ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 3065 (2) ปัจฉิมบท 30 / บทที่ 2065 (3) ปัจฉิมบท 30
บทที่ 3065 (2) ปัจฉิมบท 30
ในที่สุดคนด้านนอกก็ได้เห็นสภาพแวดล้อมด้านในแล้วผ่านช่องที่ถูกกรีดแยกออก แต่ละคนหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบไปทั้งร่าง
พวกเขาก็นับว่าเป็นผู้ที่มีความรู้กว้างขวางเช่นกัน ทว่ายังคงเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นวิญญาณอาฆาตมากมายขนาดนี้!
วิญญาณอาฆาตมากมายถึงเพียงนั้นรวมตัวเข้าด้วยกัน ไอหยินเยียบเย็นพัดโชยออกมาจากช่องนั้น พริบตาเดียวก็แช่แข็งคนและสัตว์ที่อยู่ระหว่างทางไปแล้ว…
เหล่าผู้บำเพ็ญสร้างเกราะกำบังกั้นไว้หน้าร่างแล้วถอยร่นไปด้านหลัง ตัวคนยังถอยร่นไม่ทันแล้วเสร็จ เกราะกำบังก็ถูกแช่แข็งแล้ว กลายเป็นกำบังน้ำแข็ง
ก่อนที่จะกรีดเปิดช่อง ที่นึ่ร้อนระอุปานอยู่ในหม้อเดือด ลมหายใจที่พ่นออกมาแทบจะลุกเป็นไฟแล้ว
แต่ตอนนี้อุณหภูมิรอบข้างกลับลดฮวบลงทันทีน ราวกับเปลี่ยนจากวันที่ร้อนที่สุดในฤดูร้อนไปเป็นวันที่เหน็บหนาวที่สุดในฤดูหนาวอย่างเฉียบพลัน หนาวจนคนสั่นสะท้าน
และความหนาวเย็นนี้มิใช่ความหนาวเย็นแบบทั่วไปด้วย แต่เป็นความหนาวที่ทิ่มแทงเข้าไปถึงในกระดูก ต่อให้เป็นผู้ที่มีพลังยุทธ์สูงส่งเช่นราชันปีศาจ ก็ทนไม่ไหวจนต้องดึงเสื้อคลุมขนสัตว์ผืนหนึ่งออกมาคลุมกายไว้
คนที่เหลือต่างเอาเสื้อออกมาห่มคลุมเช่นกัน เจ้าหอยยักษ์หนาวจนเปลือกหอยสั่นระริกไปหมดแล้ว “หนาว! หนาว! หนาว!”
เสื้อคลุมผืนหนึ่งครอบคลุมลงมา คลุมทั้งร่างของเจ้าหอยยักษ์เอาไว้ เสื้อคลุมผืนนั้นอบอุ่นยิ่ง ในที่สุดเจ้าหอยยักษ์ก็ไม่หนาวแล้ว มุดหัวออกมาจากด้านในเสื้อคลุม กลับพบว่าเจ้านายกับตี้ฝูอีล้วนไม่อยู่ทั้งคู่แล้ว!
มันพลันตื่นตระหนก “จะ…เจ้านาย!”
หลงซือเย่ที่อยู่ด้านข้างมองเห็นทุกอย่างเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ต้องกลัว นายของบ้านเจ้ากับ…กับเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์เข้าไปในทะเลทรายแล้ว…”
เจ้าหอยยักษ์หน้ามืดทันที “มิใช่ว่าพวกเขาเพิ่งหนีออกมาจากข้างในหรอกหรือ? ทำไมพวกเขาสองคนถึงวิ่งเข้าไปด้วยตัวเองอีกล่ะ?!”
หลงซือเย่สูดหายใจเบาๆ คราหนึ่ง “ครั้งนี้เป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์แล้ว ไม่เหมือนก่อนหน้านี้หรอก…”
….
