ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2983 ดาวช่วยชีวิต 4 / บทที่ 2984 คว้าน้ำเหลวซ้ำๆ
บทที่ 2983 ดาวช่วยชีวิต 4
กระโจมสีเหลืองซีดหลังหนึ่งกางกั้นแสงตะวันอันร้อนแรง
สีสันของกระโจมหลังนี้เป็นสีเดียวกับทะเลทราย ตั้งอยู่ริมเนินทรายที่ทอดยาวต่อกัน เมื่อดูเผินๆ แล้ว ไม่แตกต่างไปจากเนินทรายรอบข้างเลย
ภายในกระโจม ตี้เฮ่ามองมารดาที่กำลังยุ่งง่วนอยู่รอบกายเขายังคงไม่อยากเชื่ออยู่บ้าง
“เอาล่ะ ปิดปากเสียเถอะ อย่าทำเหมือนไม่เคยประสบพบเจอโลกสิ” กู้ซีจิ่วใช้นิ้วเคาะศีรษะของบุตรชายทีหนึ่ง ดึงเถาหนามกิ่งสุดท้ายบนร่างเขาออกมา จากนั้นก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผากเขาที่ซึมออกมาด้วยความเจ็บปวด
เห็นได้ชัดว่านางเป็นผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่ง แทบจะเข้าขั้นยาถึงโรคหายเลย หลังจากถอนหนามทายาของนางแล้ว ความเจ็บปวดที่ทิ่มกระดูกแทงหัวใจนั้นก็เลือนหายไปกว่าครึ่งแล้ว
เถาหนามบนร่างของมังกรประทีปชมพูมากมายที่สุด ราวกับตัวเม่น แต่มันเห็นกู้ซีจิ่วก็ยังคงไม่กล้าเข้ามาหา หดตัวมองนางอยู่ในซอกมุมหนึ่ง แววตาหวาดระแวง
ยามที่สายตาของกู้ซีจิ่วหันเหมายังร่างมัน มันก็หดสะท้านยิ่งกว่าเดิม
“ท่านแม่ รักษาให้มันหน่อยเถอะ เพราะมันช่วยลูกถึงได้…” ตี้เฮ่าเว้าวอน
“วางใจเถอะ แม่รักษาให้มันได้” กู้ซีจิ่วตบไหล่บุตรชายเบาๆ “เฮ่าเอ๋อร์ เจ้าหล่อเลี้ยงพลังชีพไปก่อน พอแม่รักษามันเสร็จแล้วค่อยมาคุยกับเจ้าอีกที”
“ขอรับ!” ถึงแม้ตี้เฮ่าจะมีคำถามที่อยากถามมารดาอยู่เต็มท้อง แต่เขาก็ทราบว่าหลังจากนี้ยังมีศึกใหญ่ที่ยากจะต่อกรได้อีก เขาสามารถฟื้นฟูได้หนึ่งส่วนก็เท่ากับลดทอนอันตรายลดไปได้หนึ่งส่วน
มังกรประทีปชมพูมองกู้ซีจิ่วด้วยดวงตากลมแป๋ว พอเห็นนางเดินเข้ามาใกล้ตน มันก็ถอยกรูดไป
“เสี่ยวเฝิ่น ไม่ต้องกลัว นี่คือท่านแม่ของข้า มิใช่มารเทพที่ทำให้อุณหภูมิของทะเลทรายลดต่ำลงได้ผู้นั้น นางไม่มีทางทำร้ายเจ้า แค่จะช่วยเหลือเจ้าเท่านั้น” ตี้เฮ่าเอ่ยเสียงแผ่ว ปลอบประโลมมัน
‘แต่ว่า…พวกนางหน้าตาเหมือนกันมากเลย! เหมือนแทบทุกอย่าง…’
“ก็แค่หน้าเหมือนกันเท่านั้น ไม่ใช่คนเดียวกันเสียหน่อย”
‘อืม เจ้าพูดถูก บนร่างนางไม่มีไอมาร วรยุทธ์ก็ไม่เท่าคนผู้นั้น แต่ดูผ่อนคลายกว่ามาก…’ นัยน์ตาของมังกรประทีปชมพูกลอกไปมา เพ่งพิศกู้ซีจิ่วซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หนึ่งคนหนึ่งสัตว์ย่อมสนทนากันด้วยภาษามังกรประทีป มังกรประทีปชมพูคิดว่าสตรีที่อยู่เบื้องหน้าต้องฟังไม่ออกแน่นอน ดังนั้นยามที่พูดจึงกำเริบเสิบสานยิ่ง
กู้ซีจิ่วลูบหัวของมัน คลึงตะเกียงดวงน้อยบนยอดศีรษะของมันเล่น ใช้นิ้วก้อยดีดคราหนึ่งอย่างเบิกบาน
ร่างของมังกรประทีปชมพูพลันแข็งทื่อไปแวบหนึ่ง เงยหน้ามองนาง
กู้ซีจิ่วลูบนิ้วลงบนเปลือกตาของมันเล็กน้อย “ตาสองชั้นเสียด้วย น่ามองนัก”
