ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2975 จิตมาร 5 / บทที่ 2976 ทรมาน
บทที่ 2975 จิตมาร 5
เสี่ยวเฮยเพิ่งเคยพบสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก มันก็ทึ่มทื่อไปแล้วเช่นกัน มองดวงตะวันอันร้อนแรงเหนือศีรษะจากนั้นก็มองผู้เป็นนาย ‘คงมิใช่ว่าพวกเราต้องติดอยู่ที่นี่ไปตลอดกระมัง?!’
ใบหน้าหล่อเหลาของฟั่นเชียนซื่อครึ้มลงนิดๆ คล้ายเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “มังกรประทีปสีชมพูตัวนั้นอยู่ที่ไหน? เจ้าบอกว่ามันอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้มิใช่หรือ?”
เสี่ยวเฮยผงะไปแวบหนึ่ง ในดวงตามีความหวาดระแวง ‘นายท่าน มันเป็นผู้บริสุทธิ์! เจ้าคงจะไม่ระบายอารมณ์ใส่มันใช่ไหม?’
เส้นเลือดตรงขมับของฟั่นเชียนซื่อเต้นตุบๆ เตะมันไปทีหนึ่ง “เปิ่นจุนบอกแล้วไง! ขอเพียงมันทำตัวว่าง่าย เปิ่นจุนจะไม่ทำอันใดมัน! ถ้าเจ้าพูดมากอีกล่ะก็ เปิ่นจุนจะเอาเจ้าไปย่างระบายอารมณ์!”
สุดท้ายเสี่ยวเฮยก็ไม่กล้าขัดขืนเขาจริงๆ เอ่ยอ้อมแอ้มประโยคหนึ่ง ‘ยังไงก็ตามไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่อาจทำอันตรายมันได้ มิเช่นนั้นผู้เฒ่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเล่า?’
ฟั่นเชียนซื่อคร้านจะสนใจมันแล้ว นับตั้งแต่ไอ้ตัวนี้ได้พบมังกรประทีปสีชมพู จิตวิญญาณความเป็นสุภาพบุรุษก็โผล่ออกมาอย่างสมบูรณ์เลย!
มังกรประทีปที่ดีจะไม่สร้างความลำบากให้ตัวเมียเอย มังกรประทีปตัวเมียต้องมาก่อนเอย…คำพูดเหล่านี้พ่นออกมาเต็มไปหมด ทำให้ฟั่นเชียนซื่อรำคาญอย่างยิ่ง อยากจะทุบมันอยู่หลายหน!
เพียงแต่เมื่อนึกถึงนิสัยจูงไม่ยอมเดิน ตีแล้วยิ่งถอยของไอ้ตัวนี้ เขาก็สะกดกลั้นเอาไว้อีกครั้ง
เขาสามารถโหดเหี้ยมต่อผู้อื่นได้ มีเพียงเจ้าเสี่ยวเฮยตัวนี้ที่ไม่เคยลงมือด้วยอย่างเหี้ยมโหดเลย ส่งผลให้ไอ้ตัวนี้เคยชินกับการไร้กฏไร้ระเบียบ มักจะชูคอต่อรองกับเขาอยู่เสมอ…
“รีบตามหามันซะ! มันคืองูเจ้าถิ่นของที่นี่ บางทีอาจจะมีวิธีออกไป”
‘มันเป็นมังกรไม่ใช่งู…’
“ข้ารู้แล้ว! ข้าแค่เปรียบเปรยเท่านั้นไอ้โง่อย่างเจ้าเข้าใจบ้างไหม?!” โทสะของฟั่นเชียนซื่อแทบจะพวยพุ่งทะลุฟ้าแล้ว
เสี่ยวเฮยกระแอมคราหนึ่ง ‘เปรียบเปรยบ้าบออะไร เป็นการเอามังกรไปเทียบกับงูชัดๆ…’
มันบ่นอุบอิบในที่สุดก็เริ่มจับกลิ่นอายค้นหามังกรประทีปชมพูแล้ว
มังกรประทีปจับสัมผัสของมังกรประทีปด้วยกันได้ตามธรรมชาติ ดังนั้นหลังจากมันหมุนไปหมุนมาเล็กน้อย ก็จับร่องรอยของมังกรประทีปชมพูได้แล้ว ‘แปลกจัง ดูเหมือนว่ามันจะอยู่ใต้ดินเลย! หรือว่าเป็นเพราะกลัวร้อน เลยเปลี่ยนไปอาศัยอยู่ในโพรง?’
