ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 3001 มารแปลง 2 / บทที่ 3002 มารแปลง 3
บทที่ 3001 มารแปลง 2
คืนนี้ได้เกิดพายุหมุนขึ้นในทะเลทราย พายุพัดหมุนดูดดึงทรายเหลืองให้กลิ้งตลบ ทุกๆ ชั่วยามจะขยายตัวออกไปเป็นระยะหนึ่งร้อยลี้อย่างรวดเร็วบ้าคลั่ง!
และเพียงชั่วข้ามคืน ชายขอบของทะเลทรายแห่งนี้ก็รุกคืบไปถึงตัวเมืองซึ่งอยู่ห่างออกไปพันลี้ได้แล้ว เขมือบกลืนเมืองทั้งเมืองที่มีผู้คนอยู่หลายหมื่นชีวิตเข้าไป!
ประชาชนทำได้เพียงร่ำไห้ร้องตะโกนแล้วอพยพออกไปในชั่วข้ามคืน ละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือน โดยสารพาหนะต่างๆ หลบหนีไป
แต่ฝีเท้าของชาวบ้านธรรมดาหนึ่งวันเดินทางได้เพียงร้อยแปดสิบลี้ หากว่าพ่วงครอบครัวไปด้วย ความเร็วก็ยิ่งช้าลงอีก
ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีทางหลบหนีการรุกคืบอย่างรวดเร็วของทรายเหลืองอร่ามได้ ถูกกวาดม้วนเข้าไปในนั้นหายลับไป
ประชาชนในเมืองอื่นๆก็ทราบข่าวแล้วเช่นกัน รีบละทิ้งบ้านเรือนหนีเอาชีวิตรอด โกลาหลวุ่นวายกันไปชั่วขณะ
เถิงเสอเห็นสถานการณ์ของปวงประชาแล้ว ก็ทนไม่ไหว กลับคืนร่างเดิมด้วยต้องการจะช่วยเหลือประชาชนกลุ่มหนึ่งที่พายุทรายอันบ้าคลั่งไล่ตาม ผลคือพวกชาวบ้านถูกร่างเดิมของมันทำให้ตกใจยิ่ง! ตื่นตระหนกวิ่งวุ่น ร้องไห้หาบิดามารดาพลางหลบซ่อนไปตลอดทาง
เถิงเสอจึงได้แต่เบิกตามองคนเหล่านั้นถูกทะเลทรายกลืนกินเข้าไป
โกลาหลอลหม่าน วุ่นวายระส่ำระส่ายราวกับวันโลกาวินาศมาเยือนแล้ว!
ถึงอย่างไรเถิงเสอก็เป็นผู้มีความรู้ มาถึงยามนี้ในที่สุดมันก็เข้าใจแล้ว ทะเลทรายแห่งนี้กลายเป็นมารแล้ว!
อ้างอิงด้วยความเร็วขั้นนี้ บางทีผ่านไปไม่ถึงหนึ่งเดือน มันอาจจะเขมือบกลืนทั้งทวีปเข้าไปจนหมดได้! ทำให้ทั้งทวีปกลายเป็นร่างมารของมัน!
จู่ๆ ทะเลทรายแห่งนี้ก็กลายเป็นมาร จะเกี่ยวข้องกับการเข้าไปของกู้ซีจิ่วหรือเปล่า?
หลังจากนางเข้าไปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ตอนนี้จะยังปลอดภัยอยู่ไหม?
หัวใจเถิงเสอว้าวุ่นปานถูกแมวข่วน
ขณะที่มันกำลังขัดแย้งกับตัวเองว่าจะฝ่าฝืนคำสั่งของกู้ซีจิ่ว ติดต่อไปหาตี้ฝูอีดีไหม ตี้ฝูอีกลับเป็นฝ่ายติดต่อมาหามันก่อนแล้ว
น้ำเสียงตี้ฝูอีเจือความแหบแห้งเอาไว้นิดๆ เห็นได้ชัดว่าการเดินทางในช่วงหลายวันมานี้ทำให้เขาเหนื่อยล้ายิ่งนัก แต่สุ้มเสียงของเขากลับอ่อนโยนนัก “เด็กน้อย ทางเจ้ายังไม่มีข่าวเลยหรือ?”
เถิงเสอสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เอ่ยอย่างขลาดๆ “นายน้อย เป็นข้าเองขอรับ…”
ตี้ฝูอีเงียบไปครู่หนึ่ง…
เนื่องจากสองสามีภรรยาแยกกันออกค้นหา มุ่งหน้าไปคนละทวีป บางครั้งก็ไม่ได้อยู่ในมิติเดียวกันเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นต้องใช้ยันต์ถ่ายทอดเสียงแบบพิเศษ ยันต์ถ่ายทอดเสียงแผ่นนี้ไม่เพียงแต่สิ้นเปลืองพลังวิญญาณยิ่งนักแถมยังผลิตได้ยากมากด้วย ในมือของสองสามีภรรยาจึงมีครอบครองกันคนละสิบแผ่นเท่านั้น
ยันต์ถ่ายทอดเสียงชนิดนี้ใช้ได้ครั้งเดียวก็จะเสื่อมฤทธิ์ไป ช่วงที่ผ่านมาสองสามีภรรยาจึงไม่ติดต่อหากันง่ายๆ นอกจากจะมีเรื่องเร่งด่วนต้องหารือกัน บางทีในหกวันอาจจะติดต่อหากันสักครั้งเพื่อแจ้งสถานการณ์ของแต่ละคน
แต่พูดคุยกันได้เพียงไม่ถึงหนึ่งเค่อยันต์ถ่ายทอดเสียงก็เสื่อมฤทธิ์ลง
ก่อนที่กู้ซีจิ่วจะเข้าสู่ทะเลทราย ได้มอบยันต์ถ่ายทอดเสียงชนิดนี้ไว้ให้เถิงเสอแผ่นหนึ่ง ให้มันติดต่อตี้ฝูอีได้สะดวก
ตี้ฝูอีนึกว่าที่อยู่ปลายสายของยันต์ถ่ายทอดเสียงคือกู้ซีจิ่ว ดังนั้นถึงได้เรียกว่า ‘เด็กน้อย’
เมื่อได้ยินเสียงตอบกลับจากเถิงเสอ น้ำเสียงเขาก็ยะเยือกลงเล็กน้อย “นางล่ะ? สถานการณ์ทางฝั่งเจ้าเป็นยังไงบ้าง? เล่าทั้งหมดให้ข้าฟังในระยะเวลาครึ่งถ้วยชา!”
เถิงเสออึกอักไปแวบหนึ่ง แล้วรีบเล่าสถานการณ์ทางฝั่งนี้ออกมาอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้ปกติแล้วเถิงเสอจะพูดไม่ค่อยเก่ง แต่มันมีความสามารถในการสรุปความ กล่าวเพียงไม่กี่ประโยคก็บอกเล่าสถานการณ์โดยรวมของที่นี่อย่างชัดเจนได้แล้ว ในช่วงท้ายมันยังขอคำแนะนำจากตี้ฝูอีด้วย “นายน้อยขอรับ ท่านว่านายหญิงน้อยกำลังต่อสู้กับมารร้ายตัวนั้นอยู่ข้างในนั้นหรือเปล่า? ต่อสู้กันอย่างสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เลยทำให้จู่ๆ ทะเลทรายแห่งนี้ก็แผ่ขยายออกมาอย่างบ้าคลั่ง?”
ตี้ฝูอีเอ่ยเพียงประโยคเดียว “บอกพิกัดโดยละเอียดให้ข้า! ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”
เถิงเสอรีบบอกตำแหน่งที่ตั้ง มันได้ยินเสียงสูดลมหายใจเยียบเย็นเฮือกหนึ่ง เสียงไป๋เจ๋อแว่วเข้ามา “ไกลขนาดนี้เชียว?!”
หัวใจเถิงเสอพลันหนาวยะเยือก สามารถทำให้ไป๋เจ๋อโอดครวญว่าระยะทางห่างไกลได้ จะต้องอยู่ห่างกันอย่างไกลแสนไกลแน่นอน เกรงว่าตี้ฝูอีคงจะมาไม่ถึงภายในสามวันห้าวันนี้ เมื่อถึงเวลานั้นคงสายเกินไปแล้ว!
