ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 3043 ปัจฉิมบท 8 / บทที่ 3044 ปัจฉิมบท 9
บทที่ 3043 ปัจฉิมบท 8
ถึงแม้เขาจะร่วมมือกับจิตมารตนนี้ แต่ก็มาไม่บ่อยนัก หลายร้อยปีถึงจะมาสักหน
ทุกครั้งที่มาจิตมารตนนี้ล้วนว่าง่ายยิ่ง ปฏิบัติตามขั้นตอนที่เขาวางไว้ราวกับหุ่นยนต์ก็มิปาน ไม่ผิดพลาดเลยสักก้าว และเหมือนจะไม่มีความคิดเป็นของตัวเองเท่าไหร่
แน่นอน เขาก็เกรงว่าจิตมารตนนี้จะเล่นละครตบตาเขาเช่นกัน ดังนั้นบางครั้งก็จะพักอยู่ที่นี่เป็นระยะเวลาสั้นๆ ลอบจับตามองชั่วระยะหนึ่ง จิตมารตนนี้ล้วนเป็นเช่นเดิม ถึงแม้จะกระทำการชั่วช้า แต่ก็สูงส่งเย็นชาน่ารักน่าเอ็นดูและดื้อรั้นหัวแข็งยิ่งนักตลอดมา
กลับคาดไม่ถึงว่านางจะวางแผนการเอาไว้ล้ำลึกถึงเพียงนี้ เปิดเผยสันดานเจ้าเล่ห์ดุจจิ้งจอกของนางออกมาในนาทีสุดท้าย!
กู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีที่อยู่ในคุกวารีระโหยมองหน้ากัน
กู้ซีจิ่วเอ่ยอย่างยิ้มมิเชิงยิ้ม ‘ที่แท้นางก็อยากช่วยท่านออกไปคนเดียวแล้วครองคู่โบยบินกับท่าน ดีใจหรือไม่?’
ตี้ฝูอีลูบหัวนาง เอ่ยทวนประโยคอย่างไม่อนาทรร้อนใจ เพียงแต่ได้เปลี่ยนจากคำว่านางเป็นเขา ‘ที่แท้เขาก็อยากช่วยเจ้าออกไปคนเดียวแล้วครองคู่โบยบินกับเจ้า ดีใจหรือไม่?’
กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปากจิ้มลิ้ม ‘แต่ผลลัพธ์ในการต่อสู้กันของพวกเขาทั้งสองน่าจะเป็นจิตมารที่มีชัย และกล่าวไว้ว่ามีเพียงท่านที่จะออกไปได้’
ตี้ฝูอีจุมพิตริมฝีปากนางทีหนึ่ง น้ำเสียงหยิ่งทะนง ‘ไยต้องพึงพาความช่วยเหลือของภูตผีปีศาจเหล่านี้ด้วยเล่า? พวกเราออกไปกันเองได้!’
เมื่อกล่าวจบ นิ้วมือเขาก็จรดร่ายอาคมอันซับซ้อนอย่างหนึ่ง ตะโกนขึ้น ‘ทลาย!’
เนื่องจากได้จัดเตรียมงานเอาไว้ก่อนแล้ว อาคมนี้ของเขาก็คือการกระตุ้นอาคมอื่นๆ ขึ้นมา
เกิดเสียงอัสนีคำรณแว่วดังขึ้นกลางนภา คุกวารีระโหยอันแกร่งกล้าพลันระเบิดแยกเป็นโพรงใหญ่รูหนึ่ง!
วินาทีที่วารีสีดำเมื่อมไหลทะลักออกมาก็ได้กลายสภาพเป็นวิญญาณอาฆาตดุร้ายที่แยกเขี้ยวกางเล็บ พวยพุ่งออกมาอย่างท่วมท้น
ฟั่นเชียนซื่อตะลึงงัน!
จิตมารตกตะลึง!
ตี้ฝูอีนิ่งงัน
กู้ซีจิ่วหลุดอุทาน “เวรแล้ว!”
