ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2965 ยึดติด 3 / บทที่ 2966 ยึดติด 4
บทที่ 2965 ยึดติด 3
‘อื้อ!’
“เจ้ามีชื่อไหม?”
มังกรประทีปชมพูทึ่มทื่อไปแวบหนึ่ง ใช้อุ้งเท้านวดหว่างคิ้ว ‘คล้ายว่าจะมี เรียกว่าอะไรกันนะ?’
ตี้เฮ่าอดทนรอคอยให้มันนึกออก
มังกรประทีปชมพูดแทบจะทึ้งแผ่นเกล็ดตรงหว่างคิ้วออกมาแล้ว สุดท้ายมันก็รู้แจ้งขึ้นมา ‘ดูเหมือนว่าข้าจะชื่อเสี่ยวเฝิ่น!’ (ชมพูน้อย)
ตี้เฮ่านิ่งไปแล้ว
ชื่อหยาบกระด้างสามัญเช่นนี้! คล้ายกับ…คล้ายกับรสนิยมการตั้งชื่อของท่านแม่เขายิ่งนัก!
หรือว่ามังกรประทีปตัวนี้จะเป็นสัตว์เลี้ยงของมารดาเขา?
ตอนเขาย้อนทวนปางบรรพ์ จดจำที่มารดาเขาเคยกล่าวไว้ได้ ข้างกายของเทพผู้สร้างโลกล้วนมีมังกรประทีปตัวหนึ่งเป็นสัตว์เลี้ยง นางก็เคยมีอยู่ตัวหนึ่ง เพียงแต่สิ้นชีพไปก่อนที่นางเข้าสู่ห้วงนิทรา
หรือว่าเจ้านี่จะไม่ได้ตาย แต่ถูกผนึกเอาไว้ที่นี่?
เพียงแต่ หากว่ามันเป็นสัตว์เลี้ยงของมารดาเขา ก็น่าจะจดจำสตรีชุดขาวได้สิ แต่จากท่าทางของมันเห็นได้ชัดว่าไม่รู้จัก
คำถามมากมายวาบผ่านเข้ามาในสมองของตี้เฮ่าแต่ก็หาคำตอบไม่ได้ชั่วขณะ
….
ที่ใต้ดินนี้ตี้เฮ่าได้พักผ่อนฟื้นฟูอยู่ครู่หนึ่ง ยามที่ขึ้นมาอีกครั้ง สตรีนางนั้นหายไปแล้ว ทะเลทรายก็ร้อนระอุขึ้นยิ่งกว่าเดิม
พลังยุทธ์เขาฟื้นฟูกลับมาส่วนหนึ่งแล้ว จึงลงมือทำลายเขตแดนของที่นี่ทันที
ผลคือเขาเพียรพยายามอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้ถึงแปดวันเต็ม ก็ไม่พบแม้แต่เส้นทางที่เชื่อมต่อกับโลกภายนอกเลย
เขาเคยลงไปตรวจที่ใต้ดินดูแล้ว พามังกรประทีปชมพูตัวนั้นดำอยู่ใต้ดินหลายพันลี้ เมื่อโผล่ขึ้นมาบนผิวดินอีกครั้ง พบว่ายังคงเป็นทะเลทรายร้อนระอุที่กว้างไกลไร้ขอบเขตแห่งนั้น…
วิธีการทั้งหมดที่อยู่ในความทรงจำตี้เฮ่าล้วนใช้ออกมาหมดแล้ว ยังคงหนีออกไปจากทะเลทรายแห่งนี้ไม่ได้…
ชั่วพริบตาเดียว เขาก็อยู่ในทะเลทรายแห่งนี้มากว่าครึ่งเดือนแล้ว ตัวคนทรุดโทรมไปหมดแล้ว
ที่นี่ไม่มีน้ำไม่มีอาหาร ต่อให้เขาเป็นกายจิตที่ไม่ต้องดื่มกิน แต่ถูกแสงแดดแผดเผาอยู่ทุกวันเขาก็รับไม่ไหวจริงๆ
ดวงวิญญาณของเขาแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ถูกแสงแดดแผดเผาอยู่เช่นนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ เรี่ยวแรงถดถอยลงไปอย่างหนักหนาสาหัส