————————————————————————————-
บทที่ 3002 มารแปลง 3
สิ่งที่เถิงเสอคาดไม่ถึงคือ ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งวันตี้ฝูอีก็มาถึงแล้ว!
ยามนั้นทะเลทรายแผ่ขยายออกไปรอบทิศเป็นระยะทางกว่าสองพันลี้แล้ว เขมือบกลืนเมืองไปหลายร้อยเมือง ในจำนวนนั้นรวมไปถึงอาณาจักรหนึ่งด้วย…
กลืนกินชีวิตของปวงประชาไปหลายแสนชีวิตแล้ว
ต่อให้ยังเหลือพื้นที่ที่ยังไม่ถูกเขมือบกลืน แต่ก็ถูกความร้อนระอุของทะเลทรายที่ราวกับอัคคีแผดเผาแล้ว พืชพรรณแห้งเฉา เรือกสวนไร่นาแห้งระแหง เกิดไฟป่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง…
ทั่วทั้งทวีปเสมือนมาถึงวันโลกาวินาศแล้ว ทุกแห่งระงมไปด้วยเสียงร่ำไห้ของฝูงชนที่หลบหนีอย่างสิ้นหวัง
ส่วนทะเลทรายก็ไม่อาจเข้าใกล้ได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว ขนาดก้อนหินที่อยู่ห่างจากมันไปร้อยลี้ก็ยังถูกเผาไหม้เลย!
ขณะที่เถิงเสอกำลังวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ด้วยความร้อนรน ตี้ฝูอีกับไป๋เจ๋อก็ตามมาถึงแล้ว
หนึ่งคนหนึ่งสัตว์ล้วนดูมอมแมมอ่อนล้า เสื้อผ้าของตี้ฝูอีค่อนข้างยุ่งเหยิงอย่างที่พบเห็นได้ยาก เส้นผมที่เคยสลวยดุจธารน้ำก็เปียกเหงื่อจนลีบติดหนังศีรษะอยู่สองสามปอย สภาพดูจนตรอกอยู่บ้าง
ส่วนไป๋เจ๋อ นั่นยิ่งดูไม่ได้เลย!
ทั้งร่างเสมือนถูกงมขึ้นมาจากน้ำคร่ำ เส้นขนสีเงินทั่วร่างที่เปล่งประกายดุจเส้นไหม แนบลู่ติดร่าง สกปรกเปียกปอน ถึงขั้นที่แม้แต่ขนตาก็มีหยาดเหงื่อเกาะอยู่เช่นกัน
ทันทีที่ร่อนถึงพื้น ไป๋เจ๋อก็หอบหายใจแฮ่กๆ แม้กระทั่งลิ้นก็อยากจะถ่มออกมาด้วยยิ่งนัก
เมื่อเถิงเสอได้เห็นพวกเขาก็ราวกับได้เห็นกำลังหลัก รีบปรี่เข้ามาหา ไม่สนใจจะกล่าวคำทักทายอันใดแล้ว ขณะที่กำลังรายงานสถานการณ์ในช่วงหนึ่งวันมานี้ต่อพวกเขา ตี้ฝูอีก็มุ่งตรงไปยังปากทางเข้าสู่ทะเลทรายแล้ว “ข้าจะเข้าไปดูหน่อย พวกเจ้าสองตัวเฝ้าอยู่ด้านนอกเหมือนเดิม ก่อนที่คนของทางเราจะมาถึง ห้ามไม่ให้ผู้ใดเข้าไปข้างในทั้งนั้น! เรื่องที่ต้องทำต่อจากนี้ไป๋เจ๋อจะบอกเจ้าเอง!”
ช่วงที่พูดอยู่ เขาได้เหินเมฆาขึ้นไปแล้ว พุ่งตรงเข้าสู่ทะเลทรายที่กวาดม้วนผู้คนเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง
ถึงแม้เถิงเสอจะกังวล แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของเขา มองไปที่ไป๋เจ๋อ “นี่พวกเจ้ามาจากที่ไหนกัน?”