ในเมื่อทะเลทรายผืนนี้เป็นสถานที่กักขังผู้คน เช่นนั้นหลังจากดวงวิญญาณของตี้เฮ่ามาที่นี่แล้ว เกรงว่าจะหนีออกไปไม่ได้เช่นกัน ไม่แน่ว่าอาจจะยังอยู่ข้างกายมังกรประทีปชมพูตัวนั้นก็ได้…
เขากระโดดขึ้นหลังของเสี่ยวเฮย “พาเปิ่นจุนไปตามหา!”
….
ทันทีที่ฟั่นเชียนซื่อปรากฏตัวขึ้นตี้เฮ่ากับมังกรประทีชมพูก็ดำลงไปใต้ดินเลย
ถึงอย่างไรเสี่ยวเฝิ่นก็ชิงตัวตี้เฮ่ามาจากกรงเล็บของมังกรประทีปดำ ดังนั้นทันทีที่เห็นเสี่ยวเฮยก็ร้อนตัวหลบหนีไปตามสัญชาตญาณ
มันไม่ได้หลบหนีไปตัวเดียว มันยังคงพาตี้เฮ่าที่เป็นสินสงครามของมันหนีไปด้วย…
ความเร็วของมันว่องไวยิ่ง ยามที่ปฏิกิริยาตอบสนองของตี้เฮ่ากลับคืนมา ก็มุดดำอยู่ใต้ดินกับเสี่ยวเฝิ่นแล้ว
เนื่องจากปกติก็มาหลบอยู่ที่นี่บ่อยๆ เสี่ยวเฝิ่นจึงขุดโพรงแห่งหนึ่งไว้ที่นี่แล้ว
ถึงแม้โพรงนี้จะขุดขึ้นอย่างหยาบๆ แต่อยู่ด้านในแล้วก็ไม่เบียดเสียดเลย ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือไม่มีอากาศ อยู่ในนี้นานๆ แล้วจะขาดอากาศหายใจ
เสี่ยวเฝิ่นมุดตรงเข้ามาที่นี่เลย จากนั้นก็ชันหูฟังความเคลื่อนไหวจากด้านบน
ตี้เฮ่ายืนอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้มันฟังไป
ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้เอ่ยถามมัน “เจ้าได้ยินความเคลื่อนไหวจากด้านบนหรือ?”
เสี่ยวเฝิ่นส่ายหน้า ‘ไม่ได้ยินหรอก ที่นี่ห่างจากผิวดินพันจั้งเลยนะ!’
“เช่นนั้นที่เจ้าทำอยู่คือ?”
‘ข้าจับตำแหน่งของมังกรประทีปดำตัวนั้นอยู่ ระหว่างพวกเราเหล่ามังกรประทีปมีสัมผัสพิเศษ ขอเพียงอยู่ใกล้กันในระยะพันลี้ ก็สามารถจับตำแหน่งของกันและกันได้ คาดเคลื่อนเพียงไม่กี่จั้ง…’ เสี่ยวเฝิ่นถ่ายทอดความรู้ทั่วไปให้เขาอย่างภาคภูมิ
สีหน้าตี้เฮ่าแปรเปลี่ยนนิดๆ สูดหายใจเบาๆ คราหนึ่ง “ขึ้นไปเถอะ!”
‘หา? ขึ้นไปทำไมล่ะ? คนที่จับกุมเจ้าคราวก่อนก็คือพวกเขานะ ถ้าขึ้นไปก็ถูกพวกเขาพบเข้าน่ะสิ!’
“ไม่ขึ้นไปก็ถูกพบเหมือนกัน มิสู้ขึ้นไปเผชิญหน้าตรงๆ…”
“เสี่ยวตี้เฮ่า เจ้าช่างรู้ความโดยแท้” น้ำเสียงเสนาะดึงดูดสายหนึ่งพลันแว่วเข้ามา
….
