ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2995 เจ้าเป็นใคร / บทที่ 2996 ความชอบของนาง
บทที่ 2995 เจ้าเป็นใคร
ชุดที่สตรีนางนั้นสวมขาวนวลยิ่งกว่าเมฆา เพียงแต่บนกระโปรงมีบางจุดที่เปื้อนสีแดง เสมือนดอกเหมยร่วงหล่น
คล้ายจะเป็นการตกแต่ง และคล้ายกับมีผู้ใดกระอักโลหิตใส่
เกศาดำดุจหมึก ริมฝีปากแดง ทว่าสีหน้ากลับซีดขาว ดวงตามืดดำล้ำลึก แทบจะมองไม่เห็นตาขาวเลย ยามที่มองดูผู้คนจะสลัวเลือนราง ราวกับเมื่อสบตากับผู้อื่นแล้ว ก็สามารถทำให้คนหลุดเข้าไปได้
กู้ซีจิ่วกำลังลอบโคจรพลังคลายจุดที่ถูกฟั่นเชียนซื่อสกัดไว้ ทันทีที่มองเห็นสตรีนางนี้ พลันแข็งทื่อไป!
รูปโฉมของสตรีนางนี้เหมือนตนทุกอย่างเลยจริงๆ!
สิ่งที่ต่างกันคือ บนร่างของสตรีนางนี้มีไอทะมึนมืดมิดที่กล้าแข็งยิ่ง ราวกับว่ามองแวบเดียวก็อาจถูกนางลากเข้าสู่เหวลึกได้
โศกศัลย์!
เมื่อสตรีนางนี้ปรากฏตัวขึ้น อารมณ์โศกศัลย์ก็เป็นดั่งเมฆาที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้น กดทับจิตใจของผู้คน
ท้องฟ้าเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง ดวงตะวันหายไป มีเมฆาครึ้มกลิ้งโถม
สายลมก่อตัวขึ้นในทะเลทรายแล้ว ท่ามกลางสายลมมีเสียงหวีดหวิวเสมือนภูตผีกำลังร่ำไห้
ดวงหน้าสะคราญของกู้ซีจิ่วซีดเผือด เธอไม่รู้ว่าคนอื่นๆ เป็นยังไง แต่ตัวเธอเองรู้สึกผิดปกติยิ่งนัก!
ความโศกศัลย์อันหนักอึ้งที่เจือปนด้วยความสิ้นหวังนั้นถาโถมอยู่ในทรวง ความรู้สึกนั้นราวกับถูกโลกหล้าทอดทิ้ง ทว่าหาทางออกใดไม่พบเลย ทำให้เธออยากจะพังทลาย อยากจะระเบิดออกมา อยากทำลายล้างโลกา ต้องการให้โลกใบนี้ล่มจมไปด้วยกันกับเธอ…
เธอรู้ว่านี่คือฝีมือของผู้หญิงคนนั้น สามารถส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของคนอื่นได้
หลายปีมานี้เธอประสบพบพานเรื่องราวมานับไม่ถ้วนแล้ว กำจัดมารปีศาจมามากมาย ในบรรดานั้นมีประเภทที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของผู้คนอยู่ด้วย ทำให้คนร้องไห้ทำให้คนหัวเราะได้ หากเผลอไผลไปสักนิดก็จะได้รับผลกระทบจากอีกฝ่ายจนคล้ายคนเสียสติ
แต่เธอไม่เคยได้รับผลกระทบมาก่อนเลย มักจะค้นหาจุดอ่อนของอีกฝ่ายออกมาด้วยความเร็วสูงสุด ลงดาบสังหารเสีย
แต่ครั้งนี้ เธอรู้สึกผิดปกติอย่างชัดเจน ทว่าดิ้นรนให้หลุดพ้นจากอารมณ์ด้านลบอันรุนแรงไม่ได้…
เป็นเพราะบาดเจ็บสาหัสหรือ?
