ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2993 ปองร้ายกันและกัน 3 / บทที่ 2994 ปองร้ายกันและกัน 4
บทที่ 2993 ปองร้ายกันและกัน 3
เธอทำได้เพียงชักมือกลับ มือที่ฉุดลากเธอคู่นั้นฉวยโอกาสหมุนแกว่งเธอ ทำให้ร่างกายเธอหมุนติ้วอยู่ที่เดิมเสมือนกังหันลม ในขณะเดียวกันมือคู่นั้นก็ซัดลงบนร่างเธออย่างต่อเนื่อง…
กู้ซีจิ่วถูกสกัดจุด ไม่อาจดิ้นรนได้อีกต่อไป
แขนข้างหนึ่งคล้องเข้ามา โอบเอวของเธอไว้ กำลังเขามากยิ่ง บั้นเอวของกู้ซีจิ่วแทบจะถูกเขารัดจนหักแล้ว!
“กู้ซีจิ่ว ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะลงมือได้จริงๆ!” สุ้มเสียงของฟั่นเชียนซื่อแว่วขึ้นข้างหูเธอ คล้ายจะเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่
“เสมอกันแล้ว! เท่าเทียมแล้วไง!” กู้ซีจิ่วหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบ ในเมื่อเผยโฉมหน้าออกมาแล้ว เธอไม่มีอะไรให้ไยดีแล้ว
เธอคาดไม่ถึงเลยว่าฟั่นเชียนซื่อจะบ่มเพาะแยกร่างที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ออกมาได้ เพียงพอจะแปลงเท็จให้เป็นจริงได้ และทำให้เธอแยกแยะไม่ออกด้วย
“เท่าเทียมรึ? เจ้าจับข้าแล้วสังหารทันที ส่วนข้าจับเจ้าได้ทว่าหักใจทำร้ายเจ้าไม่ลงเลยสักนิด…” ฟั่นเชียนซื่อคล้ายจะยิ้มและคล้ายจะโกรธเกรี้ยว แขนโอบแน่นยิ่งขึ้น “กู้ซีจิ่ว เจ้าก็ไร้หัวจิตหัวใจเช่นนี้มาโดยตลอด…”
เอวของกู้ซีจิ่วเสมือนถูกรัดด้วยห่วงเหล็ก กระดูกสันหลังช่วงเอวลั่นกรอกแกรกแล้ว เจ็บปวดเกินจะทนรับได้
เห็นได้ชัดว่าฟั่นเชียนซื่อต้องการจะลงโทษเธอ ผนึกจุดพลังวิญญาณทั้งหมดของเธอไว้ ทำให้เธอไม่อาจโคจรพลังวิญญาณได้
เมื่อไม่สามารถโคจรพลังวิญญาณได้ก็จำเป็นต้องหายใจ เขาโอบเธอมุดลงใต้ดินลึก และไม่ได้ใช้วิชาดำดินด้วย เม็ดทรายบีบอัดร่างของคนทั้งสอง มาถูกเขารัดไว้เช่นนี้อีก ไม่มีทางหายใจได้เลย
เคราะห์ดีที่เธอบำเพ็ญถึงระดับซ่างเสิน ร่างเป็นกายเทวาแล้ว มิเช่นนั้นขอเพียงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ก็สามารถทำให้เธอขาดอากาศหายใจตายได้จริงๆ
ความรู้สึกนี้เสมือนถูกฝังทั้งเป็น ย่อมอึดอัดยิ่งนักด้วย ดวงหน้าสะคราญของกู้ซีจิ่วแดงก่ำก่อน จากนั้นก็เผือดซีด แล้วก็กระอักเลือดออกมา
ฟั่นเชียนซื่อมองนางอย่างเยือกเย็น เมื่อเห็นนางกระอักโลหิตแววตาพลันไหววูบนิดๆ จรดนิ้วร่ายอาคม หมายจะทำบางอย่าง
“ปล่อยนางซะ!” จู่ๆ เม็ดทรายก็แหวกออกเป็นสองฝั่งเสียงดังซ่าๆ ช่องว่างรอบกายพวกฟั่นเชียนซื่อทั้งสองคนเพิ่มขึ้นมา ตี้เฮ่าปรากฏตัวขึ้น ดวงหน้าน้อยๆ ของเขาขาวซีด ทว่าในมือกลับปรากฏดาบโค้งสีรุ้งเล่มหนึ่ง ส่วนโค้งที่แหลมคมของตัวดาบชี้เข้าหาฟั่นเชียนซื่อ
ม่านตาฟั่นเชียนซื่อพลันหดตัว จ้องมองตี้เฮ่า “ดาบสะบั้นโลกาของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์! เจ้ามีมันได้ยังไง?!”