————————————————————————————-
บทที่ 2976 ทรมาน
ตี้เฮ่าเงยหน้าขึ้น มองเห็นฟั่นเชียนซื่อขี่หลังมังกรประทีปดำมุดดำลงมา กำลังก้มมองเขาจากด้านบน
แผ่นเกล็ดทั่วร่างของมังกรประทีปชมพูแทบจะตั้งชันขึ้นมาหมดแล้ว พลันเอี้ยวศีรษะ หิ้วตี้เฮ่าขึ้นมานั่งบนหัวตัวเอง จากนั้นมันก็ถลึงตาใส่มังกรประทีปดำคราหนึ่ง กู่ร้องเสียงยาว แล้วพุ่งทะยานขึ้นสู่ด้านบน!
‘มันดูแคลนข้า! มันดูแคลนข้าแล้ว!’ เสี่ยวเฮยแทบจะขดตัวเป็นก้อนแล้ว
ฟั่นเชียนซื่อกระตุกตะเกียงบนศีรษะของมัน “เจ้าตาฝาดแล้ว เอาล่ะ ขึ้นไป!”
ทันทีที่ฟั่นเชียนซื่อมองเห็นตี้เฮ่าก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่น่าเชื่อว่าไอ้เด็กคนนี้จะยังอยู่จริงๆ ไม่เลวเลย! ยอดเยี่ยม! ขอเพียงจับตัวเขาได้ ก็สามารถข่มขู่พวกตี้ฝูอีสามีภรรยาได้แล้ว…
….
ฟั่นเชียนซื่อหลงนึกว่า ตี้เฮ่ากับมังกรประทีปอ้วนป้อมตัวนั้นจะหลบหนีต่อไปอีก ไม่แน่ว่าอาจต้องไล่ล่ากันไปทั่วอยู่ครึ่งค่อนวันเหมือนแมวล่าหนู
กลับคาดไม่ถึงว่าพอเขาขึ้นมาถึง ตี้เฮ่ากับมังกรประทีปชมพูตัวนั้นก็ยืนอยู่ที่นั่นแล้ว
ตี้เฮ่ายังคงขี่หลังของมังกรประทีปชมพูตัวนั้นอยู่ ส่วนมังกรประทีปชมพูก็ยืนอยู่บนเนินทรายลูกหนึ่ง แสงอาทิตย์สาดส่องจนเงาร่างของพวกเขายืดยาวเป็นเส้นเดียวกัน เป็นความงดงามอันเปล่าเปลี่ยวประการหนึ่ง
ตี้เฮ่ายังคงมีรูปโฉมเช่นเดียวกับในอดีต เพียงแต่ดวงหน้าน้อยๆ ซูบลงไปมาก คล้ายจะประสบความผันผวนเปลี่ยนแปลงมาบ้างแล้ว
สายตาของฟั่นเชียนซื่อร่อนลงบนร่างของมังกรประทีปชมพูตัวนั้น มุมปากกระตุกนิดๆ!
นี่คือโฉมงามที่งามพิลาสสะท้านฟ้าสะเทือนดินจากตามคำบอกเล่าของเสี่ยวเฮย ทำให้มันคะนึงหาไม่สร่างซา แม้แต่เจ้านายก็ไม่ต้องการแล้วงั้นรึ?!
รูปลักษณ์เช่นนี้…
หากว่าอยู่ในโลกของมังกรประทีป ก็คงเป็นตัวพิลึกพิลั่นตัวหนึ่งกระมัง?!
ทั้งอ้วนทั้งป้อมเหมือนลูกฟักไม่มีผิด! ถึงแม้สีสันผิวพรรณจะไม่เลวเลย ชมพูผ่องเป็นยองใย ดูน่ารักน่าเอ็นดูยิ่ง แต่ความงามของมังกรประทีปมิใช่ความน่ารักน่าเอ็นดู แต่เป็นความงามจากความแข็งแกร่งลึกลับงามสง่า…
ทัศนคติความงามของเจ้าเสี่ยวเฮยบ้านเขาช่างน่าสะพรึงนัก!
