ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2905 ขอแต่งงาน 2 / บทที่ 2906 ขอแต่งงาน 3
บทที่ 2905 ขอแต่งงาน 2
“มิใช่บุรุษทุกคนบนโลกนี้จะชอบมีสามภรรยาสี่อนุไปเสียทั้งหมด อย่างเช่นข้า ข้าคิดว่าเรื่องของความรักดีที่สุดคือต้องมีคู่ครองคนเดียว หากว่าข้ามีภรรยา ก็จะดีต่อนางไปชั่วชีวิต ไม่แต่งคนอื่นเข้ามาอีก ทำให้ภรรยาของตนต้องได้รับความคับข้องหมองใจ”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว ไม่นึกเลยว่าเขาจะมีสำนึกแบบนี้ด้วย อดไม่ได้ที่จะนับถือใจเขาขึ้นมา จึงยกนิ้วโป้งให้เขา “เจ้าคิดได้เช่นนี้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ สตรีที่จะแต่งให้เจ้าในวันหน้ามีวาสนาแล้ว”
แววตาเมิ่งอู๋หยาโชนแสงนิดๆ เอ่ยถามเธอประโยคหนึ่งอย่างตรงไปตรงมายิ่ง “เช่นนั้นเสี่ยวจิ่วยินดีจะเป็นสตรีมีวาสนาผู้นี้หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วตะลึง
“ไม่ต้องการหรือ? อันที่จริงซื่อจื่ออย่างข้าก็ไม่ด้อยไปกว่าตี้ฝูอีเลยนะ เพียงแต่ซื่อจื่ออย่างข้าค่อนข้างติดดิน ไม่มีใจใฝ่อำนาจมากมายปานนั้น ซื่อจื่ออย่างข้ายินดีจะพาภรรยาออกท่องไปทั่วหล้ามากกว่า ชื่นชมทิวทัศน์อันงดงาม ชมบุปผาที่โสภาที่สุด กินอาหารเลิศรสต่างๆ…”
สิ่งที่เขาบรรยายเป็นชีวิตสันโดษที่ทำให้คนมุ่งหวังเป็นที่สุด หากมิใช่ว่ากู้ซีจิ่วบังเอิญรู้จักเขาอยู่บ้าง อีกทั้งเขาก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างเหมาะเจาะพอดี จับตัวเธอมาตรงๆ เลยไม่แน่ว่าอาจหลงเชื่อคำพูดเขาแล้ว
แต่ตอนนี้…
เชื่อกับผีน่ะสิ!
เมิ่งอู๋หยามาเพื่อปกป้องบิดาแน่นอน หรือไม่ก็เพื่ออำนาจในการปกครองแผ่นดินภพมาร
ตอนนี้จอมมารสิ้นชีพแล้ว จอมมารองค์ใหม่ยังไม่ได้กำหนดตัวแน่ชัด ตี้ฝูอีก็ยังไม่ได้เผยท่าทีออกมาว่าจะหนุนผู้ใด ฝ่ายผู้สำเร็จราชการสองพ่อลูกหวาดระแวงตี้ฝูอียิ่งนัก ดูทรงแล้วคงคิดจะใช้บุตรสาวซึ่งก็คือท่านหญิงน้อยมาพัวพันเขา ส่วนท่านหญิงน้อยก็มีใจทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูง ไม่มีทางยอมเป็นอนุ
ด้วยเหตุนี้ ตนจึงกลายเป็นหินขวางเท้าของพวกเขา…
จะว่าไป ตนอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้เปิดเผยฐานะออกมาเลย หากว่าพวกเขารู้สึกว่าเธอเป็นหินขวางเท้า มิใช่ว่าสมควรจะลอบสังหารเธอหรอกหรือ? ทำไมต้องเอาทั้งชีวิตของซื่อจื่อมาผูกมัดด้วย?