ตี้เฮ่าเอ่ยเสียงเยียบเย็น “เจ้ารู้จักมันก็ดีแล้ว ปล่อยนางซะ! มิเช่นนั้นข้าจะใช้ดาบนี้ที่นี่ ให้ทุกคนลงหลุมไปด้วยกัน!”
ฟั่นเชียนซื่อสูดหายใจตื้นๆ เฮือกหนึ่ง “ออกไปแล้วค่อยว่ากัน! มิเช่นนั้นนางจะทนไม่ไหวแล้ว”
พลันทะยานกาย พากู้ซีจิ่วทะลุดินออกไป ยืนอยู่บนพื้นทรายอีกครั้ง
ตี้เฮ่าหลุบตาลงนิดๆ ตามออกมาด้วยเช่นกัน
‘เจ้านาย!’ มังกรประทีปชมพูพุ่งเข้ามา หมายจะชิงตัวกู้ซีจิ่วคืน
ฟั่นเชียนซื่อโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ลมกรรโชกโหมเข้าใส่ มังกรประทีปชมพูถูกลมพัดกระเด็นออกไป ล้มลงบนพื้นเสียงดังปัง ลุกไม่ขึ้นไปพักหนึ่ง
ตี้เฮ่ายิ้มเยียบเย็น “ฟั่นเชียนซื่อ เจ้าใช้พลังยุทธ์ของเทพผู้สร้างโลกมาจัดการมังกรประทีปตัวหนึ่ง ไม่รู้สึกว่าน่าสมเพชบ้างหรือ?”
“มันโวยวายเกินไป” ฟั่นเชียนซื่อไม่สนใจมังกรประทีปชมพูแล้ว หากมิใช่เพราะรับปากเสี่ยวเฮยไว้ว่าจะปล่อยมังกรโง่เง่าตัวนี้ไป พายุเมื่อครู่คงจะกลายเป็นเครื่องบดเนื้อที่บดมันให้เละไปแล้ว!
เขากดจุดชีพจรหลายสิบจุดของกู้ซีจิ่วในรวดเดียว ผนึกความสามารถในการเคลื่อนไหวทั้งหมดของนาง แล้วถึงได้วางนางลงบนพื้น “เสี่ยวซีจิ่ว อย่าได้เล่นตุกติก เจ้าในตอนนี้หนีไม่พ้นเงื้อมมือของข้าหรอก”
เขาติดตั้งเขตแดนไว้รอบกายนาง ทำให้ผู้ใดก็ไม่อาจเข้าใกล้นางได้
จากนั้นถึงได้มองไปที่ตี้เฮ่า หัวเราะเบาๆ คราหนึ่ง “ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะมีดาบเล่มนี้ได้…เปิ่นจุนดูแคลนเจ้าไปแล้วจริงๆ อย่างไรก็ตาม ดาบเล่มนี้มิใช่สิ่งที่มนุษย์คนหนึ่งจะใช้ส่งเดชได้ แล้วเจ้าจะใช้ได้หรือ?”