ไป๋เจ๋อยังคงหอบหายใจอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยนามทวีปหนึ่งออกมา
เถิงเสออ้าปากค้าง “ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นที่นั่น! เช่นนั้นสรุปแล้วพวกเจ้าเดินทางมาอย่างไรกัน?!” เท่าที่มันรู้ จากทวีปนั้นมายังที่นี่ อย่างน้อยที่สุดก็ยังต้องใช้เวลาถึงหกวัน แต่พวกเขาใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวันก็ตามมาถึงแล้ว!
“นายน้อยให้ใช้วิชาย่นพสุธาผนวกกับวิชาข้ามห้วงมิติต่อเนื่องกันไม่หยุด…” เสียงหอบหายใจของๆไป๋เจ๋อแฝงความอกสั่นขวัญแขวนไว้ “เขาทุ่มสุดชีวิตเลย…”
เถิงเสอตกตะลึง!
วิชาย่นพสุธาข้ามมิติเป็นวิชาต้องห้าม และวิชาข้ามห้วงมิติก็มีความเสี่ยงมหาศาลยิ่ง เป็นวิชาที่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างมากมายถึงจะสามารถควบคุมได้ มิใช่นั้นหากพลาดไปแม้เพียงนิด ก็จะตกลงสู่หลุมดำพิสดารบดขยี้จนไม่หลงเหลือกระดูกอยู่
และเท่าที่เถิงเสอรู้มา นายน้อยใช้วิชานี้ไปเพียงสองหนเท่านั้น อย่าว่าแต่ชำนาญเลย ถึงขั้นที่ไม่อาจกล่าวได้ว่าคุ้นเคยเลยด้วยซ้ำ ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าใช้ออกมาต่อเนื่องกัน…
มิน่าเล่าคนที่แข็งแกร่งเช่นเขา ยามนี้ถึงได้ปรากฏตัวขึ้นในสภาพจนตรอกเช่นนี้
ตี้ฝูอีไม่เพียงแต่ทุ่มเทชีวิตเพื่อเดินทางมาเท่านั้น ระหว่างทางยังติดต่อไปหาเหล่าบริวารที่แยกย้ายกระจายตัวกันออกตามหาคนยังสถานที่ต่างๆ ด้วย สั่งการให้พวกเขารีบตามมาสมทบกันที่ทวีปนี้ มีเรื่องสำคัญที่จะมอบหมายให้พวกเขาไปจัดการ
พวกมู่เฟิงสี่ทูต สี่สัตว์วิเศษ พวกเฟิงหรูฮั่วจากแดนอสุรา คุนเสวี่ยอี๋ อวิ๋นเยียนหลี…ถึงขั้นที่แม้แต่จักรพรรดิเซียนของภพเซียนก็ได้รับคำร้องขอความช่วยเหลือจากเขา และกำลังเดินทางมาเช่นกัน…
เมื่อไป๋เจ๋อเล่าเรื่องเหล่านี้ออกมา เถิงเสอก็ตกตะลึงเบิกตาค้าง “เคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้เชียวหรือ? เช่นนั้นคงมิใช่ว่ายอดฝีมือของหกภพล้วนแต่มุ่งมารวมตัวที่นี่กระมัง?”
น้ำเสียงไป๋เจ๋อเคร่งขรึม “แน่นอน เมื่อก่อนผู้ที่กลายเป็นมารล้วนเป็นปัจเจกบุคคลทั้งสิ้น ต่อให้ก่อภัยพิบัติก็มีขีดจำกัดอยู่ แต่ที่นี่คือทะเลทรายทั้งผืนที่กลายเป็นมาร และเมื่อดูจากแนวโน้มของที่นี่แล้ว ในไม่ช้ามันจะฮุบกลืนทั้งทวีปได้ ทำให้ทั้งทวีปกลายเป็นมาร หลังจากทั้งทวีปกลายเป็นมารแล้ว พลังของมันจะไร้ที่สิ้นสุด”
————————————————————————————-