ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 3067 (3) ปัจฉิมบท 32 / บทที่ 3068 (1) บทพิเศษ...พรากจาก
บทที่ 3067 (3) ปัจฉิมบท 32
และหยดต้องร่างฮวาเหยียนด้วย ฮวาเหยียนยืนหมดอาลัยตายอยากอยู่ตรงนั้น มองไปรอบๆ อย่างเลื่อนลอย
ฟั่นเชียนซื่อหายไปแล้ว ไม่พบเห็นเงาร่างอีกต่อไป ราวกับบนโลกใบนี้ไม่เคยมีคนผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นมาก่อน...
ฝูงชนด้านนอกก็ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมราวกับโง่งมไปแล้ว มองหน้ากันเหลอหลา
“นี่เขา…ใช้เลือดเนื้อสังเวยเพื่อล้างบาปกระมัง? เช่นนั้นดวงวิญญาณล่ะ? ดวงวิญญาณไปไหนแล้ว?”
“ดวงวิญญาณน่าจะหลบหนีไปแล้วกระมัง? เทพผู้สร้างโลกอย่างเขาสละกายเนื้อสักร่างทิ้งไปก็ไม่นับเป็นอันใดเลยจริงๆ”
“มิผิด…”
ฝูงชนเริ่มแสดงความคิดเห็นไปต่างๆ นาๆ
“ไม่ ดวงวิญญาณเขาแตกสลายไปแล้ว” เสียงของตี้ฝูอีดังขึ้น กลบเสียงจอแจทั้งหมดลง
กู้ซีจิ่วพลันแข็งทื่อไป สีหน้าซีดขาวรางๆ
ในที่สุดคนอื่นๆ ก็หุบปากแล้ว สายตานับไม่ถ้วนล้วนจับจ้องอยู่ในทะเลทราย พิรุณโลหิตห่านั้นตกไม่นาน ประมาณครึ่งนาทีเท่านั้น พอฝนหยุดลง ภายในทะเลทรายก็เหลือเพียงวิญญาณอาฆาตเหล่านั้นและฮวาเหยียนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเสมือนโง่งมไปแล้ว…
ไม่ทราบว่าร่างกายนางมีคุณสมบัติพิเศษ หรือว่าฟั่นเชียนซื่อได้ซัดอาคมอันใดลงบนร่าง วิญญาณอาฆาตเหล่านั้นจึงเพียงวนเวียนอยู่รอบๆ นาง ไม่ได้โจมตีนางเลย
“ฮวาเหยียนซ่างเซียน ท่านออกมาก่อนเถอะ” มีบางคนตะโกนบอก
ส่วนหลงซือเย่นับตั้งแต่วินาทีที่ฟั่นเชียนซื่อระเบิดก็ตะลึงงันไปเลย ยืนอยู่ตรงนั้นปฏิกิริยาตอบสนองไม่กลับคืนมาไปชั่วขณะ
แววตาฮวาเหยียนเลื่อนลอย เหม่อมองออกไป จู่ๆ นางก็ยิ้มแวบหนึ่ง ก้าวโซเซไปด้านหน้าสองก้าว ค่อยๆ คุกเข่าลงบนพื้น กอบทรายโลหิตกำหนึ่งขึ้นมา เอ่ยเสียงแผ่ว “นายท่าน ความจริงแล้ว…ผู้ที่อู๋เหยียนชมชอบเสมอมาก็คือท่าน…ไม่เคยมีผู้อื่นเลย…ตอนนี้ให้อู๋เหยียนไปอยู่เป็นเพื่อนท่านด้วยดีหรือไม่?”