ช่วงไม่กี่วันให้หลังมานี้ตอนที่เขาติดตามมังกรประทีปดำลงไปอีก เขาถึงขั้นที่รู้สึกขาดอากาศ เวียนหัวตาลายอย่างหนัก
อยู่ด้านล่างได้สามนาทีห้านาทีก็ต้องรีบขึ้นมาแล้ว และพอขึ้นสู่ผิวดินก็ถูกแดดเผาจนเขาอยากจะหลบหนีไปอีก…
มังกรประทีปมองดวงหน้าน้อยๆ ที่ซีดเซียวขึ้นเรื่อยๆ ของเขา มันก็เป็นห่วงมากเช่นกัน ‘พี่ตี้ ท่านจะไม่ตายใช่ไหม? เมื่อหลายปีก่อนข้าช่วยซ่างเสินคนหนึ่งเอาไว้ เขาอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้ได้ไม่พ้นยี่สิบวันก็มอดม้วยไป แม้แต่เสี้ยววิญญาณก็ไม่หลงเหลืออยู่เลย’
ตี้เฮ่าตอบกลับมันประโยคเดียว “หุบปาก!”
เขาเป็นถึงเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ผู้สูงส่ง หากว่าเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ต้องมาสิ้นท่าอยู่ในสถานที่พิสดารเช่นนี้ก็น่าขันเกินไปแล้ว!
เพียงแต่เขาออกไปไม่ได้จริงๆ และอ่อนแอลงมากจริงๆ เขารู้สึกว่าดวงวิญญาณของตนถูกดูดดึงไปทีละนิดๆ ทว่าจนปัญญาที่ทำอันใดไม่ได้เลย
ทะเลทรายผืนนี้เป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง กลืนกินสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง ทำให้คนหลบหนีออกไปไม่ได้
ทว่าเจ้ามังกรประทีปตัวนั้น ถึงแม้จะถูกแสงแดดแผดเผาจนงุ่นง่านกระสับกระส่าย แต่เรี่ยวแรงยังคงพรั่งพร้อมสมบูรณ์ยิ่งนักอยู่เสมอ
หรือว่า สถานที่แห่งนี้มีเพียงมังกรประทีปตัวนี้ที่ไดรับอนุญาตให้อยู่ได้ ส่วนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ถ้าเข้ามามีแต่จะถูกดูดกลืนไปอย่างช้าๆ
ในสถานที่แห่งนี้ เขารอคอยความช่วยเหลือจากภายนอกไม่ไหว จะหนีออกไปเองก็ไม่ได้
เขามองดูตะวันดวงนั้นที่แขวนอยู่ตรงขอบฟ้า สำนึกเสียใจอย่างยิ่ง
หากรู้เช่นนี้แต่แรก ตอนนั้นไม่เขาไม่ควรจะปล่อยให้ตัวเองถูกมังกรประทีปของฟั่นเชียนซื่อเกี่ยวดึงออกมาเลย…
ตอนนี้เขาถอดวิญญาณออกมาเนิ่นนานขนาดนี้ เกรงว่าท่านพ่อท่านแม่ของเขาคงร้อนใจจนคลั่งแล้ว!
อย่างไรก็ตาม บางทีพวกเขาอาจจะไม่ร้อนใจจนเกินไป ถึงอย่างไรเขาก็สร้างภูมิคุ้มกันให้พวกเขาไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว บอกว่าตัวเองอาจจะหายไปได้ทุกเมื่อ…
ไม่แน่ว่าพอพวกเขาเห็นว่าดวงวิญญาณของเขาจากไปแล้ว อาจจะนึกว่าเขากลับสู่ยุคสมัยของตัวเองไปจริงๆ แล้วก็ได้!
