ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2903 ถอนหมั้นเถอะ / บทที่ 2904 ขอแต่งงาน
บทที่ 2903 ถอนหมั้นเถอะ
บางทีเขาก็นำเครื่องประดับล้ำค่าหายากบางอย่างออกมา ยิ้มน้อยๆ แล้วส่งมาตรงหน้าเธอ ขอให้เธอรับไว้
ป้อนคำหวานที่แสนจริงใจ งามสง่าปานหยก
….
เล่นกันอยู่เช่นนี้หนึ่งวัน ในที่สุดกู้ซีจิ่วก็เข้าใจแล้วว่า ที่เขาทำตัวเป็นนกยูงตัวผู้รำแพนหางใส่เธอจนตาพร่า ดูคล้ายว่าจะเกี้ยวพาเธออยู่
เธอลูบใบหน้าตัวเองดู ฉงนอยู่บ้าง
ตนอยู่ในรูปโฉมธรรมดาสามัญขนาดนี้แล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถดึงดูดดอกท้อช่อหนึ่งมาได้ อยู่เหนือความคาดหมายจริงๆ
หรือว่าเสน่ห์ของเธอจะไม่อาจสกัดกั้นเอาไว้ได้เลย ต่อให้ห่อหุ้มเปลือกนอกอันหยาบกระด้างเอาไว้ ก็ยังถูกคนมองทะลุไปถึงหัวใจอันใสกระจ่างได้?
หากว่ากู้ซีจิ่วเป็นเพียงสาวน้อยวัยเยาว์ที่เพิ่งออกท่องยุทธภพเป็นครั้งแรก ไม่แน่ว่าอาจจะคิดเช่นนี้จริงๆ ก็ได้
แต่ตอนนี้…
เธอรู้สึกว่าซื่อจื่อผู้นี้จะต้องวางแผนอันใดต่อเธอแน่นอน มิเช่นนั้นคงไม่มีทางทำตัวประสาทแบบนี้
“เสี่ยวจิ่ว เจ้าเห็นไหมว่านี่คืออะไร?” เมิ่งอู๋หยาเยื้องย่างเข้ามาอีกครั้ง แล้ววางถาดใบหนึ่งลงบนโต๊ะ
กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง ภายในถาดคืออาหารสามสี่อย่าง ล้วนเป็นของที่ปกติแล้วเธอชอบกินทั้งสิ้น ในบรรดานั้นมีแป้งกรอบร้อยผลไม้อยู่ด้วย กลิ่นหอมกรุ่น ยวนใจคน
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่า การที่เขานำอาหารเหล่านี้มาส่งให้ ได้ใจเธอยิ่ง ดีกว่าเครื่องประดับล้ำค่าอะไรพวกนั้นอีก เขามุมานะอยู่ข้างกายเธอมานานขนาดนี้ ในที่สุดก็ทำเรื่องหนึ่งที่ทำให้เธอพอใจได้แล้ว
ในที่สุดหัวคิ้วเธอก็คลายออก นั่งอยู่ตรงนั้นกินอย่างไม่อนาทรร้อนใจ
“ชอบหรือไม่?” เมิ่งอู๋หยาก็โล่งอกเช่นกัน สองวันนี้เขาใช้กลยุทธ์ออกไปเกือบสิบแปดอย่างแล้ว นางล้วนไม่หือไม่อือเลย ตอนนี้ในที่สุดก็มีพัฒนาการแล้ว
“ชอบ!” กู้ซีจิ่วก็ไม่หวงคำชมเช่นกัน
“เจ้าเป็นคู่หมั้นของราชครูจริงๆ หรือ?” จู่ๆ เมิ่งอู๋หยาก็เอ่ยถามอีกประโยคหนึ่ง
กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่ง ไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธ เพียงยิ้มแวบหนึ่ง เธอรู้สึกว่าเมิ่งอู๋หยาต้องมีวาจาต่อไปแน่นอน
ใช่จริงๆ เมิ่งอู๋หยากล่าวต่อไปว่า “เสี่ยวจิ่ว เจ้าคิดอย่างไรกับบุรุษที่มีสามภรรยาสี่อนุ? เจ้าถือสาหรือไม่ถ้าหากสามีเจ้ารับอนุ? หรือรับภรรยาที่มีศักดิ์เสมอกันอีก?”