นางชูมือขึ้น ลำแสงสีขาวลุกโชนขึ้นมา โจมตีลงที่กระหม่อมตัวเอง…
“อาจารย์ฮวาเหยียน!” หลงซือเย่ร้องตะโกน ดวงตาเบิกกว้างมองเห็นว่าหลังจากมีแสงส่องวาบขึ้นรอบกายนางแล้ว ร่างกายก็ค่อยๆ ล้มลงไป ยังไม่ทันล้มลงถึงพื้น ก็กลายเป็นละอองแสงกระจัดกระจายไป…
แข้งขาหลงซือเย่พลันอ่อนยวบ แทบจะล้มทรุดลงไปแล้ว ถึงแม้เขาจะไม่มีความรักฉันท์ชายหญิงให้ฮวาเหยียน แต่ความรักในฐานะศิษย์อาจารย์นั้นลึกล้ำยิ่ง ไม่คาดคิดเลยว่านางจะเลือกตายตามฟั่นเชียนซื่อไปด้วย…
ยืนตะลึงงันอยู่ตรงนั้น จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก
ส่วนคนอื่นๆ ย่อมถูกโศกนาฏกรรมฉากนี้ทำให้ตกตะลึงไปด้วย ผู้ใดก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ
ท่ามกลางความเงียบงัน ยังคงมีบางคนที่อดไม่อยู่เอ่ยขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า “นี่…ตัวการใหญ่ที่ก่อเภทภัยสิ้นชีพไปแล้ว เช่นนั้นจะทำอย่างไรกับทะเลทรายชั่วร้ายแห่งนี้เล่า? ผู้ใดจะมาเปิดประตูเริงรมย์กัน?”
ไม่มีใครตอบคำถามเขา ทุกคนอดไม่ได้ที่จะหันเหสายตาไปยังทิศทางนั้นที่ตี้ฝูอีอยู่ จากนั้นก็ตกตะลึง!
ตี้ฝูอีไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงอันใด ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น แต่กู้ซีจิ่วที่อยู่ข้างกายเขา กลับเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาในทันใด!
ลำแสงนับไม่ถ้วนผุดพรายออกมาจากร่างนาง แสงสนธยาเลื่อมพราย แยงตาดุจตะวันดวงน้อย ส่วนนางก็นั่งสมาธิพริ้มตาอยู่ตรงนั้น ราวกับพุทธองค์
เช่นนี้คือนาง…
คุนเสวี่ยอี๋เป็นผู้มีความรู้กว้างขวาง เขาถอนหายใจออกมา “นางก็ตื่นรู้แล้วเช่นกัน!”
จักรพรรดิเซียนคล้ายจะตระหนักถึงอะไรได้แล้ว “นาง…คงมิใช่ว่านางคืออดีตเทพผู้สร้างโลกองค์ก่อนกระมัง?!”
คุนเสวี่ยอี๋ดีดนิ้วดังเปาะ “เดาถูกแล้ว!”
จักรพรรดิเซียนตกตะลึง!
ฝูงชนก็ตกตะลึงเช่นกัน!
ผ่านไปพักหนึ่ง แสงรุ้งสลายหายไป กู้ซีจิ่วลืมตาขึ้นอีกครั้ง ค่อยๆ ลุกขึ้นมา เอ่ยเสียงเรียบ “เปิ่นจุนจะเปิดประตูเริงรมย์เอง เปิ่นจุนจะเป็นผู้ชำระสะสางแทนเขา…”
รอบกายของกู้ซีจิ่วที่ลุกขึ้นยืนมั่นแล้วมีแสงมงคลโอบล้อม นั่นคือแสงแห่งเทวา สูงส่งเหนือปวงชน ไม่อนุญาตให้หมิ่นแคลน
รูปโฉมของนางยังคงเป็นรูปโฉมแบบเดิม ทว่ารัศมีบนร่างกลับเปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว ยืนอยู่ตรงนั้น ในดวงตาทั้งสองดุจมีเมฆหมอกสายลมนับไม่ถ้วนรวมตัวอยู่ ทุกท่วงท่ากิริยาคล้ายจะมีแสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่องออกมา