ตอนอยู่ใต้ดินเมื่อครู่ถึงแม้ฟั่นเชียนซื่อจะไม่ได้รัดเธอจนตาย ทว่าได้ทำเธอบาดเจ็บสาหัสแล้วประกอบกับร่างกายเธอถูกสกัดจุดเอาไว้ตลอด ยามนี้พอถูกไอโศกศัลย์นี้เข้ากดทับ ก็รู้สึกเพียงว่าจะหายใจไม่ออกแล้ว
เธอรู้ว่าตอนนี้ตัวควรบำเพ็ญฟื้นฟูโดยปราศจากการรบกวนจากภายนอก มิเช่นนั้นก็จะทำอะไรไม่ได้เลย
แต่ความโศกศัลย์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจดุจกระแสน้ำหลากทำให้มือเท้าของเธอสั่นระริกนิดๆ แล้ว ในสมองคล้ายมีเส้นด้ายนับหมื่นพันรัดรึงวนไปวนมา ไม่อาจสงบใจได้เลย
เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้การแล้ว!
กู้ซีจิ่วพลันกัดปลายลิ้น! ความเจ็บปวดปลุกสติของเธอขึ้นมาในทันใด…
‘เวลาที่จิตใจสับสนว้าวุ่นให้นึกถึงเรื่องที่มีความสุขเข้าไว้ อย่างเช่นความรักของพวกเรา ความสุขของลูกๆ…’ ถ้อยคำที่ตี้ฝูอีเคยกล่าวกับเธอผุดขึ้นมาในใจ
เนื่องจากฟั่นเชียนซื่อเชี่ยวชาญการควบคุมจิตใจคน ถึงขั้นที่เคยใช้วิชามารมาควบคุมความคิดจิตใจของผู้อื่นมาแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้กู้ซีจิ่วพลาดท่า ตี้ฝูอีจึงเคยสอนเคล็ดสงบจิตตริตรองชุดหนึ่งให้เธอโดยเฉพาะ ใช้ควบคู่กับอาคม จะทำให้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็วได้
เงาร่างของตี้ฝูอีผุดขึ้นมาในใจ เขายิ้มอย่างสง่างาม จุมพิตอย่างดุดัน โอ๋เอาใจตลอด…
เขาก็คือกำลังหนุนที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอ มีเขาอยู่ โลกนี้ก็คือวันฟ้าใสปลอดโปร่ง เธอไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น!
ความอบอุ่นค่อยๆ ผุดพรายขึ้นมาในใจ สะกดข่มความเศร้าโศกอันท่วมท้นนั้นลงไป มุมปากเผยรอยยิ้มจางๆ ออกมา
“เจ้ายิ้มอะไร?!” น้ำเสียงที่วังเวงยิ่งนักสายหนึ่งแว่วเข้ามาในหู
กู้ซีจิ่วเงยหน้า หัวใจพลันบีบรัด!
สตรีชุดขาวนางนั้นยืนก้มมองอยู่ตรงหน้าเธอ ในดวงตาดำพิสุทธิ์คู่นั้นมีแสงสีแดงส่องสลัวอยู่
มองเห็นคนที่หน้าตาเหมือนตัวเองทุกอย่างมาจ้องตากับตนอยู่ กู้ซีจิ่วมีความรู้สึกแปลกพิกลอย่างหนึ่ง ราวกับกำลังส่องกระจกอาถรรพ์อยู่…
จิตใจเธอสั่นไหวแวบหนึ่ง “เจ้าเป็นใคร?”
ความงุนงงวาบผ่านนัยน์ตาของสตรีนางนั้น เอ่ยเลียนประโยคเธอเสมือนนกแก้วนกขุนทอง “เจ้าเป็นใคร?”
….