หรือเป็นเพราะเจ้าเสี่ยวเฮยของบ้านเขาไม่เคยพบเห็นมังกรประทีปตัวอื่นมาเนิ่นนานปานนี้ ดังนั้นจึงเห็นแม่หมูเป็นยอดพธูสะคราญโฉม…
เห็นทีว่าหลังออกจากไปที่นี่ได้ เขาต้องพาเสี่ยวเฮยไปเยือนแดนมังกรประทีปสักคราแล้ว ให้มันได้เห็นเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ตัวอื่นๆ ปรับทัศนคติด้านความงามของมันให้ถูกต้อง…
หลังจากเจ้าเสี่ยวเฮยมุดออกมาจากพื้นดินแล้ว ก็ก้มหน้าชิดอก ไม่กล้ามองเผชิญหน้ากับมังกรประทีปชมพูตัวนั้นที่มองมันเหมือนอยากจะกัดให้ตาย ในใจของมันรู้สึกผิด ไม่เพียงแต่ก้มหน้าเท่านั้น แม้แต่ตะเกียงบนยอดศีรษะยังพับห้อยลงมา หางขนดเป็นวงอยู่ด้านหลัง แทบจะซุกเข้าไปในผืนทรายแล้ว
ฟั่นเชียนซื่ออยู่กับมันมาเนิ่นนานปานนี้ ย่อมทราบว่าท่าทางนี้ของมันหมายถึงอะไร
ใจฝ่ออย่างยิ่ง…
เจ้าสิ่งนี้กำลังใจฝ่ออย่างยิ่ง!
ฟั่นเชียนซื่อรู้สึกเหนื่อยใจนัก ขุ่นขึ้งเคืองโกรธยิ่ง ส่งกระแสเสียงหามัน ‘ลูกฟักกลมป้อมเช่นนี้ก็ทำให้เจ้าคะนึงหาได้เป็นเดือนๆ! เจ้าจะมาใจฝ่ออันใดอีก!’
ตะเกียงเหนือศีรษะของเสี่ยวเฮยตั้งชันขึ้นมาเสียงดังฟึ่บ มันโกรธแล้ว ‘ห้ามเรียกมันแบบนี้! มันงดงามที่สุด!’
มันสะบัดตัวคราหนึ่ง แทบจะทำให้ฟั่นเชียนซื่อหล่นลงไปแล้ว!
ฟั่นเชียนซื่อพูดไม่ออกเลย
เอาเถิด ในสายตาคนรักย่อมงดงามดุจไซซี ตอนนี้เขาคร้านจะถกเถียงกับมันแล้ว ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง!
สายตาเขาจับนิ่งอยู่ที่ร่างของตี้เฮ่า ยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง “เจ้าจะยอมจำนนด้วยตัวเอง หรือว่าจะให้เปิ่นจุนจับเจ้า?”
ตี้เฮ่าก็ยิ้มแล้วเช่นกัน “อันที่จริงเจ้าจับข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อเจ้าเข้ามาที่นี่แล้ว เช่นนั้นก็เตรียมตัวอยู่เป็นเพื่อนข้าที่นี่ไปชั่วชีวิตเถิด”
อันที่จริงตี้เฮ่าค่อนข้างยินดีอยู่บ้าง สถานที่แห่งนี้เข้าได้ออกไม่ได้ หากว่าฟั่นเชียนซื่อติดอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิต เช่นนั้นวันหน้าเขาก็ออกไประรานผู้อื่นไม่ได้แล้วชะตาของพวกตี้ฝูอีสามีภรรยาก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว…
เท่ากับว่าตัวเขาตี้เฮ่าเปลี่ยนแปลงชะตากรรมในอนาคตของบิดามารดาได้แล้ว ต่อให้ติดอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิตก็คุ้มค่าแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังไม่แน่ว่าเขาจะต้องติดอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิตด้วย บางทีรอจนท่านแม่เขาตั้งครรภ์อีกครา ดวงวิญญาณเขาก็อาจจะไปจุติในครรภ์ของท่านแม่ด้วยตัวเอง อีกไม่กี่สิบปีให้หลังก็ได้มีชีวิตใหม่เป็นชายชาตรีอีกครั้งแล้ว!
————————————————————————————-