“ซื่อจื่อทราบหรือไม่ว่าข้าคือผู้ใด?” กู้ซีจิ่วซักถาม
เมิ่งอู๋หยานิ่งไปแวบหนึ่ง เอ่ยตอบ “นี่…แม่นางคือคนเดียวที่ซื่อจื่ออย่างข้าปักใจในชีวิตนี้”
วาจานี้เอ่ยได้ปลิ้นปล้อนนัก!
กู้ซีจิ่วยิ้มแวบหนึ่ง “แม้แต่ประวัติความเป็นมาของข้าเจ้าก็ยังไม่รู้เลย แล้วจะมาบอกว่าปักใจอันใดเล่า?”
เมิ่งอู๋หยาทำตาแป๋ว “เสี่ยวจิ่ว เจ้าเคยได้ยินคำว่า ‘รักแรกพบ’ หรือไม่? ข้ารักเจ้าตั้งแต่แรกพบจริงๆ…”
กู้ซีจิ่วลูบขนแขนที่ลุกชันขึ้นมา ซื่อจื่อผู้นี้เห็นเธอเป็นตัวโง่งมไปแล้วกระมัง?! คำหวานนี้ช่างทำให้ผู้อื่นแตกตื่นเหลือเกิน!
เธอหลุบตาลงนิดๆ “ซื่อจื่อเลิศล้ำเป็นหนึ่งมิมีสอง เหตุใดถึงมาเกิดรักแรกพบกับสตรีหน้าตาสามัญอย่างข้าเล่า? ซื่อจื่ออย่าได้เย้าข้าเล่นเลย”
เมิ่งอู๋หยาอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นนวดคลึงจุดไท่หยาง พลางยิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “รูปโฉมเป็นเพียงถุงหนังเน่าเหม็นที่ไม่สลักสำคัญร่างหนึ่งเท่านั้น นิสัยของเสี่ยวจิ่วต่างหากที่ซื่อจื่ออย่างข้าชอบพอเป็นที่สุด”
“โอ้ นิสัยใดของข้าหรือ? ท่านเพิ่งพบหน้าข้าก็ลักพาข้ามาที่นี่แล้ว พูดจากันก็ไม่ถึงสองประโยค แล้วเจ้าจะเข้าใจนิสัยของข้าได้อย่างไรกัน?”
เมิ่งอู่หยาถูกเธอถาม แทบจะนิ่งงันไปแวบหนึ่งแล้วถึงตอบว่า “เสี่ยวจิ่ว สำหรับเจ้าแล้ว ที่เนินหินผลึกคือการพบหน้ากันครั้งแรกของพวกเรา แต่อันที่จริงข้าเคยเห็นเจ้ามาก่อน ปักใจในตัวเจ้ามานานแล้ว”
ประโยคนี้ไม่มีพิรุธเลย
เพียงแต่ รูปโฉมนี้เธอพึ่งจำแลงขึ้นตอนมาถึงภพมาร .ยังเป็นคนธรรมดาสดใหม่ไร้ตัวตน แล้วที่ว่าปักใจมานานแล้วนี้ของเขาจะนานแค่ไหนกัน?
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว ถามเขา “ซื่อจื่อกลับมาได้กี่วันแล้ว?”
เมิ่งอู๋หยานิ่งไปครู่หนึ่ง “ก็ไม่กี่วันหรอก เดิมทีข้าไม่ได้อยู่ในภพมารตลอด เพียงแต่ได้ยินเรื่องของแม่นางถึงได้กลับมา จากนั้นก็เกิดรักแรกพบต่อแม่นางเลย เนื่องจากแม่นางเป็นคู่หมั้นของตี้ฝูอี เดิมทีข้าคิดจะเก็บความรักนี้เอาไว้ แต่ต่อมาได้เห็นเขาอยู่กับน้องหญิงของข้า ด้วยเหตุนี้จึงใช้หินผลึกย้อนหวนสอดส่องชีวิตของเขาดูเล็กน้อย ผลคือก็เห็นสิ่งเหล่านั้นที่ปรากฏไปเมื่อครู่นี้…
————————————————————————————-
บทที่ 2906 ขอแต่งงาน 3
เขาไม่มีทางเป็นคนรักของเจ้าได้ ข้าถึงได้พาเจ้ามาที่นี่…”
คำโป้ปดนี้ของเขาก็รัดกุมยิ่งนักเช่นกัน กู้ซีจิ่วใคร่ครวญดูแล้ว ก็ขบคิดหาพิรุธอันใดจากในประโยคนี้ไม่ได้เลยชั่วขณะ
ขณะที่เธอกำลังขบคิดอยู่ จู่ๆ เมิ่งอู๋หยาก็ก้าวเข้ามาจับมือเธอ “เสี่ยวจิ่ว...”