ตี้เฮ่าก็ยิ้มแล้วเช่นกัน “ลองดูก็ได้นะ”
เขาพลันส่งแรงไปยังมือที่ถือดาบไว้ โลหิตหยาดหนึ่งผุดออกมาจากปลายนิ้วเขาราวกับมีชีวิต ไหลเข้าสู่ร่องที่สลักลงไปในใบดาบ ดาบโค้งค่อยๆ ทอแสงขึ้นมา…
————————————————————————————-
บทที่ 2994 ปองร้ายกันและกัน 4
มีแสงสีรุ้งหลั่งไหลออกมาจากตัวดาบ…
ราวกับมังกรใหญ่ตัวหนึ่ง แผดเสียงร้อง เหินขึ้นไปในอากาศ
ในทะเลทรายที่เดิมทีไม่มีสายลม ยามนี้กลับมีพายุกรรโชกขึ้นมา เมฆทะมึนบนฟ้าเข้ามารวมตัวกัน มีฟ้าแลบแปลบปลาบดุจอสรพิษที่เลื้อยอยู่ในก้อนเมฆ บรรจบกันเป็นสีรุ้ง…
“หยุด! หยุดนะ!” ฟั่นเชียนซื่อพลันเปล่งเสียง น้ำเสียงตระหนกจนแทบจะหลงแล้ว
สองมือของตี้เฮ่ากุมดาบเล่มนั้นกวัดแกว่งคราหนึ่ง แสงรุ้งบนตัวดาบหวีดเสียงแหลม ในที่สุดก็เลือนหายไปแล้ว
แสงรุ้งหายไปแล้ว เมฆทะมึนบนท้องนภาย่อมค่อยๆ กระจายกันออกไปเช่นกัน ตะวันดวงนั้นปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าอีกครั้ง ยังคงร้อนแรงจนทำให้คนสิ้นหวังได้
ฟั่นเชียนซื่อจ้องมองตี้เฮ่าตัวน้อย แววตาของตี้เฮ่าสุขุมราบเรียบ มองตอบเขาเช่นกัน
เขายังคงมีรูปลักษณ์แบบเด็กน้อยชัดๆ แต่รัศมีบนร่างกับเปลี่ยนไปแล้ว แกร่งกล้า ลึกลับ ทำให้จิตใจคนพรั่นพรึงขึ้นมา เสมือนเทพที่ทอดมองแดนมนุษย์
มังกรประทีปชมพูเพิ่งจะตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาได้ เมื่อได้เห็นตี้เฮ่าในยามนี้ สี่เท้าพลันอ่อนแรง คุกเข่าลงไปอีกครั้งเสียงดังตึง ค้อมกายโขกศีรษะให้เขาอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้
เจ้ามังกรประทีปเสี่ยวเฮยที่ถูกสะกดเอาไว้ในจุดที่ไกลออกไปก็คล้ายจะสัมผัสถึงอะไรได้เช่นกัน เอี้ยวตัวกลับมาตามสัญชาตญาณ ค้อมศีรษะไปยังทิศทางที่ตี้เฮ่าอยู่…
รัศมีเช่นนี้…มีเพียงเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์เท่านั้นถึงจะมีอยู่
สีหน้าฟั่นเชียนซื่อแปรเปลี่ยนแล้ว จ้องมองตี้เฮ่า “ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าคือ…เป็นไปได้ยังไง?!”
ตี้เฮ่าหมุนดาบโค้งสีรุ้งในมือ คลื่นแสงหมุนวน ส่องกระทบดวงหน้าน้อยๆ ของเขาให้สลัวพร่าเลือน น้ำเสียงเขาเฉยเมย “บนโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ฟั่นเชียนซื่อ เจ้าก็ทราบถึงประโยชน์ใช้สอยของดาบสะบั้นโลกาดี อย่าได้บีบให้ข้าต้องลงมือ!”