ภายในทะเลทราย
หรืออาจไม่ควรเรียกว่าทะเลทรายแล้ว แต่เรียกว่าทะเลเยือกแข็งดีกว่า
เม็ดทรายที่เดิมทีปลิวว่อนอยู่จับตัวแข็งเป็นก้อน กลายเป็นประติมากรรมน้ำแข็งรูปทรงพิลึกพิลั่นสารพัด
อากาศก็หนาวเย็นจนแทบจะแนบรวมเข้าด้วยกันแล้ว หายใจคราหนึ่งก็จะเกิดเป็นเกล็ดน้ำแข็ง
เงาภูตผีล่องลอย รอบด้านล้วนมีเงาภูตผีลอยละล่อง เนืองแน่นแออัดจนทำให้หนังศีรษะคนชาหนึบ
เงาภูตผีนับไม่ถ้วนไหววูบไปมาท่ามกลางประติมากรรมน้ำแข็งเป็นระยะๆ ถ้าเผลอไผลไปแม้แต่น้อยก็จะโดนพวกมันโจมตี!
เหน็บหนาวเยือกเย็นไร้ที่สิ้นสุด!
กู้ซีจิ่วสัมผัสได้ว่าความหนาวเย็นที่พวยพุ่งออกมานั้นแทบจะแทรกซึมเข้าสู่กระดูกคนแล้ว เพียงแต่ความหนาวเย็นนั้นยังไม่ทันทะลุอาภรณ์คืบคลานมาสู่ผิวหนัง ก็ถูกกระแสความอบอุ่นสายหนึ่งโจมตีให้ล่าถอยไปแล้ว!
ตี้ฝูอีกุมมือเธอไว้ ความอบอุ่นถ่ายทอดเข้ามาจากฝ่ามือของเขา ขับไล่ความหนาวเย็นที่เข้าโอบล้อมรอบกายเธอออกไป
หลังจากเขากลับคืนฐานะแล้ว ยังไม่เคยแตะต้องสัมผัสกู้ซีจิ่วอย่างจริงๆ จังๆ เลย
กู้ซีจิ่วยืนอยู่ข้างกายเขา เขาก็ราวกับมองไม่เห็น ไม่พูดจากับเธอเลยสักประโยค
แน่นอน ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น ตี้ฝูอีก็ไม่มีเวลามาพูดคุยกับเธอหรอก ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่ถือโทษเขา
เขาที่อยู่ข้างกายบุคลิกแปรเปลี่ยนไปแล้ว ถึงแม้รูปโฉมจะไม่แตกต่างไปจากเดิม แต่อย่างไรเสียรัศมีกลิ่นอายก็เปลี่ยนไปไปมหาศาลนัก ทำให้ยามที่เธอยืนอยู่ข้างกายเขา มีวินาทีหนึ่งที่รู้สึกต้อยต่ำและห่างชั้นกัน
คล้ายกับว่าหลังจากเขากลับคืนฐานะแล้ว ระหว่างเธอกับเขาได้มีช่องว่างที่มองไม่เห็นเปิดอ้าออกมาแล้ว
ก่อนที่เขาจะเข้าไป ได้เอ่ยประโยคแรกกับเธอว่า “รอข้าอยู่ที่นี่”
จากนั้นเรือนกายเขาไหววูบ พุ่งตรงเข้าไปในทะเลทรายทันทีเลย!
กู้ซีจิ่วเม้มปาก ไม่ได้รอคอยเขาอยู่ที่เดิม แต่พุ่งตามเข้าไปด้วย…
อันที่จริงด้านนอกไม่มีอะไรให้ทำแล้ว เธอไม่ต้องการรอคอยอยู่ด้านเก็บกวาดซากปรักหัก สิ่งที่เธอต้องการคือร่วมหัวจมท้ายไปกับเขา! เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าจิตมารตนนั้นไม่อาจจัดการได้ง่ายดายถึงเพียงนั้น…
ภายในทะเลทรายหนาวเหน็บเข้าขั้นวิปริตแล้ว ทันทีที่เธอเข้ามาก็แทบจะถูกแช่แข็งเลย โชคดีที่ตี้ฝูอีปรากฏตัวขึ้นข้างกายเธอได้ทันเวลา ขับไล่ความหนาวเย็นให้เธอ “เหตุใดจึงไม่เชื่อฟังบ้าง?”
