ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 3068 (2) บทพิเศษ...พรากจาก / บทที่ 3068 (3) บทพิเศษ...พรากจาก
บทที่ 3068 (2) บทพิเศษ…พรากจาก
กู้จั่นอวี่เงียบไป…
อันที่จริงวันนี้จิตใจเขาก็เศร้าหมองอย่างน่าประหลาดเช่นกัน ราวกับมีญาติสำคัญคนใดจากไปเสียแล้ว
เขามองไปรอบๆ เล็กน้อย มองเห็นโลงน้ำแข็งใบนั้น คำถามหนึ่งแวบเข้ามาในสมอง ‘ผู้ใดเคยอยู่ในโลงน้ำแข็งใบนี้?’
เหตุใดเขามองโลงน้ำแข็งใบนี้แล้วถึงปวดใจยิ่งนักเล่า?
ตี้ซวี่เยวี่ยก็มองโลงน้ำแข็งใบนั้นด้วยขอบตาที่แดงก่ำเช่นกัน นางจดจำได้รางๆ ว่าตนวางของเล่นเอาไว้รอบๆ มากมายยิ่ง แต่ตอนนี้กลับมองไม่เห็นเลยสักชิ้นแล้ว…
….
หลังจากที่ทะเลทรายชั่วร้ายแห่งนั้นค่อยๆ ถูกประตูเริงรมย์ที่ปรากฏขึ้นมากลางนภาดูดกลืนเข้าไป ทุกคนก็โห่ร้องด้วยความยินดี! เสียงโห่ร้องดังสนั่น โห่ร้องยินดีที่ในที่สุดภัยพิบัติก็ผ่านพ้นไปแล้ว
หลังจากโห่ร้องยินดีแล้ว จู่ๆ ทุกคนก็พบว่า เทพผู้สร้างโลกกู้ซีจิ่วผู้ใช้อาคมมหาเมตตาเปิดประตูเริงรมย์ขึ้นและตี้ฝูอีได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
ชัดเจนยิ่งนัก พวกเขาจากไปแล้ว
….
วินาทีที่ความทรงจำทั้งหมดทะลักเข้ามาในสมอง สีหน้ากู้ซีจิ่วราบเรียบเฉยเมย ทว่าความจริงแล้วปวดใจอยู่บ้าง
ต่อให้ฟั่นเชียนซื่อจะเลวร้ายสักเพียงใด ก็เคยเป็นลูกศิษย์ที่ชาติก่อนเธอรักถนอมยิ่งนัก สองคนศิษย์อาจารย์พึ่งพาอาศัยกันมานานหลายสิบปี ความรู้สึกในส่วนนี้ต่อให้ล่วงเลยผ่านไปหลายแสนปีแล้ว ทันทีที่ความทรงจำหวนคืนมา ก็ไม่อาจสะบั้นทุกอย่างทิ้งได้ในชั่วขณะ…
หลังจากเธอสะสางชดใช้แทนเขาแล้ว จิตใจก็ย่ำแย่ไปชั่วขณะ คิดจะหาสถานที่ปลอดคนเพื่อผ่อนคลาย จึงใช้วิชาเคลื่อนย้ายทันที
เธอฟื้นฟูพลังยุทธ์ของเทพผู้สร้างโลกแล้ว ความสามารถในการเคลื่อนย้ายนี้ย่อมเลิศล้ำเข้าขั้นแปลงเทวา เคลื่อนย้ายหนึ่งครั้งก็ไปได้ไกลหลายร้อยลี้แล้ว
มองเห็นป่าท้อแห่งหนึ่ง เธอจึงมุดเข้าไปเลย
จากนั้นก็นั่งอยู่บนกิ่งท้อต้นหนึ่ง เอนหลังพิงลำต้นสงบจิตใจ พลางแยกแยะจัดการความทรงจำเหล่านั้นไปด้วย
จากนั้น จู่ๆ เธอก็นึกขึ้นได้ว่า ครั้งแรกที่เธอได้พบกับฟั่นเชียนซื่อ ก็คือกลางป่าท้อแห่งหนึ่ง มองเห็นเขาเกือบจะถูกผู้อื่นสังหารแล้ว จึงยื่นมือเข้าช่วยเหลือเขา…
เธอถอนหายใจแล้วนั่งตัวตรง ถึงได้ค้นพบว่าผลท้อในป่าท้อสุกไปครึ่งหนึ่งแล้ว ชมพูบ้าง แดงบ้าง เขียวบ้าง ดกเต็มกิ่ง
เธอยื่นมือไปเด็ดมาลูกหนึ่ง ใช้อาคมชำระล้างทำความสะอาด ขณะที่กำลังจะเอาเข้าปาก จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่า ชาติก่อนตนก็ชอบกินลูกท้อเหมือนกัน และทุกครั้งที่ถึงฤดูกาลสุกงอมของลูกท้อ ฟั่นเชียนซื่อล้วนจะไปเก็บลูกท้อมาล้างให้สะอาด จากนั้นก็หั่นเป็นชิ้นบางๆ มาให้เธอเพื่อแสดงความกตัญญู…