จำนวนวิญญาณอาฆาตมากมายยิ่ง บดฟ้าบังตะวัน ยามที่หวีดร้องคำรามขึ้นมา ต่อให้เป็นกู้ซีจิ่วที่เคยพบเห็นเภทภัยมาจนชินแล้วก็ยังขนหัวลุกเช่นกัน!
โชคดีที่ตี้ฝูอีตอบสนองว่องไว พอเห็นท่าไม่ดี ก็สร้างเกราะกำบังอันหนึ่งขึ้นตรงปากโพรงนั้น คิดจะสกัดขวางไม่ให้วารีทมิฬที่เหลืออยู่ในคุกทะลักออกมา…
แต่ถึงอย่างไรกำบังนี้ก็มิใช่โครงสร้างดั้งเดิมของคุกวารีระโหย ไม่อาจผสานรวมเป็นเนื้อเดียวกับกำแพงคุกอย่างแท้จริงได้ ก็เหมือนการปะรูรั่วบนลูกโป่งนั่นแหละ ถูกวารีทมิฬด้านในถาโถมโจมตีจนไหวสะท้าน พร้อมจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อ ประกอบกับวิญญาณอาฆาตที่เล็ดรอดออกมาได้เหล่านั้นคอยโจมตีเขาอยู่เป็นระยะๆ ทำให้สถานการณ์ยิ่งอันตรายขึ้นไปอีก
วิญญาณแค้นภายในคุกวารีระโหยเหล่านี้มีจำนวนหลายล้านดวง ในบรรดานั้นมีวิญญาณอาฆาตที่เคยเป็นยอดฝีมือผู้เลิศล้ำด้วย แต่ละตนมืดดำดุจน้ำหมึก แดงฉานดั่งโลหิต ดุร้ายอย่างยิ่ง ยามที่ร้องคำรามขึ้นมา จะแฝงพายุสลาตันที่กวาดล้างทุกสิ่งได้เอาไว้ด้วย…
สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่สามารถทำลายล้างทั้งทะเลทรายให้พินาศได้เท่านั้น ทันทีที่พุ่งออกไปจากทะเลทรายได้ สิ่งมีชีวิตทั่วทั้งทวีปก็จะถูกกวาดล้างจนสิ้นซากด้วย!
ใครผูกคนนั้นก็ต้องแก้ คุกผุๆ แห่งนี้เป็นผลงานของฟั่นเชียนซื่อ เขาน่าจะมีวิธีผนึกมันได้…
กู้ซีจิ่วแทบจะกระชากคอเสื้อของฟั่นเชียนซื่อแล้ว “สารเลว! เรื่องที่เจ้าทำดีงามนัก! รีบผนึกรอยแตกนี้เสีย!”
สำเนียงการกล่าวของเธอคล้ายอาจารย์ที่กำลังสั่งสอนศิษย์ ในสมองฟั่นเชียนซื่อเกิดเสียงดังตูมขึ้นมา แววตาร้อนแรงดุจอัคคี พลิกมือมากุมข้อมือของเธอไว้ “เจ้า…เจ้าจำได้แล้วใช่ไหม?”
กู้ซีจิ่วไม่สนใจข้อมือที่ถูกเขากุมจนเจ็บแล้ว ลากเขาไปหมายจะโยนเขาเข้าไปในรอยแตกนั้น “พูดเหลวไหลให้น้อยหน่อย รีบไปผนึกซะ!”
ฟั่นเชียนซื่อยังไม่ทันเอ่ยวาจา เสียงหัวเราะแหลมเสียดของจิตมารตนนั้นก็ดังขึ้นมาแล้ว “พวกเจ้าช่างมีความสามารถจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำลายคุกนี้ได้! เพียงแต่ คุกวารีระโหยนี้เมื่อทำลายแล้วก็ไม่อาจผนึกได้อีก ฮ่าๆ เช่นนี้ก็ไม่เลว พวกมันล้วนรับใช้เปิ่นจุน กลายเป็นดาบให้เปิ่นจุนรวมหกภพเป็นหนึ่งเดียว…”
————————————————————————————-
บทที่ 3044 ปัจฉิมบท 9
กู้ซีจิ่วอยากร้องด่าไปถึงมารดายิ่ง!
