และไม่เข้าร่วมการแก่งแย่งทางการเมืองของผู้เป็นบิดาเลย ดังนั้นภายในภพมารเรื่องราวของเขาจึงมีน้อยนิดยิ่ง กู้ซีจิ่วก็ไม่เข้าใจเขาเช่นกัน แต่ทราบว่ามีคนผู้นี้อยู่
บัดนี้พอได้เห็นเขาออกกระบวนท่า เธอก็เดาตัวตนของอีกฝ่ายออกได้ในทันที “เมิ่งอู๋หยา!”
ชายผู้นั้นก็มิได้ปฏิเสธ “แม่นางรู้จักผู้อื่นเสียด้วย”
เขาก้าวเข้ามาอย่างสง่า สองตาจับจ้องดวงหน้าของกู้ซีจิ่ว “แม่นางอาจิ่ว ท่านยินดีจะไปกับข้าไหม?”
ในน้ำเสียงของเขาราวกับแฝงมนต์เสน่ห์ลวงวิญญาณเอาไว้ ดวงตาคู่นั้นยังดูน่าหลงใหลเย้ายวน ให้คนคิดเพียงแต่จะเชื่อฟังเขา…
มนต์เสน่ห์ขั้นสูงสุด!
ไม่นึกเลยว่าคนผู้นี้พอมาถึงก็จะใช้กระบวนท่านี้กับเธอเลย
แววตากู้ซีจิ่ววูบไหวเล็กน้อย สบตากับเมิ่งอู๋หยา ผ่านไปครู่หนึ่ง แววตาของเธอก็คล้ายจะว่างเปล่า สูญเสียความมีชีวิตชีวาไป กล่าวประโยคหนึ่งคล้ายจะเอ่ยทวน “ไปกับเจ้า…”
เมิ่งอู๋หยายิ้มแล้ว ภายใต้รอยยิ้มแม้แต่ไฝคนงามตรงหว่างคิ้วของเขาก็ราวกับส่องแสงน้อยๆ อยู่เช่นกัน “ใช่ ไปกับข้าเถอะ ข้าจะดีต่อเจ้าแน่”
เขาโบกแขนเสื้อไปทางนางเบาๆ กลิ่นหอมประหลาดแผ่ฟุ้งออกมา ร่างกายกู้ซีจิ่วโอนเอน คล้ายจะล้มทรุดลง ถูกชายคนนั้นพยุงไว้ทันที
เขาหลุบตามองกู้ซีจิ่วที่กำลังมองเขาอย่างลุ่มหลงอยู่ หยักมุมปากบางๆ แวบหนึ่ง “แม่นางอาจิ่ว ข้างามหรือไม่?”
“งาม! งามมาก เสมือนบุปผา”
เมิ่งอู๋หยายิ้มอย่างพอใจ “ดีมาก สายตาเจ้ามีแววยิ่ง”
โบกแขนเสื้อใส่กู้ซีจิ่วอีกคราหนึ่ง กู้ซีจิ่วก็หลับตา…
….
แสงจันทร์ส่องสลัว เนินหินผลึกยังเป็นเช่นเดิมทุกอย่าง เพียงแต่คนที่นอนอยู่ตรงนั้นกลับหายไปแล้ว
ตี้ฝูอียืนอยู่บนเนินหินผลึกตรงจุดที่กู้ซีจิ่วเคยพักแรมอยู่ สีหน้าซีดขาวนิดๆ
นางไปแล้วหรือ?
มิใช่ว่านางยังเก็บหินผลึกได้ไม่ครบหรอกหรือ? ยังขาดอีกสามสิบสองก้อนเชียวนะ!ตามหลักแล้วนางน่าเก็บต่อไปอีกหนึ่งวัน ทำไมบอกจะไปก็ไปเช่นนี้เลยเล่า?
ตี้ฝูอีวนเวียนรอบเนินเขาปานพายุหมุน ผลคือยังคงไม่พบเห็นเงาร่างของใครสักคนเลย
นางไปไหนแล้ว?!
ด้วยพลังยุทธ์ของนาง ตามหลักแล้วไม่น่าจะมีผู้ใดทำอะไรนางได้กระมัง?!
ในที่สุดก็ล้วงยันต์ถ่ายทอดเสียงออกมา ต้องการจะติดต่อนาง ผลคือฝั่งนั้นไม่มีคนรับเลย…
นางไม่คิดสนใจเขาแล้วใช่ไหม?
ไม่น่าเชื่อว่านางจะล้มเลิกสัญญาหมั้นหมายตรงๆ เลย!