‘ฟิ้ว! ซ่า!’ ร่างของเมิ่งอู๋หยาพลันกระเด็นแหวกอากาศไป ตกลงไปในน้ำพุร้อนบ่อหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล ละอองน้ำมากมายสาดกระเซ็น!
เมิ่งอู๋หยาโผล่หัวออกมาจากน้ำพุร้อนอย่างรวดเร็ว เขามองกู้ซีจิ่วที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “เสี่ยวจิ่ว เจ้า…”
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะถูกนางทุ่มข้ามไหล่ออกมา!
กู้ซีจิ่วนิ่งค้างไปแล้วเช่นกัน
เวรแล้ว พลั้งมือไปชั่วขณะ
เธอกะพริบตาอย่างไร้เดียงสา “ซื่อจื่อ ท่านไม่เป็นไรกระมัง?”
เมิ่งอู๋หยาสูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง “เสี่ยวจิ่ววรยุทธ์ของเจ้าห้าวหาญยิ่ง!”
ถึงแม้เขาจะไม่ได้ตั้งตัว แต่ด้วยวรยุทธ์ของเขา ต่อให้เป็นซ่างเสินผู้หนึ่งก็ยังไม่แน่ว่าจะทุ่มเขาออกไปได้
พลังยุทธ์ของสตรีนางนี้เป็นเพียงซ่างเซียน เหตุใดถึงใช้วรยุทธ์ที่เลิศล้ำเช่นนี้ออกมาได้กัน?!
“ซื่อจื่อชมเกินไปแล้ว เป็นเพียงวิชาป้องกันตัวบางอย่างที่ถ่ายทอดกันมาในตระกูลเท่านั้น” กู้ซีจิ่วตอบไปส่งๆ
“ถ่ายทอดกันในตระกูล? แม่นางมาจากสกุลใด?” ใบหน้าเมิ่งอู๋หยาเผยความสงสัยออกมาเล็กน้อย
กู้ซีจิ่วชูนิ้วหนึ่งทาบริมฝีปากไว้ “ความลับ”
เมิ่งอู๋หยาพูดไม่ออกเลย…
กู้ซีจิ่วหาวอย่างเฉื่อยชาคราหนึ่ง “ขอบคุณมากสำหรับการดูแลในสองวันมานี้ของซื่อจื่อ เพียงแต่ข้าสมควรจะกลับได้แล้ว”
เธอยังขาดหินผลึกอีกส่วนหนึ่งอยู่ ต้องกลับไปเก็บต่ออีกวัน หลังจากเก็บได้เพียงพอแล้วก็จะไปจากภพมารเลย เรื่องของตี้ฝูอีในภายหน้าเธอก็จะไม่ยุ่งเกี่ยวต่อไปแล้ว
“เจ้าจะไปไหน?” เมิ่งอู๋หยาถาม
กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขา ก้าวออกไปทางด้านนอก
ความจริงเธอสามารถเคลื่อนย้ายจากไปได้ แต่ตอนนี้วิชาเคลื่อนย้ายแทบจะกลายเป็นเอกลักษณ์ของเธอแล้ว ถ้าใช้ออกมาเกรงจะถูกผู้อื่นมองตัวตนออก อีกอย่างเธอก็ยังไม่อยากเผยฐานะในตอนนี้ด้วย
เมิ่งอู๋หยาหรี่ตาลงนิดๆ ยิ้มแวบหนึ่ง
ถ้าไม่มีเขานำทาง เธอไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้!