ในน้ำเสียงของเขาแฝงความจนปัญญาเอาไว้รางๆ สุ้มเสียงวาจาไม่มีอะไรต่างไปจากเมื่อก่อนเลย
————————————————————————————-
บทที่ 2065 (3) ปัจฉิมบท 30
กู้ซีจิ่วตัดสินใจแน่วแน่แล้ว “ท่านเข้ามาคนเดียวข้าไม่วางใจ!”
เธอไม่อยากเห็นตี้ฝูอีทุ่มชีวิตต่อสู้กับจิตมารตนนั้นร่วมแหลกลาญไปด้วยกัน สุดท้ายก็เป็นหมอกควันสลายไป
เธอทนรับการดับขันธ์ของเขามามากพอแล้ว! ทนรอคอยมาเนิ่นนานมากพอแล้ว…
ดังนั้นเธอจะต้องเข้ามาดูด้วย จับตามองไว้ตลอด
แม้ว่าจะช่วยแบ่งเบาภาระเขาไม่ได้มากมายนัก แต่อย่างน้อยเธอก็สามารถร่วมหัวจมท้ายไปกับเขาได้ รอดก็รอดด้วยกัน ตายก็ตายด้วยกัน!
แววตาตี้ฝูอีวูบไหวเล็กน้อย ทราบถึงความกังวลของนางได้ในทันใด หัวใจอุ่นวาบ กุมมือนางไว้ “วางใจเถอะ!”
สาวน้อยโง่งมคนนี้ไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วพลังของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์แกร่งกล้ามหาศาลเพียงใด…
อากาศภายในทะเลทรายชั่วร้ายแห่งนี้ดุจมหาสมุทรคลั่ง ส่วนคนทั้งสองที่มุดเข้ามาก็เสมือนนาวาลำน้อยที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรที่ปั่นป่วนปรวนแปร คลื่นสมุทรรอบข้างซัดโถม แทบจะซัดให้นาวาลำน้อยพลิกคว่ำได้ตลอดเวลา
แต่รอบกายตี้ฝูอีมีความอบอุ่นล่องลอยอยู่ ธำรงอยู่ดุจเสาค้ำสมุทร วิญญาณอาฆาตที่แผดร้องพุ่งเข้ามาเหล่านั้นพอเห็นก็พากันหลบลี้ออกห่าง…
“ออกมา!” ตี้ฝูอีจรดนิ้วทำมุทราแล้ว “เจ้าหลบซ่อนไม่ได้แล้ว!”
ไม่มีผู้ใดเอ่ยวาจา มีเพียงเสียงร้องคำรามของวิญญาณอาฆาต
กู้ซีจิ่วสามารถรับรู้ได้ว่ามีสายตาของวิญญาณอาฆาตนับถ้วนจับจ้องอยู่ในมุมมืด จ้องจนหนังศีรษะคนชาหนึบ
ไม่ต้องถามเลย จิตมารตนนั้นก็น่าจะซ่อนตัวอยู่ในบรรดานั้นด้วย รอคอยโอกาสลงมือ เพียงรอคอยที่จะโจมตีเอาชีวิตพวกเขา!
ตี้ฝูอียิ้มแล้ว รอยยิ้มของเขางดงามนัก ภายใต้รอยยิ้มนี้ ราวกับมีบุปผาฤดูใบไม้ผลิกำลังแย้มบานขึ้นท่ามกลางทะเลเยือกแข็งแห่งนี้ในทันใด “เอาเถอะ เช่นนั้นก็ให้เปิ่นจุนลากเจ้าออกมาแล้วกัน!”
พลันตวัดแขนเสื้อกวาดม้วน แสงรุ้งพลิ้วไหวพุ่งออกไป ม้วนกวาดเข้าไปยังผาน้ำแข็งสายหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป
“อ๊า…” ‘ผาน้ำแข็ง’ กรีดร้องออกมา เคลื่อนย้ายออกไปปานสายฟ้าแลบ กลายร่างเป็นสตรีชุดขาวนางหนึ่งกลางอากาศ
นางร่อนลงสู่พื้น สองตาจับจ้องอยู่ที่ร่างตี้ฝูอี “ฝูอี เจ้าจะสังหารข้าให้ดับจริงๆ หรือ?”