ทำไมกี่คนต่อกี่คนก็อยากจะรวมหกภพให้เป็นหนึ่งขนาดนี้กันนะ?!
ลูกศิษย์ในชาติก่อนของเธอคิดแบบนี้ มาตอนนี้จิตมารตนนี้ก็ยังคิดแบบนี้อีก!
แปลกนัก แต่ไหนแต่ไรมาตัวเธอเองไม่เคยมีความคิดเช่นนี้เลย แล้วจิตมารตนนี้บังเกิดความคิดเช่นนี้ขึ้นมาได้อย่างไร?
คงเป็นเพราะจิตมารคือนายของทะเลทราย วิญญาณอาฆาตเหล่านี้จึงค่อนข้างกริ่งเกรงนางจริงๆ ไม่กล้าโผเข้าใส่นางเลย เพียงแยกย้ายกันเข้าโจมตีตี้ฝูอีและฟั่นเชียนซื่อรวมถึงกู้ซีจิ่ว...
รอบกายตี้ฝูอีมีเขตแดนอยู่ยังว่าดีหน่อย
กู้ซีจิ่วถึงอย่างไรก็บาดเจ็บหนัก พลังยุทธ์ก็อ่อนแอที่สุดในที่นี้ เมื่อเห็นวิญญาณอาฆาตหลายร้อยตนแยกเขี้ยวโผเข้ามา ขณะที่เธอกำลังจะชักกระบี่ออกมาปัดป้อง จู่ๆ ฟั่นเชียนซื่อก็กระชากเธอ ดึงให้เธอไปอยู่ข้างหลังตน ยกมือขึ้นโจมตีวิญญาณอาฆาตที่พุ่งเข้ามาให้กระเด็นออกไป…
จากนั้นก็กางเขตแดนอันหนึ่งออกมาครอบคลุมตัวเองและเธอเอาไว้อย่างรวดเร็วยิ่ง ยังไม่ทันได้พูดจากัน จู่ๆ ใต้เท้าก็เกิดเสียงผลุบ หอยยักษ์เปลือกสีชมพูอมแดงตัวหนึ่งมุดออกมาจากใต้ดิน “แม่เอ้ย! ผู้เฒ่าจะขาดอากาศตายแล้ว…”กล่าวยังไม่ทันจบดี ก็เปลี่ยนเป็นอุทานด้วยความตกตะลึงแล้ว “ตัวอะไรกันเนี่ย?! วิญญาณอาฆาตมากมายเหลือเกิน!”
แล้วปิดฝาหอยลงอย่างรวดเร็วเสียงดังปัง!
วิญญาณอาฆาตเหล่านั้นได้ยินเสียงจึงพุ่งเข้ามากระแทกลงบนเปลือกหอยของมัน เกิดเสียงดังปึกๆ กระแทกจนมันโคลงเคลงเสมือนเรือลำน้อยท่ามกลางคลื่นสมุทรถาโถม
“หอยยักษ์! ลู่อู๋! หลงซือเย่!” กู้ซีจิ่วตาไว เห็นว่ายามที่เจ้าหอยยักษ์เปิดฝาออกมากรีดร้องเมื่อครู่ไม่เพียงแต่มีลู่อู๋แอบอยู่ด้านในเท่านั้น ยังมีหลงซือเย่กับสตรีอีกนางหนึ่ง ถึงขั้นที่ยังมีสิ่งมีชีวิตที่คล้ายงูดำอยู่อีกตัวหนึ่งด้วย…
เนื่องจากเจ้าหอยยักษ์หุบฝาเร็วเกินไป ดังนั้นเธอจึงมองเห็นร่างของงูดำตัวนั้นไม่ชัดเจน
ถึงแม้เปลือกของเจ้าหอยยักษ์จะหนาพอแข็งพอ แต่ถ้าต้องการจะสกัดขวางการโจมตีของวิญญาณอาฆาตมากมายขนาดนี้เป็นฝันเฟื่องของคนโง่เขลาอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ผ่านไปครู่หนึ่งก็ได้ยินเสียงเจ้าหอยยักษ์ร้องอุทานขึ้นมาติดๆ กัน “จบเห่แล้ว! เจ็บเหลือเกิน! เปลือกของข้าถูกแทะจนเจ็บไปหมดแล้ว! เปลือกจะแตกแล้ว!”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย…