บางทีพวกเขาคงจะไม่ออกตามหาเขาแล้ว อย่างมากก็คงเก็บสังขารของเขาไว้ข้างกาย ปล่อยกลิ่นเหม็นเน่าออกมาเมื่อไหร่ก็ค่อยโยนทิ้งเมื่อนั้น…
————————————————————————————-
บทที่ 2966 ยึดติด 4
ความคิดสมมุตินี้ไม่ค่อยงดงามเลยจริงๆ ตี้เฮ่าหดหู่ใจแล้ว!
วันนี้ ขณะที่ตี้เฮ่ากำลังพิงร่างเจ้ามังกรประทีปนอนสะลึมสะลืออยู่ในหลุม ได้มีคนนอกเข้ามาในทะเลทรายแห่งนี้…
นั่นคือหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ดูจากท่าทางแล้ววรยุทธ์ไม่ต่ำเลย อย่างน้อยก็บรรลุขั้นซ่างเซียนกันหมดแล้ว
สองคนนี้น่าจะเป็นคู่รักกัน บุรุษคนนั้นโอบเอวของหญิงสาวเอาไว้ตลอด สตรีนางนั้นก็เอนซบหน้าอกของฝ่ายชาย พวงแก้มแดงเรื่อเผยความเขินอายออกมา
ตี้เฮ่ารู้สึกว่าตนเข้าใจความรู้สึกเช่นนั้นของมังกรประทีปชมพูนิดหน่อยแล้ว ครั้งแรกที่ได้เห็นมนุษย์คนอื่น เขายังคงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
เขาไม่ได้เผยตัว อยากฟังบทสนทนาของพวกเขาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกครั้ง
มังกรประทีปชมพูก็ฟุบอยู่ตรงนั้นอย่างไม่แยแส ถึงอย่างไรสองคนนั้นก็มองไม่เห็นมันอยู่แล้ว มันเลยไม่จำเป็นต้องหลบซ่อน
มังกรประทีปชมพูร้อนมาก เมื่อเห็นคนทั้งสองอิงแอบแนบซบกัน มันค่อนข้างฉงนอยู่บ้าง เอ่ยถามตี้เฮ่า ‘พวกเขาไม่ร้อนหรือ? ถึงแนบชิดกันขนาดนี้!’
ตี้เฮ่าตบแผ่นเกล็ดของมันเบาๆ เป็นสัญญาณให้มันอย่าส่งเสียง
หลังจากสองคนนั้นเข้ามาก็ไม่ได้รีบร้อนจะสำรวจด้านในเลย เพียงมองดูรอบข้างแวบหนึ่ง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีคน ก็โอบกอดกันทันที บุรุษคนนั้นก็เอ่ยเสียงกระเส่า “ที่รัก ที่นี่ไม่มีผู้ใดมารบกวนพวกเราได้อีกแล้ว! พวกเรามาทำเรื่องเร่าร้อนกันก่อนเถิด…” ว่าแล้วก็จุมพิตลงไปอย่างร้อนแรง
ทั้งสองคนกอดจูบกัน เกลือกกลิ้งอยู่บนเนินทราย เสื้อผ้าโยนอยู่เกลื่อนพื้น…
ตี้เฮ่าไม่คาดคิดเลยว่าจะได้เห็นฉากแบบนี้ กระแอมเบาๆ คราหนึ่ง ตัดสินใจลากมังกรประทีปชมพูหันหลังออกเดิน “พวกเราไปเดินที่อื่นก่อนเถอะ”
มังกรประทีปชมพูกำลังมองด้วยความสนอกสนใจ ไหนเลยจะยอมไป ‘เอ๋ พวกเขากำลังทำอะไรน่ะ? ต่อสู้กันหรือ? ยังไงก็ตามพวกเขารู้จักร้อนแล้วสินะ ถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้ว…’
ตี้เฮ่าหน้าทะมึนแล้ว พลันยกมือ แถบผ้าสองผืนลอยออกมาจากแขนเสื้อของเขาบดบังดวงตาของมังกรประทีปชมพูเอาไว้ เอ่ยขู่ “เสี่ยวเฝิ่น ถ้าเจ้ายังไม่ไปอีก นายน้อยอย่างข้าจะไม่สนใจเจ้าอีกต่อไป!”