ตี้ฝูอีเม้มริมฝีปากบางนิดๆ กล่าวอย่างเฉยชา “แน่นอน เหตุใดเปิ่นจุนต้องไว้ไมตรีต่อเจ้าเล่า?”
สตรีชุดขาวเงียบไปครู่หนึ่ง “…ฝูอี หรือว่าความทรงจำในอดีตของเจ้าไม่ได้ฟื้นคืนมาด้วย? เจ้า…ยามนั้นเจ้ากำลังจะแต่งกับข้าอยู่แล้ว…”
ตี้ฝูอีเลิกคิ้ว “หือ? ข้าจะแต่งกับเจ้าหรือ? เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ได้ฝันไป?”
สตรีชุดขาวนางนั้นถูกตอกหน้ากลับไปอีกครั้ง แม้แต่กู้ซีจิ่วที่อยู่ด้านข้างก็ชะงักไปแวบหนึ่ง มองตี้ฝูอีที่อยู่ข้างกาย นึกสงสัยแล้วเช่นกันว่าถึงแม้เขาจะกลับสู่ฐานะเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์แล้ว แต่ความทรงจำในชาติก่อนไม่ได้กลับคืนมาด้วย...
ขณะที่เธอใจลอยไปแวบหนึ่ง พลันสัมผัสได้ว่ามีสายลมที่เยียบเย็นอย่างยิ่งสายหนึ่งโถมเข้าครอบคลุมเหนือศีรษะตน!
เนื่องจากที่นี่มีสายลมหนาวพัดอื้ออึงอยู่ตลอด ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่ได้เก็บสายลมหอบนี้มาใส่ใจเท่าไหร่
เพียงจรดนิ้วทำมุทราร่ายอาคม หมายจะขับไล่ลมหนาวหอบนี้ออกไป…
กลับคาดไม่ถึงว่าตี้ฝูอีที่อยู่ข้างกายจู่ๆ ก็ดึงตัวเธอไปอยู่ด้านหลัง ตวัดแขนเสื้อขึ้นไปกลางอากาศ แสงรุ้งส่งเสียงดังอื้ออึง ไม่น่าเชื่อว่าจะม้วนพันสายลมหอบนั้นไว้ จากนั้นเขาก็ดึงทันที!
มีเสียงโอดครวญของสตรีแว่วขึ้นท่ามกลางสายลม สายลมหอบนั้นปรากฏรูปร่างขึ้นมาในทันใด กลายร่างเป็นสตรีชุดขาวนางนั้น…
ความเปลี่ยนแปลงนี้รวดเร็วเกินไป กู้ซีจิ่วมองสตรีชุดขาวทั้งสองคน จิตใจไหวสะท้าน ชี้คนที่โผล่ขึ้นมาในภายหลังนี้ “เจ้าสิถึงจะเป็นจิตมาร!”
ใบหน้าเฉิดฉันของสตรีชุดขาวที่โผล่ขึ้นมาทีหลังซีดเผือด จ้องมองตี้ฝูอีอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าดูออกได้ยังไงกัน?!”
สตรีชุดขาวคนแรกนั้นเป็นร่างอวตารที่นางใช้วิญญาณอาฆาตตนอื่นจำแลงขึ้นมา วิญญาณอาฆาตตนนี้ก็เป็นสตรีเหมือนกัน รูปพรรณสัณฐานถึงขั้นที่แม้แต่ดวงหน้าก็มีความคล้ายคลึงกับนางมากมายยิ่ง หลายปีมานี้ได้แปลงรูปลักษณ์ให้เป็นนางสวมบทบาทเป็นนางอยู่บ่อยครั้ง ทุกอากัปกริยาแทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลย ยังไม่เคยมีผู้ใดแยกแยะออกมาก่อน
————————————————————————————-