นิ้วของนางแตะอย่างแผ่วเบา ทว่าในหัวใจของมังกรประทีปชมพูคล้ายถูกสิ่งใดดีดเข้าใส่อย่างแรง มองดูนางอย่างใจลอยเสมือนวิญญาณหลุดจากร่างไปแล้ว รู้สึกคุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้อยู่บ้างอย่างเลือนราง ทำให้ความรู้สึกสนิทชิดเชื้ออันน่าประหลาดเอ่อท้นขึ้นมาในหัวใจมัน…
เดิมทีมันชังสตรีชุดขาวผู้นั้นยิ่ง และหวาดเกรงกู้ซีจิ่วที่รูปโฉมเหมือนสตรีชุดนางนั้นทุกประการยิ่งนัก แต่หลังจากถูกกู้ซีจิ่วลูบเบาๆ เช่นนี้ไปสองที ความหวาดกลัวในใจมันก็อันตรธานหายไปอย่างน่าพิศวง ต้องการจะใกล้ชิดนาง…
ในขณะที่แม้แต่ตัวมันเองก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าควรทำอย่างไร ตะเกียงดวงน้อยเหนือศีรษะมันก็แกว่งไกวแล้ว หย่อนลงถูไถฝ่ามือของนาง…
เมื่อถูเสร็จตัวมันเองก็ทึ่มทื่อไปเล็กน้อยเช่นกัน รู้สึกคลับคล้ายคลับคลาว่าเหมือนเคยทำอยู่เป็นประจำ
กู้ซีจิ่วโดนมันถูไถในใจก็อุ่นวาบขึ้นมานิดๆ เช่นกัน ในใจเธอก็มีคำถามมากมายที่ต้องการคำอธิบายอยู่เช่นกัน
เธอถอนหนามให้มังกรประทีปชมพูไปพลาง เอ่ยถามมันไปพลาง “ที่นี่มีคนที่หน้าตาเหมือนผู้ทรงสิทธิ์อย่างข้าทุกประการด้วยหรือ? เจ้าอยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่แล้ว…”
เธอเอ่ยคำถามออกไปพรวนหนึ่ง มังกรประทีปชมพูตาโตยิ่งกว่าไข่ไก่แล้ว ‘เจ้า…ท่านเข้าใจภาษมังกรประทีปหรือ?!’
————————————————————————————-
บทที่ 2984 คว้าน้ำเหลวซ้ำๆ
“อื้ม พอรู้อยู่บ้าง ดังนั้นเจ้าแค่ตอบคำถามของข้ามาก็พอแล้ว ไม่ต้องให้เฮ่าเอ๋อร์เป็นล่ามหรอก” น้ำเสียงของกู้ซีจิ่วนุ่มนวลหนักแน่น
มังกรประทีปชมพูมองนางอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยพึมพำ ‘ประหลาดนัก เมื่อก่อนไม่เคยมีใครสามารถมองเห็นข้าหรือได้ยินข้าเลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนผู้อื่นจะสามารถมองเห็นข้าได้ยินเสียงของข้าแล้ว…’
วิธีที่นางดึงหนามออกให้มันแผ่วเบาว่องไว ทำให้มันรับได้สบายยิ่ง และรู้สึกอบอุ่นยิ่งนักด้วย
มันอดใจไม่อยู่ถูไถตะเกียงบนยอดศีรษะเข้ากับฝ่ามือนางอีกครั้ง แล้วถึงตอบคำถามของนางไปทีละข้อๆ ทุกอย่างที่มันรู้ มันล้วนตอบอย่างไม่ปิดบังหมกเม็ด มากมายครบถ้วนยิ่งกว่าที่บอกตี้เฮ่าเสียอีก
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วนิดๆ ที่นี่เข้าได้ออกไม่ได้งั้นหรือ?
เธอกำมือคราหนึ่ง เธอไม่เชื่อเรื่องนี้ เธอจะกลับไปลองดู! บนโลกนี้ยังไม่เคยมีเขตแดนที่เธอทำลายไม่ได้!
ยังมีมารเทพที่หน้าตาเหมือนเธอทุกอย่างทว่าไม่ทราบประวัติความเป็นมาอันใดเลยตนนั้นด้วย เขตแดนทะเลทรายแห่งนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับนางอย่างลึกล้ำกระมัง?
ถึงแม้กู้ซีจิ่วจะมาที่นี่เป็นครั้งแรกแต่สัมผัสที่หกของเธอเฉียบไวยิ่ง สังหรณ์ใจว่ากุญแจสำคัญในการทำลายทะเลทรายประหลาดแห่งนี้อยู่ที่ร่างของมารเทพตนนั้น!