ฟั่นเชียนซื่อไม่พูดพร่ำทำเพลงอันใดพาเขตแดนทะยานไปด้านหน้าสองสามก้าว ขับไล่วิญญาณอาฆาตที่รุมล้อมกัดแทะเจ้าหอยยักษ์ออกไป จากนั้นก็ดึงมันเข้ามาภายในเขตแดน
เขตแดนที่เขากางขึ้นจะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะบอกว่าเล็กก็ไม่เล็ก เท่าห้องหนึ่งห้อง
เจ้าหอยยักษ์ตัวเดียวก็กินพื้นที่ไปกว่าครึ่งแล้ว มันอ้าเปลือกออกอย่างอกสั่นขวัญแขวน
ลู่อู๋ หลงซือเย่ ฮวาเหยียน ทยอยกันกระโดดออกมาจากในเปลือกมัน ตัวสุดท้ายที่คลานออกมาอย่างเนิบช้าคืองูดำตัวนั้น จากนั้นก็ไหวสะท้านคราหนึ่ง รูปโฉมแปรเปลี่ยนแล้ว
บนหัวไม่เพียงแต่มีเขางอกยาวขึ้นมา ยังมีตะเกียงน้อยๆ ดวงหนึ่งงอกขึ้นมาด้วย
เป็นมังกรประทีปดำตัวนั้น…
คนและสัตว์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยเหล่านี้ไม่น่าเชื่อว่าจะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน กู้ซีจิ่วผงะไปแวบหนึ่ง เธอยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนอง เจ้าหอยยักษ์ก็โผเข้ามาที่แทบเท้าของเธอแล้ว ใช้เปลือกหอยหนีบชายกระโปรงเธอไว้ “เจ้านาย?! ทำไมท่านกลายเป็นแบบนี้ล่ะ?ได้รับบาดเจ็บสาหัสใช่ไหม? ไอ้สารเลวตัวไหนกันที่ทำร้ายท่าน? ฮือๆๆ น่าเกลียดเหลือเกิน…”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกยิ่งกว่าเดิมแล้ว…
ลู่อู๋ก็โผเข้ามาหาเช่นกัน จำแลงเป็นร่างมนุษย์ทันที ตอนนี้มันอยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มวัยสิบสองสามปีแล้ว เขาโกรธเกรี้ยวยิ่ง “เจ้านาย ไอ้สารเลวหน้าไหนมันทำร้ายท่านจนเป็นเช่นนี้? บอกลู่อู๋มาเลย ลู่อู๋จะล้างแค้นให้ท่านเอง!”
หลงซือเย่ก็ก้าวตรงเข้ามาก้าวหนึ่ง อยากจะจับชีพจรให้เธอ “ซีจิ่ว ให้ข้าตรวจดู…”
ส่วนมังกรประทีปสีดำตัวนั้นก็เลื้อยไปอยู่ด้านหน้าฟั่นเชียนซื่อ ชูคอขึ้นสูง มองวิญญาณอาฆาตที่กรีดร้องคำรามอยู่ด้านนอก ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทลายรังวิญญาณอาฆาตมาหรือไง?’
ฮวาเหยียนยืนอยู่ในมุมหนึ่ง สายตากวาดไปทางฟั่นเชียนซื่อแวบหนึ่ง ชะงักไปเล็กน้อย ก้าวเข้าไปด้วยสีหน้าราบเรียบ โค้งคำนับเขา “นายท่าน!”
หลงซือเย่ที่อยู่ทางด้านนั้นแข็งทื่อไปเล็กน้อย มองฮวาเหยียนแวบหนึ่ง ทว่าฮวาเหยียนกลับไม่มองเขาเลย
————————————————————————————-