ดาบสะบั้นโลกา เป็นศาสตราวุธของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์โดยเฉพาะ ดาบเล่มนี้มีความสามารถในการทำลายล้างฟ้าดิน เมื่อเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์สำแดงกระบวนท่าพิเศษของดาบเล่มนี้ออกมา สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในพื้นที่ที่เขาอยู่ล้วนจะมลายสิ้น นอกเหนือจากตัวของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์แล้ว ไม่ว่าจะใครหน้าไหนก็ไม่รอดทั้งนั้น
ในอดีตฟั่นเชียนซื่อเคยเห็นตี้ฝูอีใช้ดาบเล่มนี้มาแล้ว นั่นเป็นทวีปที่มีสัตว์ร้ายสารพัดสายพันธุ์ออกอาละวาด ไม่สามารถอบรมสั่งสอนได้แล้ว ซ้ำยังเป็นภัยคุกคามต่อความก้าวหน้าของทวีปอื่นๆ ตี้ฝูอีจึงนำดาบเล่มนี้ออกมาใช้…
ผลคือสิ่งมีชีวิตทุกอย่างของทวีปนั้นล้วนมลายสิ้น ดาบเล่มนี้ช่างสมกับที่เป็นดาบล้างโลกาโดยแท้ ฟั่นเชียนซื่อได้เห็นครั้งเดียวก็สลักลึกอยู่ในความทรงจำ ลืมไม่ลงเลย
ตอนนั้นเขายังเป็นสหายกับตี้ฝูอีอยู่ เมื่อเห็นสิ่งนี้ก็สนใจใคร่รู้ อยากจะลองดูเช่นกัน จึงร้องขอกับตี้ฝูอี
ตี้ฝูอีไม่พูดพร่ำทำเพลงอันใดก็ยื่นดาบเล่มนี้ให้เขาเลย…
ผลคือ เขาไม่อาจถือมันได้เลย นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เขาถูกดาบเล่มนี้ไล่ล่าอยู่ทั้งวันด้วย! หลบหนีจนแทบจะหายใจไม่ทันแล้ว!
จนกระทั่งตี้ฝูอียื่นมือมาเก็บดาบเล่มนี้กลับไป เขาถึงได้หายใจคล่อง
ยามนั้นตี้ฝูอีอธิบายต่อเขาอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า ดาบเล่มนี้มีเพียงเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์เท่านั้นที่ใช้งานได้ ผู้อื่นไม่อาจถือมันไว้ได้ หากดันทุรัง มีแต่จะถูกมันทำร้าย…
ตอนนี้ตี้เฮ่ามีดาบเล่มนี้อยู่ ฟั่นเชียนซื่อย่อมตกตะลึง!
สีหน้าเขาอึมครึมไม่แน่ใจ เดาไม่ออกไปชั่วขณะว่าสรุปแล้วตอนนั้นตี้ฝูอีหลอกเขา หรือว่าไอ้เด็กที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ก็เป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ด้วย…
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์มีได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ต่อให้ตี้ฝูอีกลับชาติมาเกิดใหม่ แต่ขอเพียงดวงวิญาณของเขายังไม่มลายสูญ ตำแหน่งเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ก็จะไม่เปลี่ยนคน
ตอนนี้ตี้ฝูอียังมีชีวิตอยู่ดี แล้วเกิดอะไรขึ้นกับตี้เฮ่าที่อยู่เบื้องหน้านั้นกัน?!
ฟั่นเชียนซื่อคิดอย่างไรก็ไม่กระจ่าง เขามองกู้ซีจิ่วที่นั่งอยู่ตรงนั้นแวบหนึ่ง เห็นสายตาของนางจับอยู่ที่ร่างของบุตรชาย ในดวงตามีความประหลาดใจเล็กน้อยเช่นกัน
ดูเหมือนนางก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน…
เขาพลันแย้มยิ้ม “พวกเรามาสงบศึกกันเถอะ!”
ตี้เฮ่าเลิกคิ้ว “หือ?”
“ตี้เฮ่า เจ้าก็รู้นี่ ถ้าเจ้าใช้ดาบสะบั้นโลกาจริงๆ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในทวีปนี้ล้วนจะสูญสิ้นไป! ซึ่งรวมไปถึงมารดาของเจ้าด้วย มิสู้มาร่วมมือกันดีกว่า ออกจากสถานที่ผีสางแห่งนี้ให้ได้ก่อน…”
เขาพูดยังไม่จบ น้ำเสียงเยือกเย็นดึงดูดสายหนึ่งก็แว่วเข้ามา “ไม่มีใครออกไปได้ทั้งนั้นพวกเจ้าล้วนต้องอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนข้า”
ทุกคนหันมองตามเสียง เห็นสตรีชุดขาวนางหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างแผ่วพลิ้ว…
————————————————————————————-