กู้ซีจิ่วนิ่งไปเล็กน้อย ส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ไม่ถือสา”
ถึงอย่างไรชั่วชีวิตของเธอก็ไม่มีทางออกเรือนกับผู้ใดจริงๆ อยู่แล้ว และไม่มีทางมีสามีด้วย
เมิ่งอู๋หยาทึ่มทื่อไปแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ปากไม่ตรงกับใจ!” จู่ๆ ก็ลากเธอออกเดิน “เจ้าตามข้ามา!”
กู้ซีจิ่วรีบชักมือน้อยๆ ของตนกลับมาทันที เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ไปก็ไปสิ อย่าฉุดกระชากลากถู”
เมิ่งอู๋หยาพูดไม่ออกแล้ว…
ทั้งสองคนมายังสวนดอกไม้ด้านหลังวังแก้วผลึก ที่ตรงนั้นมีหินผลึกสีฟ้าก้อนโตชิ้นหนึ่งตั้งอยู่
สองวันมานี้ตอนที่กู้ซีจิ่วเดินเล่นรอบวังแก้วผลึกก็เคยเห็นมันแล้ว และเคยลูบๆ ดูด้วย สัมผัสได้ว่าบนนั้นมีไอวิญญาณที่แข็งแกร่งยิ่ง ความบริสุทธิ์สูงกว่าหินผลึกที่เธอรวบรวมมาเสียอีก
ตอนที่เดินเล่นเธอยังคิดอยู่เลยว่าจะเอาหินผลึกก้อนนี้ติดมือกลับไปด้วยดีหรือไม่ เอาไปตั้งไว้ที่หุบเขาเสียงสวรรค์ของเธอ
ไม่นึกเลยว่าครั้งนี้เมิ่งอู๋หยาจะพาเธอมาที่นี่ เมิ่งอู๋หยาร่ายอาคมใส่หินผลึกก้อนนั้นทันที ผ่านไปครู่หนึ่ง บนหิวผลึกคล้ายมีระลอกคลื่นกระเพื่อมไหว มีภาพปรากฏขึ้นมาบนนั้น
ศาลาอาคาร ผู้คนสัญจรบนท้องถนน มีชีวิตชีวาสมจริง
น่าอัศจรรย์!
กู้ซีจิ่วพิงเสาหินผลึกต้นหนึ่ง มองอย่างสนอกสนใจ
จากนั้นก็เบิกตาเล็กน้อย ฉากแรกสุดที่ปรากฏขึ้นคือทิวทัศน์ของภพปีศาจ ผู้คนของภพปีศาจ จากนั้นกู้ซีจิ่วก็มองเห็นคนคุ้นเคยกัน…ตี้ฝูอีกับราชินีจิ้งจอกเก้าหางถูซานอิงนางนั้น
ทั้งสองกำลังนั่งสนทนากันอยู่ใต้ต้นอิงฮวาที่แดงสะพรั่ง เนื้อความที่สนทนากันก็ตรงไปตรงมายิ่ง
กู้ซีจิ่วฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก็เข้าใจแล้วว่าพวกเขาเจรจาการค้ากันอยู่
ถูซานอิงชอบตี้ฝูอียิ่งนัก และอยากจะหวนคือฐานะราชันแห่งภพปีศาจยิ่งนักด้วย ตี้ฝูอีจึงเสนอเงื่อนไขข้อหนึ่งที่ดึงดูดใจคนอย่างยิ่งให้นาง…
————————————————————————————-
บทที่ 2904 ขอแต่งงาน
เงื่อนไขที่ตี้ฝูอีเสนอก็คือ เขาสามารถช่วยให้นางหวนคืนตำแหน่งราชันได้ แต่นางจะต้องเป็นอนุของเขา…
ถูซานอิงไม่ยินยอมอยู่บ้าง บอกว่านางชอบเขา เหตุใดถึงไม่อาจแต่งเป็นภรรยาของเขาได้? หลังจากนางแต่งกับเขาก็สามารถปกครองภพปีศาจร่วมกันได้
ตี้ฝูอีก็ตรงไปตรงมายิ่ง ‘เพียงภพปีศาจไม่อาจเติมเต็มทั้งหมดที่ข้าใฝ่หาได้ นี่เป็นเงื่อนไขเพียงข้อเดียวของข้า ถ้าเจ้าตกลงผู้ทรงสิทธิ์อย่างข้าก็จะช่วยเจ้า ถ้าไม่ตกลงก็ไปหาผู้ปราดเปรื่องคนอื่นเถิด!’