ฝูงชนทึ่มทื่อกันไปกันชั่วขณะ จากนั้นก็โห่ร้องยินดี เฉลิมฉลองยินดีต่อการหวนคืนของเทพผู้สร้างโลกตัวจริง และเฉลิมฉลองที่ในที่สุดโลกนี้ก็มีทางรอดแล้ว
กู้ซีจิ่วหลุบตาลงนิดๆ ในใจเธอมีวาจาผุดขึ้นมาเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ‘เชียนซื่อ อาจารย์สะสางแทนเจ้าแล้วนะ…’
น้ำตาหยดหนึ่งค่อยๆ ไหลรินลงมาจากหางตาเธอ แล้วสลายหายไป
————————————————————————————-
บทที่ 3068 (1) บทพิเศษ…พรากจาก
ตี้ซวี่เยวี่ยเป็นเด็กน้อยที่ร่าเริงสดใส นางมีสินทรัพย์ส่วนตัวมากมาย และสินทรัพย์ส่วนตัวนี้ของนางกว่าครึ่งเป็นสิ่งที่ตี้เฮ่าเสาะหามาให้นาง
นางชอบพี่ชายคนนี้ที่สุด และชอบเกาะติดเขา ติดตามอยู่ด้านหลังเขาราวกับผู้ติดตามตัวน้อย
ส่วนเขาก็โอ๋เอาใจนางเช่นกัน พานางไปเที่ยวเล่น เล่นเป็นเพื่อนนาง บางครั้งก็สอนวรยุทธ์ให้นางด้วย ดังนั้นเรื่องที่ตี้ซวี่เยวี่ยภูมิใจที่สุดก็คือการมีพี่ชายแบบนี้อยู่หนึ่งคน แต่จู่ๆ วันหนึ่ง พี่ชายก็ไม่หายใจแล้ว นอนอยู่ตรงนั้นตลอดไม่ตื่นขึ้นมาอีก
นางหวาดกลัวยิ่งนัก รู้สึกว่าฟ้ากำลังจะถล่มแล้ว!
ต่อมาท่านพ่อท่านแม่ของนางบอกนางว่า พี่ชายของนางอยู่ในห้วงนิทรา พวกเขาจะหาทางทำให้เขาฟื้นขึ้นมา
เนื่องด้วยเหตุผลนี้ ท่านพ่อท่านแม่ของนางจึงพาตัวพี่ชายของนางรวมถึงนางและข้ารับใช้ส่วนหนึ่ง ขึ้นสู่ดินแดนเบื้องบน กลับสู่ชั้นฟ้าที่เก้า
ภายในตำหนักนภาลัยมีไอเซียนลอยฟุ้ง ทิวทัศน์ทุกอย่างล้วนงดงามยิ่ง งดงามกว่าสถานที่ใดๆ ในโลกเบื้องล่าง แต่นางไม่มีกะจิตกะใจจะชื่นชมเลย เนื่องจากนางห่วงพะวงถึงพี่ชายที่อยู่ในสภาวะ ‘ไร้การตอบสนอง’
ร่างกายของพี่ชายถูกเก็บรักษาไว้ในโลงน้ำแข็งใบหนึ่ง ส่วนท่านพ่อท่านแม่ของนางหลังจากเอ่ยกำชับตักเตือนนางสองสามประโยคแล้ว ก็รีบออกไปเลย
ท่านแม่บอกว่าจะหาวิธีทำให้ตี้เฮ่าฟื้นขึ้นมาให้ได้ ทั้งครอบครัวจะได้อยู่พร้อมหน้า
หลังจากบิดามารดาของตี้ซวี่เยวี่ยจากไปแล้ว นางก็คอยเฝ้าอยู่หน้าโลงน้ำแข็งทุกวันโดยไม่คำนึงถึงความหนาวเย็นเลย ทุกวันจะพูดคุยกับอะไรบางอย่างกับตี้เฮ่าที่อยู่ในโลงน้ำแข็ง นางพูดจาเจื้อยแจ้ว เพียงหวังว่าจู่ๆ เขาจะสามารถลืมตาขึ้นมาตอบรับวาจานาง ลูบหัวนางอย่างอ่อนโยนแล้วเรียกนางว่าเด็กโง่สักคำ…
ทุกวันก่อนที่นางจะหลับไปล้วนโอบอุ้มความหวังสายหนึ่งเอาไว้ หวังว่าหลังจากตื่นนอนแล้วพี่ชายจะฟื้นขึ้นมา ผลคือล้วนผิดหวังอยู่ทุกเช้า
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า ท่านพ่อท่านแม่ไม่ได้กลับมาเลย ตี้เฮ่าก็ไม่ฟื้นขึ้นมาเลย
วันนี้ ตี้ซวี่เยวี่ยขนของเล่นเหล่านั้นที่ตี้เฮ่ามอบให้นางมาที่โลงน้ำแข็ง เอาให้เขาดูทีละอย่างๆ จากนั้นก็ถามเขา “พี่ชาย เมื่อไหร่ท่านถึงจะฟื้นขึ้นมาล่ะ?”