ถ้อยคำข่มขู่นี้ได้ผลยิ่งนัก มังกรประทีปชมพูเดินตามเขาไปทันที
แน่นอน พวกเขาไม่ได้เดินไปไหนไกล ยึดถือการมองไม่เห็นฟังไม่ได้ยินเป็นมาตรฐาน
มังกรประทีปชมพูเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วยจริงๆ ‘“แค่คนสองคนทะเลาะกันเท่านั้น มีอะไรที่ไม่เหมาะให้ดูกัน? เมื่อก่อนข้าเคยเห็นแบบคู่นี้มามากมายแล้ว บ้างก็เข้ามาแล้วตีกันเลย บ้างก็เดินเตร่อยู่หนึ่งวันครึ่งวันแล้วค่อยตีกัน…’
ตี้เฮ่าพูดไม่ออกแล้ว…
คล้ายว่าเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “ผู้คนที่เจ้าเห็นเข้ามากันเป็นคู่ๆ หมดเลยหรือ? เป็นชายหญิงจับคู่กัน?”
มังกรประทีปชมพูพยักหน้า ‘ใช่แล้ว ล้วนเข้ามากันเป็นคู่’
ที่แท้สถานที่แห่งนี้มีเพียงคู่รักที่เข้ามาได้ ตี้เฮ่าสรุปออกมาได้อีกข้อหนึ่งแล้ว
ตนเป็นคนโสดผู้หนึ่ง หากมิใช่เพราะถูกมังกรประทีปชมพูตัวนี้ชิงตัวลงมา เกรงว่าคงไม่มีทางได้เข้ามาเลย กระมัง?
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ เขาก็ถลึงตามองมังกรประทีปอย่างดุดันแวบหนึ่ง จ้องจนมังกรประทีปชมพูกระมิดกระเมี้ยนแล้ว
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ตี้เฮ่ารู้สึกว่าพอประมาณแล้ว ถึงได้เดินกลับไป
มองเห็นสองคนนั้นหยุดรบกันแล้วจริงๆ กำลังนั่งสนทนากันอยู่ตรงนั้น
จากบทสนทนาของพวกเขาทำให้เขาได้ทราบสถานการณ์ของโลกภายนอกอยู่บ้าง
ทวีปแห่งนี้นามว่าทวีปผิงสิงเสินอู๋ และทะเลทรายแห่งนี้ก็ตั้งอยู่ใจกลางของทวีปนี้ เป็นสถานที่ต้องห้ามของผู้คนในทวีปนี้
ภายในทะเลทรายแห่งนี้ดวงตะวันไม่ลาลับ ทว่าด้านนอกทะเลทรายกลับปกติดี มีตะวันขึ้นและมีจันทราตก
บนแผ่นดินมีพืชพันธุ์บุปผาไม้ผลสิงสาราสัตว์หมัดแมลงเติบโตงอกงาม สิ่งมีชีวิตทุกอย่างล้วนดำเนินชีวิตไปตามปกติ
แต่ทะเลทรายแห่งนี้กลับขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ราวกับตะวันดวงน้อยที่เจริญเติบโตขึ้นบนพสุธา ระดับความร้อนแทบจะสาดส่องแผ่กระจายไปทั่วทวีปแล้ว ร้อนจนพืชผลเฉาตาย แม่น้ำแห้งเหือด ทำให้ชาวทวีปนี้ดำเนินชีวิตได้ยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ…
หลายปีมานี้มียอดฝีมือนับไม่ถ้วนถูกส่งมาตรวจสอบสถานที่แห่งนี้ แต่พวกเขาบ้างก็เข้ามาไม่ได้ บ้างก็เข้ามาแล้วขาดการติดต่อไปเลย
….
————————————————————————————-