ถูซานอิงเงียบไปครู่หนึ่ง ‘เช่นนั้นท่านจะยังแต่งงานกับหญิงอื่นอยู่หรือไม่?’
‘แน่นอน ภรรยาของข้าผู้ทรงสิทธิ์มีได้เพียงหนึ่ง แต่อนุสามารถมีได้มากมาย’
ถูซานอิงเงียบงันไปเนิ่นนาน ในที่สุดก็ตอบตกลง
กู้ซีจิ่วมองฉากที่ปรากฏอยู่บนหินผลึก ไม่เอ่ยวาจาไปชั่วขณะ
ฉากบนหินผลึกหมุนวนไปอีกครั้ง ตัดไปที่ภพเซียนต่อ สถานการณ์ไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่ เพียงแต่คนที่อยู่ด้านในเปลี่ยนเป็นจักรพรรดิเซียนกับตี้ฝูอี สองคนนี้นั่งดื่มสุราอยู่ตรงข้ามกัน
แต่เนื้อหาที่พูดคุยมีความคล้ายคลึงกับครั้งก่อนยิ่ง
จักรพรรดิเซียนมอบองค์หญิงให้เป็นอนุของเขา แล้วเขาจะช่วยจักรพรรดิเซียนบริหารจัดการภพเซียน ทำให้ภพเซียนเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้ง
จักรพรรดิเซียนตอบตกลงเร็วยิ่งกว่าถูซานอิงมากนัก แถมยังหารือรายละเอียดคร่าวๆ กับเขาด้วย…
“เสี่ยวจิ่ว เห็นสิ่งเหล่านี้แล้วเจ้ามีความเห็นอย่างไรบ้าง?” สองตาของเมิ่งอู๋หยาจับจ้องเธอ
หา? ความเห็นหรือ? เธอยังต้องแสดงความเห็นด้วยหรือ?
กู้ซีจิ่วตริตรองดูเล็กน้อย เอ่ยอย่างจริงจังว่า “เหตุใดเขาต้องใช้วิธีแต่งอนุเป็นเงื่อนไขในการช่วยเหลือผู้อื่นเพียงอย่างเดียวเล่า?”