ด้วยนิสัยของนาง ต่อให้ล้มเลิกสัญญาหมั้นหมายไป ก็คงไม่ถึงกับหลบหน้าเขากระมัง? ฟังจากเสียงของนางแล้วสงบยิ่ง คล้ายจะไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลย
ต่อให้อารมณ์เสียอยู่บ้าง ก็คล้ายจะเป็นความรู้สึกจนปัญญาที่คล้ายว่า พอตะเพิดนักแสดงสมทบออกไป นางก็ต้องหาคนใหม่มาอีก
นางบอกว่ายังเห็นเขาเป็นสหายอยู่ น่าจะไม่หลบหน้ากัน แถมหินผลึกก็ยังเก็บไม่ครบ นางไม่มีทางจากไปแน่นอน ตอนนี้จู่ๆ ก็หายไปเห็นทีว่าจะเกิดเหตุขึ้นเสียแล้ว
เขาหลับตาลงเล็กน้อย ราวกับจะสงบอารมณ์ที่พลุ่งพล่านลงเล็กน้อย เริ่มตรวจสอบในละแวกนี้ไปทีละชุ่นๆ
ในที่สุดก็ได้กลิ่นหอมประหลาดที่อ่อนจางอย่างหนึ่งด้านข้างหินผลึกก้อนหนึ่ง…
….
ปะการังสูงสามฉื่อพบเห็นอยู่ทั่วไป บานประตูกระดองเต่าสีขาวพิสุทธิ์ปิดงับไว้นิดๆ
————————————————————————————-
บทที่ 2902 ถอนหมั้นเถอะ 4
ชุดโต๊ะเก้าอี้แก้วผลึกจานชามหยก หยกขาวเป็นเตียง ไข่มุกเป็นโคม
แพรโบกพลิ้วปลิวตามลม ริ้วบางๆ แผ่พลิ้วดั่งระลอกคลื่น
กู้ซีจิ่วนั่งอยู่บนเตียงหยกขาว กวาดตามองเพียงไม่กี่คราก็มองเค้าโครงของที่นี่ออกพอสมควรแล้ว
อันที่จริงเธอค่อนข้างฉงนอยู่บ้าง เธอนึกว่าเมิ่งอู๋หยาจะจับตัวเธอมาต่อรองกับตี้ฝูอีเสียอีก จับเธอมาเป็นตัวประกัน หลังจากจับตัวเธอมา จะเอาไปคุมขังไว้ในคุกมารที่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น ไม่แน่ว่าอาจจะคิดหาวิธีการมาทรมานเธอด้วย
เธอเตรียมสำหรับเรื่องเหล่านั้นมาอย่างดีแล้ว กลับคาดไม่ถึงว่าเขาจะพาเธอมาไว้ในแดนสุขาวดีแห่งหนึ่งเช่นนี้ ไม่สิ เป็นวังแก้วผลึกสุขาวดี!
วังแก้วผลึกหลังนี้ตั้งอยู่ในแม่น้ำอันมีชื่อเสียงเลื่องลือที่สุดของภพมาร…แม่น้ำธารทมิฬ
เมื่อก่อนกู้ซีจิ่วเคยไปเดินเล่นละแวกแม่น้ำธารทมิฬมาแล้ว ทราบว่าในแม่น้ำที่มืดดำดุจน้ำหมึกมีจิตมารนับไม่ถ้วนอยู่เนืองแน่น จิตมารเหล่านี้เป็นดวงวิญญาณของผู้คนที่สิ้นชีพอย่างโหดร้ายในภพมารมาตลอดเนิ่นนานปี เนื่องจากในใจมีความเคียดแค้นพยาบาท ไม่ยอมจากไป ค่อยๆ กลายสภาพเป็นดวงวิญญาณดุร้ายที่เห็นสิ่งใดก็กัดสิ่งนั้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดที่ร่วงหล่นลงสู่แม่น้ำล้วนถูกกัดทึ้งจนเกลี้ยงเกลาหมดจด แม้แต่เศษกระดูกก็ไม่หลงเหลืออยู่
จะอย่างไรเธอก็นึกไม่ถึงเลยว่าก้นแม่น้ำสายนี้จะมีโพรงสวรรค์ ซุกซ่อนวังแก้วผลึกที่งดงามหรูหราเช่นนี้ไว้หลังหนึ่ง!