น้ำตานางไหลแล้ว มองตี้เฮ่าที่ ‘นิทราอยู่’ ตาละห้อย “พี่ชาย วันนั้นท่านรับปากข้าเอาไว้ หากว่าข้าเรียนเหาะเหินเป็น สามารถเหินบินด้วยตัวเองเป็นระยะทางห้าร้อยลี้ได้ก็จะมอบกลเก้าห่วงชุดหนึ่งให้ข้าเป็นรางวัล…”
นางร้องไห้เอ่ยเสียงสะอื้น “ตอนนี้ข้าเหาะเหินได้กว่าพันลี้แล้วนะ พี่ชาย เมื่อไหร่ท่านถึงจะฟื้นขึ้นมาทำตามที่ท่านรับปากไว้ล่ะ? ฮือๆ พี่ชาย ข้าไม่อยากได้กลเก้าห่วงแล้ว ขอแค่ท่านฟื้นขึ้นมา…”
ตั้งแต่ตี้เฮ่า ‘ไร้การตอบสนอง’ นางก็เศร้าเสียใจยิ่งนักมาโดยตลอด แต่ฝืนอดทนไว้ไม่กล้าเปิดเผยออกมา ทว่าครั้งนี้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด อดทนไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ร้องไห้โฮออกมา!
น้ำตาของนางไหลหยดเข้าไปในโลงน้ำแข็ง หยดลงบนร่างเขา รอจนนางพบเห็นความผิดปกติคิดจะเช็ดออก กลับได้พบฉากที่ทำให้นางเบิกตาค้างอ้าปากหวอ
ร่างกายของตี้เฮ่ากำลังหลอมละลาย!
นางตื่นตกใจจนใบหน้าเขียวคล้ำไปหมดแล้ว! รีบเข้าไปโอบกอด “พี่ชาย! พี่ชาย…”
ร่างกายของตี้เฮ่าหลอมละลายรวดเร็วยิ่ง แทบจะหายไปในชั่วพริบตาเดียว!
ในสมองของตี้ซวี่เยวี่ยเลื่อนลอยไปเป็นพักๆ นางโอบกอดความว่างเปล่าไว้ จากนั้นก็มองดูโลงน้ำแข็งที่ว่างเปล่าอย่างทึ่มทื่องงงัน นึกไม่ออกชั่วขณะว่าโลงน้ำแข็งใบนี้เคยบรรจุผู้ใดเอาไว้…
เพียงแต่หัวใจปวดร้าวขึ้นมาเป็นพักๆ ความเจ็บปวดทำให้น้ำตาของนางร่วงเผาะๆ ลงมายิ่งกว่าเดิม
ก่อนที่คู่กู้ซีจิ่วสามีภรรยาจะจากไปได้ทิ้งคนไว้คอยดูแลบุตรสาวแล้ว ซ้ำยังเป็นคนที่ไว้ใจได้ยิ่งนัก นั่นคือกู้จั่นอวี่ที่ฝึกฝนจนสำเร็จเป็นเซียนแล้ว
หลังจากกู้ซีจิ่วพาแปดสัตว์วิเศษจากไป ผู้ที่คอยดูแลจัดการทุกอย่างที่นี่มาโดยตลอดก็คือกู้จั่นอวี่ โดยหน้าที่สำคัญที่สุดก็คือการดูแลตี้ซวี่เยวี่ย
เสียงร้องไห้ของตี้ซวี่เยวี่ยค่อนข้างดัง ดึงดูดให้กู้จั่นอวี่ตามมา “เกิดอะไรขึ้น? เป็นอะไรไป?”
“ท่านลุง!” ตี้ซวี่เยวี่ยโผเข้าไปในอ้อมอกเขา ร้องไห้จนหายใจไม่ออกแล้ว
“ซวี่เยวี่ย เป็นอะไรไป?” กู้จั่นอวี่ลูบไล้แผ่นหลังของนางเพื่อปลอบประโลม
“ม...ไม่รู้ เพียงแต่…เพียงแต่อยากร้องไห้ยิ่งนัก”
————————————————————————————-