เมิ่งอู๋หยาหยักมุมปากนิดๆ น้ำเสียงเจือความเยาะหยัน “ตั้งแต่โบราณมาจักรพรรดิราชันล้วนดำเนินตามศาสตร์คันชั่งพินิจ กษัตริย์แต่งชายาหาใช่เพราะรักใคร่ แต่ต้องการใช้เรื่องนี้ถ่วงดุลขั้วอำนาจต่างๆ เขามีแต่จะต้องรับธิดาของเหล่าขุนนางคนสนิทไว้เป็นสนม ขุนนางเหล่านี้ถึงจะยินยอมพร้อมใจรับใช้เขา กษัตริย์ทำได้เพียงเผื่อแผ่เมตตาให้แก่สนมชายา แจกจ่ายพระเมตตาให้อย่างทั่วถึง สืบสกุลมิให้ขาดช่วง ตี้ฝูอีมีใจใฝ่ปองทั้งหกภพ ถึงแม้เขาจะมิใช่ราชัน ทว่าตำแหน่งสูงส่งยิ่งกว่าผู้เป็นราชันเสียอีก หากเขารวมหกภพให้เป็นหนึ่งได้ เช่นนั้นก็เท่ากับราชันของหกภพภูมิได้ยอมศิโรราบแก่เขาแล้ว เขาแต่งกับธิดาของพวกเขา เป็นการแสดงให้เห็นว่าเขายังหนุนหลังพวกเขา พวกเขาถึงจะวางใจ…”
กู้ซีจิ่วคิดๆ ดูเล็กน้อย เหล่าจักรพรรดิของแดนมนุษย์ก็รับสนมเพราะเหตุนี้จริงๆ…
กู้ซีจิ่วกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!”
เมิ่งอู๋หยานิ่งไปแวบหนึ่ง…
ปฏิกิริยาตอบสนองของนางอยู่เหนือความคาดหมายของเขายิ่งนัก เขานึกว่านางจะโศกศัลย์ยิ่ง เป็นเดือดเป็นแค้นนัก ไม่นึกเลยว่านางจะมีท่าทางเหมือนรู้แจ้งได้ในทันใดเช่นนี้
“เจ้าไม่หึงหวงหรือ?” เมิ่งอู๋หยาถาม ไม่พลาดทุกรายละเอียดสีหน้าของนาง
หึงหวงหรือ? หึงหวงเป็นความรู้สึกเช่นใดกัน?
เธอไม่รู้สึกว่าตัวเองจะหึงหวงเลย เพียงแต่รู้สึกอึดอัดในใจอยู่บ้างเท่านั้น
เธอส่ายหน้า “ไม่นี่”
“เจ้าไม่ได้รักเขา!” แววตาของเมิ่งอู๋หยาวูบไหวนิดๆ
แน่นอนว่าไม่ได้รัก เธอกับตี้ฝูอีก็แค่เล่นละครด้วยกันเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นคือละครฉากนี้ก็เล่นต่อไปไม่ได้แล้ว เธอจะต้องพิจารณาหาตัวเลือกใหม่มารับช่วงต่อแล้ว
เธอมองเมิ่งอู๋หยาอย่างเงียบเชียบ ความสามารถสูงพอ รูปโฉมงดงามพอ และมีเสน่ห์ยิ่งนัก ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ตรงตามเงื่อนไขของเธอ แต่ไม่ดีเพียงอย่างเดียวคือ จิตใจคนผู้นี้ไม่ซื่อตรง เกรงว่าวันหน้าจะควบคุมไม่ได้
หากว่าเธอให้เขามาเล่นละครฉากนี้ด้วย เกรงว่าเขาจะเกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายหลากหลาย ไม่ปลอดภัยยิ่งนัก
เพียงแต่ เธออยากรู้มากว่าสรุปแล้วเขาต้องการอะไรกันแน่…
ดังนั้นเธอจึงหลุบตาลงนิดๆ “รักแล้วอย่างไรไม่รักแล้วอย่างไร? เจ้าก็พูดเองนี่ บุรุษส่วนใหญ่ล้วนเป็นเช่นนี้ ข้าก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้เช่นกัน”
“ไม่ เจ้ายังมีตัวเลือกที่สองอยู่อีก!” ดวงตาเมิ่งอู๋หยาวาวโรจน์
“หือ?”
“มิใช่บุรุษทุกคนบนโลกนี้จะชอบมีสามภรรยาสี่อนุไปเสียทั้งหมด…”