————————————————————————————-
บทที่ 2996 ความชอบของนาง
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกแล้ว…
สตรีนางนั้นยื่นมือเข้ามา จะว่าไปแล้วก็แปลก เดิมทีฟั่นเชียนซื่อติดตั้งเขตแดนไว้รอบกายกู้ซีจิ่ว คนนอกไม่อาจเข้าใกล้ร่างกู้ซีจิ่วได้ แต่สตรีนางนี้กลับเห็นเขตแดนนี้เสมือนไร้ตัวตน มือเรียวเสลาข้างนั้นยื่นเข้ามาลูบใบหน้ากู้ซีจิ่วโดยไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง “ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะมีรูปโฉมเหมือนกับข้า เจ้าขโมยใบหน้าของข้าไปใช่ไหม?”
มือของนางเย็นอย่างยิ่ง สัมผัสโดนตรงไหน ตรงนั้นก็ราวกับจะจับตัวเป็นน้ำแข็ง แม้แต่เลือดลมก็ดูคล้ายจะติดขัดขึ้นมาเช่นกัน
ตอนนี้กู้ซีจิ่วขยับเขยื้อนไม่ได้ ได้แต่ปล่อยให้นางลูบคลำ เส้นขนทั้งร่างลุกชันขึ้นมา!
สตรีนางนั้นอยู่ใกล้เช่นนี้ บรรยากาศอึมครึมแห่งความโศกศัลย์นั้นยิ่งท่วมท้นครอบคลุมเข้ามายิ่งกว่าเดิม สตรีนางนั้นกอดแขนแล้ว “ข้าหนาวเหลือเกิน เจ้าไม่หนาวหรือ? เจ้าดูพวกเขาสิ ล้วนหนาวจนกลายเป็นปะติมากรรมน้ำแข็งไปหมดแล้วนะ”
กู้ซีจิ่วกวาดมองตามสัญชาตญาณ หัวใจดิ่งวูบ
ตี้เฮ่า ฟั่นเชียนซื่อ มังกรประทีปชมพู ล้วนยืนอยู่ตรงนั้น แต่ละคนอยู่ในท่าโคจรพลังยุทธ์ ทว่าไม่อาจโคจรได้ บนร่างมีน้ำแข็งจับตัวอยู่ชั้นหนึ่ง กลายเป็นปะติมากรรมน้ำแข็งไปแล้วจริงๆ
สายตาของตี้เฮ่ามองมาทางเธอ ริมฝีปากจิ้มลิ้มอ้าออกนิดๆ คล้ายกำลังขอร้อง ขอร้องให้มารดาช่วยเหลือเขา…
นัยน์ตาดุจดวงโคมของมังกรประทีปชมพูก็มองที่เธออย่างตาละห้อยเช่นกัน ดูน่าเวทนา
ส่วนฟั่นเชียนซื่อ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่คาดคิดเลยว่าตนจะถูกแช่แข็งอย่างรวดเร็วขนาดนี้ด้วย ตราอาคมอัคคีก่อตัวขึ้นบนมือแล้วด้วยซ้ำ
กู้ซีจิ่วรู้จักตราอาคมนี้ของเขา ต่อให้เป็นน้ำแข็งหมื่นลี้ก็หลอมละลายได้ในชั่วพริบตา ว่ากันตามเหตุผลแล้ว เมื่อเขาสำแดงตราอาคมนี้ออกมา ไม่ว่าจะเป็นวิชาเยือกแข็งอันใดก็ยากจะแช่แข็งเขาได้
แต่หนนี้แม้แต่เขาก็พลาดท่าไปด้วยเช่นกัน ใบหน้าหล่อเหลาเจือความสิ้นหวังอยู่บ้างรางๆ ถูกแช่แข็งจนกลายเป็นปะติมากรรมน้ำแข็งไปเช่นนี้…
นิ้วมือของสตรีนางนั้นดุจแท่งน้ำแข็ง สัมผัสพวงแก้มของกู้ซีจิ่ว “หนาวไหม?”