ตอนที่เธอเพิ่งถูกเมิ่งอู๋หยาพาเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในเขตแดน ยังคงเป็นกังวลอยู่บ้างเล็กน้อย กังวลว่าเขตแดนที่เขาติดตั้งไว้รอบกายจะไม่แข็งแรงพอ ถูกจิตมารเหล่านั้นพุ่งเข้ามากัดกินจนย่อยยับ เธอก็ไม่อาจเสแสร้งต่อไปจนถึงที่สุดได้แล้ว ทำได้เพียงใช้วรยุทธ์ที่แท้จริงตะเพิดจิตมารเหล่านั้นออกไป
โชคดีนัก เคราะห์ดีว่าเขตแดนนี้ของเมิ่งอู๋หยาแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ยามที่ลงสู่น้ำ จิตมารที่มากมายปานนั้นพุ่งเข้ามาปานหมาแย่งกระดูก แต่ก็ไม่อาจสั่นคลอนเขตแดนนี้ได้เลยสักนิด ประสิทธิภาพดีเยี่ยม
ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็วางใจแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงแสร้งเป็นตัวโง่งมที่คล้ายจะถูกเขาสะกดจิตอยู่ภายในเขตแดนที่คล้ายกับฟองอากาศอย่างสงบเสงี่ยม
อันที่จริงเธอค่อนข้างอยากรู้อยู่บ้าง อยากรู้ว่าเมิ่งอู๋หยาคิดจะทำอะไรกันแน่
คาดไม่ถึงเลยว่าเมิ่งอู๋หยาจะเอาตัวเธอมาซ่อนไว้ในวังแก้วผลึกแห่งนี้แล้วผลุนผลันออกไปเลย ทำให้กู้ซีจิ่วค่อนข้างงุนงงยิ่ง
สรุปแล้วซื่อจื่อผู้นี้คิดจะทำอะไรกันแน่?
เมิ่งอู๋หยาออกไปอย่างรวดเร็ว และกลับมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน ครึ่งวันก็กลับมาแล้ว
และกู้ซีจิ่วก็ได้เข้าใจอย่างรวดเร็วแล้วว่าเขาต้องการจะทำอะไร
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะใช้สารพัดวิธีการเพื่อล่อลวงเธอ!
ยกตัวอย่างเช่น เขาพาเธอไปเดินเล่นภายในวังแก้วผลึก บอกเล่าที่มาของสิ่งต่างๆ ภายในวังแก้วผลึกให้เธออย่างมีความอดทน
จากการบอกเล่าของเขา กู้ซีจิ่วจึงได้ทราบว่าวังแก้วผลึกหลังนี้เป็นเมิ่งอู๋หยาซื่อจื่อผู้นี้ที่ก่อสร้างขึ้นมาเอง อิฐทุกก้อนกระเบื้องทุกแผ่นล้วนมีประวัติความเป็นมาอันน่าตื่นตะลึง
เขาบอกเล่าถึงความเป็นมาของพวกมัน และเป็นการเล่าถึงประวัติการกำราบสิ่งมีชีวิตประเภทอื่นๆ ของเขาไปด้วยกลายๆ
แรกเริ่มกู้ซีจิ่วยังคงฟังอย่างได้อรรถรสอยู่ แถมยังคาดเดาถึงจุดประสงค์ที่เขาเล่าเรื่องพวกนี้ด้วย ต่อมาก็หาวหวอดๆ แล้ว เข้าใจแล้วว่าจุดประสงค์ที่เขาเล่าเรื่องพวกนี้ก็เพื่อให้เธอมองเขาเป็นวีรบุรุษผู้เลิศล้ำ เขาอยากให้เธอเลื่อมใสในตัวเขา!
เมิ่งอู๋หยายังคงมีศีลธรรมอยู่บ้าง ถึงแม้จะลักพาตัวเธอมาอย่างไม่โปร่งใส แต่ก็ไม่ได้ควบคุมความคิดจิตใจของเธอจริงๆ ยังคงคิดจะเอาชนะใจด้วยความสามารถที่แท้จริงอยู่
สาวงามชมชอบผู้กล้า โดยเฉพาะผู้กล้าที่ต้านรับภัยอันตรายเพื่อโฉมงาม เมิ่งอู๋หยาคล้ายจะเชื่อในจุดนี้อย่างลึกล้ำ ดังนั้นตลอดทั้งวันนี้กู้ซีจิ่วจึงพบพานอันตรายอยู่เนืองๆ ประเดี๋ยวก็มีจิตมารที่ดุดันชั่วร้ายไม่กี่ตนเข้ามาไล่กัดเธอ แล้วถูกเขากำจัดไป
ประเดี๋ยวก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้น ก้นแม่น้ำโยกไหวปานลูกตุ้ม
ส่วนตัวเขาก็ราวกับเสาค้ำสมุทร ยืนอยู่ในวังแก้วผลึกร่ายเวทวิชาที่งดงามแกร่งกล้าห้าวหาญ ซ้ำยังพูดปลอบโยนเธออยู่ไม่ขาดปากว่า “ไม่ต้องกลัว ข้าปกป้องเจ้าได้”
ด้วยเหตุนี้ กู้ซีจิ่วจึงนั่งอยู่บนปะการังต้นหนึ่ง รับความคุ้มครองจากเขาอย่างสบายอุรา
————————————————————————————-