เธอถอนหนามให้มังกรประทีปชมพูเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว และทายาให้เรียบร้อยแล้ว ในที่สุดมังกรประทีปชมพูก็ไม่เจ็บปวดถึงเพียงนั้นแล้ว เพียงแต่มันยังคงไม่วางใจอยู่ บางครั้งก็คล้ายจะสัมผัสถึงอะไรได้ สีหน้าหวาดระแวง
“เป็นอะไรไป?” กู้ซีจิ่วลูบหน้าผากมันเล็กน้อย
‘แปลกจัง นานขนาดนี้แล้ว เจ้าตัวดำซกมกตัวนั้นยังไม่ตามมาเลย…ว่ากันตามเหตุผลแล้ว มันควรจับกลิ่นอายมังกรประทีปของข้ามาตามหาได้แล้ว’
กู้ซีจิ่วย่อมมีภาพจำต่อมังกรประทีปเสี่ยวเฮยอย่างลึกล้ำ ใจเต้นแวบหนึ่ง “พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”
มังกรประทีปชมพูจึงเล่าเรื่องการจับสัมผัสถึงกันและกันในหมู่มังกรประทีปออกมารอบหนึ่ง กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย นวดหว่างคิ้วแล้วถึงเอ่ยว่า “ทำไมเจ้าไม่บอกแต่แรก?”
‘จ...เจ็บจนลืมไปเลย’
เอาเถอะ กู้ซีจิ่วลูบหัวมันเบาๆ “เช่นนั้นเจ้าจับสัมผัสดูหน่อยสิว่ามันอยู่ที่ไหน?”
มังกรประทีปชมพูเงยหน้าขึ้น ‘ข้าไม่สนใจอยากรู้ว่ามันอยู่ที่ไหนนี่นา! คร้านจะจับสัมผัสของมัน!’
เส้นเลือดบนขมับกู้ซีจิ่วเต้นตุบๆ “โง่งม ข้าให้เจ้าจับสัมผัสมันเพื่อให้หลบเลี่ยงมันได้ทันท่วงที!” เธอมีวิชาเคลื่อนย้ายอยู่กับตัว ขอเพียงจับสัมผัสได้ว่ามังกรประทีปดำตัวนั้นไล่ตามมาแล้ว เธอก็พาทั้งสองเคลื่อนย้ายไปได้ทันที แบบนี้ต่อให้เป็นฟั่นเชียนซื่อก็ไล่ตามเธอไม่ทัน…
ตอนนี้เธอมิใช่คู่ต่อสู้ของฟั่นเชียนซื่อ ซ้ำยังพ่วงด้วยผู้บาดเจ็บสองราย ไม่ปะทะกับฟั่นเชียนซื่ออย่างซึ่งหน้าจะดีกว่า
มังกรประทีปชมพูเข้าใจแล้ว จับสัมผัสหาตำแหน่งของมังกรประทีปดำจริงๆ…
ผ่านไปครู่หนึ่ง มันเอ่ยด้วยความประหลาดใจ ‘มันมุดลงไปใต้ดินแล้ว! แถมยังอยู่ห่างจากพวกเราไกลขึ้นเรื่อยๆ ด้วย!’
กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่ง “…มังกรประทีปแบบพวกเจ้ามีช่วงเวลาที่สัมผัสขัดข้องบ้างไหม?”
‘ไม่มีนะ…อย่างน้อยข้าก็ไม่เคย’
….
ลาวาแดงฉานเดือดปุดๆ เข้าใกล้เพียงน้อยก็แทบจะแผดเผาคนได้แล้ว
ฟั่นเชียนซื่อยืนอยู่ริมขอบลาวา เอ่ยถามเสี่ยวเฮยผู้นำทางว่า “เจ้าสัมผัสได้ว่าพวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่นี่?”
เสี่ยวเฮยยังคงสงบลุ่มลึก ‘อื้ม!’
ฟั่นเชียนซื่อขมวดคิ้วนิดๆ กู้ซีจิ่วคนปัจจุบันนี้เขาประมือด้วยไม่มากเท่าไหร่ ไม่ทราบว่านางสามารถใช้ชีวิตแบบปกติอยู่ในลาวาได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามสัมผัสของเสี่ยวเฮยไม่เคยผิดพลาดมาก่อนเลย…
“เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะลงไปดูสักหน่อย” ฟั่นเชียนซื่อตบหัวเสี่ยวเฮยเบาๆ ทะยานกายขึ้นมา พุ่งเข้าไปในลาวาโดยตรง พริบตาเดียวก็หายลับไปแล้ว
ในดวงตาที่ไม่มีระลอกอารมณ์ใดๆ เลยของเสี่ยวเฮยพลันฉายแววภาคภูมิแวบหนึ่ง
มารดามันเถอะ ไม่น่าเชื่อว่าจะเล่นงานมันเช่นนั้นได้!
พูดไว้ดิบดีแล้วชัดๆ ว่าจะปล่อยเสี่ยวเฝิ่นไป กลับพูดคำไหนไม่เป็นคำนั้น ทิ่มเสี่ยวเฝิ่นจนแทบจะกลายเป็นเม่นแล้ว!
————————————————————————————-