ตำแหน่งที่นางสัมผัส เลือดลมแข็งตัวอย่างรวดเร็ว ความหนาวเย็นเสมือนเข็มแหลมที่ทิ่มแทง…
“หิมะและน้ำแข็งเหล่านี้เกาะติดข้ามาหลายหมื่นปีแล้ว ทว่าไม่มีผู้ใดมาอยู่เป็นเพื่อนข้าเลย ข้าอ้างว้างเหลือเกิน…เจ้ามาอยู่เป็นเพื่อนข้าดีไหม?”
กู้ซีจิ่วรู้สึกเพียงว่ามีกระแสน้ำแข็งสายหนึ่งแทรกซึมเข้าสู่เส้นเลือด ราวกับมีบางสิ่งกำลังมุดเข้ามาในร่างของเธอ ละอองน้ำแข็งล้วนห่อหุ้มไปทั่วร่างเธอ การสูดหายใจล้วนคล้ายกับสูดเข็มน้ำแข็งนับไม่ถ้วนเข้าไป ทิ่มแทงหลอดลมและปอดจนเจ็บปวดไปหมด ความเจ็บปวดนั้นประหนึ่งมีดกรีดเฉือน เชือดเฉือนเข้าไปในเส้นเลือดของเธอทีละชุ่นๆ ทำให้เธออยู่มิสู้ตาย ปรารถนาจะสลัดสังขารนี้ทิ้งยิ่งนัก หลบหนีจากความเจ็บปวดนี้…
“ชีวิตแสนขื่นขม ทุกข์มากสุขน้อย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยไม่ปล่อยวางเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสระเสียเล่า?” น้ำเสียงของสตรีนางนั้นดุจเสียงต้องสาปที่ทะลุเข้าสู่สมอง ก้องอยู่ข้างหูกู้ซีจิ่ว กล่อมให้เธอยอมแพ้
เสียงนั้นมีผลในการล่อลวงจิตวิญญาณยิ่ง จิตใจกู้ซีจิ่วพลันเลื่อนลอยไปเป็นพักๆ มีเสียงหนึ่งบอกเธออยู่ว่า ควรยอมแพ้ได้แล้ว
ชีวิตคนแสนขมขื่น การอยู่ในสังขารขื่นขมเกินไปแล้ว มิสู่ปล่อยวางสลายเป็นสายลมหมอกควันไปเสีย…
เมื่อความคิดนี้กล้าแกร่งขึ้นเรื่อยๆ น้ำแข็งบนร่างเธอก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ดวงวิญญาณคล้ายว่ากำลังจะหลุดลอยออกไปจากร่างกายนี้แล้ว
ในใจเธอรับรู้ถึงความผิดปกติได้รางๆ เธออยากจะเปิดปากโต้แย้ง แต่ร่างกายแข็งทื่อไปหมดแล้ว ปากก็คล้ายจะเป็นน้ำแข็งไปแล้ว เปิดปากไม่ได้เลย
แบบนี้ไม่ถูกต้อง!
ต่อให้ชีวิตคนจะขื่นขม แต่ตอนนี้เธอไม่ขมขื่นเลยสักนิด เธอมีตี้ฝูอีอยู่!
หากว่าเธอเกิดเหตุขึ้นแม้เพียงนิด เขาจะต้องอยู่มิสู้ตายแน่นอน…
ความคิดนี้ฉุดดึงดวงวิญญาณที่กำลังจะล่องลอยไปของเธอไว้แน่น เธอพยายามดิ้นรนดูอย่างสุดชีวิต ต้องการจะหลุดพ้นจากห้วงอารมณ์ที่เหมือนฝันร้ายนี้
สตรีชุดขาวนางนั้นขมวดคิ้วนิดๆ ดวงตาดำสนิทคู่นั้นมีประกายแสงสีแดงวาบผ่านอีกครั้ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เจ้าดูพวกเขาสิ ยินยอมสลายเป็นเถ้าควันด้วยตัวเอง อันที่จริงแสนสบายยิ่งนัก…”
————————————————————————————-