ด้านนอกวังแก้วผลึกอุดมไปด้วยจิตมาร ขอเพียงนางก้าวออกไปจากวังแก้วผลึกแห่งนี้ ก็จะต้องเผชิญหน้ากับการกัดทึ้งอย่างดุดันบ้าคลั่งของพวกมัน…
นางมิใช่คนเขลา เมื่อพบจิตมารเหล่านั้นก็ต้องกลับมาเองแน่
เขาขึ้นจากน้ำพุร้อนอย่างไม่อนาทรร้อนใจ ออกมาอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจ จัดการเส้นผมอย่างใจเย็น เตรียมจะออกไปดูอย่างช้าๆ ถือโอกาสบอกความจริงที่ว่านางไม่อาจออกไปจากที่นี่ได้
กลับคาดไม่ถึงว่าจะมีเสียงหวีดหวิวแว่วมาจากด้านนอกวังแก้วผลึก นี่คือสัญญาณบ่งบอกว่าจิตมารได้รับความตื่นเต้นตกใจแล้ว
เขาพุ่งออกไป!
ถ้าเขาใจเย็นต่อไป คาดว่านางคงถูกจิตมารกัดกินจนเป็นเศษซากแล้ว!
แม่นางคนนี้ใจกล้าเกินไปแล้ว! นางน่าจะเห็นจิตมารที่ดุร้ายเหล่านั้นแล้วชัดๆ ไม่น่าเชื่อว่ายังกล้าพุ่งออกไปอีก…
เขาพุ่งออกไปยังปากทางเข้าออกของวังแก้วผลึกอย่างรวดเร็วปานลมหอบหนึ่ง ทันเห็นกู้ซีจิ่วที่กำลังล่องลอยออกไปไกลอยู่ท่ามกลางแม่น้ำโดยที่อยู่ในกลุ่มแสงเรืองๆ กลุ่มหนึ่ง
จิตมารเหล่านั้นวนเวียนอยู่ไม่ไกลจากรอบตัวนาง พลางหวีดร้องโหยหวน ทว่าไม่กล้าเข้าใกล้อย่างแท้จริง ดังนั้นในจุดที่นางเคลื่อนผ่าน จิตมารที่กระจุกกันอยู่พวกนั้นก็พากันแหวกทางให้ เปิดเป็นทางโล่งสายหนึ่ง ราวกับโมเสคแยกสมุทร
เมิ่งอู๋หยาตาค้างอ้าปากหวอ!
ตอนที่เขาผ่านทางมาที่นี่ ยังต้องทาโอสถลับขนานหนึ่งไว้บนร่างเพื่อต้านจิตมาร ถึงจะสามารถไปมาอย่างปลอดภัยได้ แต่ก็ยังคงมีจิตมารบางตัวเข้ามาโจมตีเขาอยู่ ทำให้เขาประมาทไม่ได้เลย
กลับคาดไม่ถึงว่าสตรีนางนี้มีเพียงเขตแดนห่อหุ้มอยู่รอบกายชั้นหนึ่ง ก็ผ่านไปได้อย่างง่ายดายแล้ว ขนาดจิตมารที่ดุร้ายที่สุดก็ไม่กล้าเข้าใกล้เลย
นางเป็นใครกันแน่?!
หรือว่าจะเป็น…เทพผู้สร้างโลก?
เขาถูกความคิดนี้ของตนทำเอาสะดุ้งโหยง! แทบไม่กล้าคาดคิดต่อไปแล้ว
พลันตัดสินใจไล่ตามไป “เสี่ยวจิ่ว รอเดี๋ยว!”
กู้ซีจิ่วไม่เหลียวกลับไปเลย เพียงโบกมือไปทางด้านหลัง
….
————————————————————————————-