ฟั่นเชียนซื่อมีสองมือที่มากทักษะ ทราบว่าอาจารย์อย่างเธอเป็นจอมตะกละ เขาจึงฝึกฝนทักษะงานครัวจนเลิศล้ำ เมื่อทราบว่าเธอชอบกินลูกท้อ ก็ตั้งใจร่ำเรียนอาหารที่เกี่ยวกับลูกท้อไว้มากมายยิ่ง
น้ำแกงข้นดอกท้อ ลูกท้อเชื่อม สุราท้อ…
ยามนี้ลูกศิษย์คนนี้ของตนสิ้นชีพไปแล้ว ต่อให้เธอชมชอบลูกท้อเหล่านี้สักเพียงใดก็ค่อนข้างกินไม่ลงแล้ว
มือข้างหนึ่งยื่นเฉียงเข้ามาจากด้านข้าง หยิบลูกท้อในมือของเธอไป
กู้ซีจิ่วสะดุ้งโหยง ผินหน้ามองทันที เห็นตี้ฝูอีนั่งอยู่บนกิ่งไม้อีกกิ่งหนึ่ง ลูกท้อลูกนั้นหมุนติ้วอยู่ในฝ่ามือเขา เขาเอ่ยถามเธอ “อยากกินลูกท้อหรือ? ลูกท้อของที่นี่ไม่ได้เรื่อง ยากจะกินลง เจ้ากินไม่ไหวหรอก”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว กู้ซีจิ่วไม่ยอมรับ “ท่านยังไม่ได้ชิมเลย รู้ได้อย่างไรว่าลูกท้อของที่นี่ไม่ได้เรื่อง?”
เธอเด็ดลูกใหญ่ลงมาอีกลูกหนึ่ง ลูกท้อผลใหญ่นั้นเป็นสีชมพูระเรื่อ ดูเย้ายวนคนยิ่งนัก “ท่านดูสิลูกท้อลูกนี้ดีมากมิใช่หรือ? ข้าจะบอกท่านไว้นะ ลูกท้อแบบนี้เมื่อก่อนข้าเคยกินแล้ว หอมหวานยิ่ง เปรียบกับลูกท้อสวรรค์แล้วก็ไม่ต่างกันนักหรอกนะ!”
สีหน้าของตี้ฝูอีซับซ้อน “เด็กน้อย เจ้าแค่คิดไปเองเท่านั้น ไม่เชื่อเจ้าก็ลองชิมดูสิ”
กู้ซีจิ่วทำความสะอาดลูกท้อผลนั้น แล้วกัดเข้าไปคำใหญ่
จากนั้น เธอก็เข็ดฟันขึ้นมาเลย!
ลูกท้อผลนี้ดูดีและดูน่าอร่อย แต่ความจริงแล้วทั้งเปรี้ยวทั้งฝาดแถมยังออกขมด้วย!
หากมิใช่เพราะตี้ฝูอีมองอยู่ด้านข้างล่ะก็ เธอคงพ่นทิ้งทันทีแล้ว!
แต่เธอก็ไม่อยากถูกเขาเยาะเย้ย ดังนั้นจึงทำใจแข็ง กลืนเนื้อท้อที่ฝาดเฝื่อนคำนั้นลงคอไป
————————————————————————————-
บทที่ 3068 (3) บทพิเศษ…พรากจาก
ตี้ฝูอีจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง “อร่อยไหม?”
กู้ซีจิ่วปากแข็งดุจเป็ดตาย “ใช้ได้!”
ตี้ฝูอียิ้มแล้ว “เช่นนั้นก็ดีแล้ว เจ้าชอบกินลูกท้อมาโดยตลอด ในเมื่ออร่อย งั้นก็กินที่เหลืออยู่เข้าไปด้วยดีไหม?”
กู้ซีจิ่วชะงักไปแวบหนึ่ง เอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “พวกเราสามีภรรยามีของดีก็สมควรแบ่งปันกัน สุขเพียงลำพังมิสู้สุขไปด้วยกัน มา ท่านเอาไปกินครึ่งหนึ่งเถอะ” แล้วแบ่งลูกท้อนั้นเป็นสองส่วน ยื่นอีกครึ่งหนึ่งให้ตี้ฝูอี จากนั้นก็มองเขาอย่างกระตือรือร้น “ท่านชิมดูไหม?”
ตี้ฝูอีมองนางแวบหนึ่ง รับไป ไม่พูดพร่ำอันใดก็กัดเข้าไปคำหนึ่ง กลืนลงไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นก็กินคำที่สอง คำที่สาม…
กู้ซีจิ่วแทบนึกสงสัยแล้วว่าต่อมรับรสของเขาจะมีปัญหา อีกทั้งเกรงว่าลูกท้อนี้จะมีพิษ รีบแย่งลูกท้อกลับมาจากมือเขา แม้แต่อีกครึ่งนั้นที่อยู่ในมือตัวเองก็โยนทิ้งไปด้วย “หยุดกินได้แล้ว! ไม่กลัวถูกพิษบ้างหรือไง!”
ตี้ฝูอีโอบเอวเธอแล้วลงมานั่งด้วย เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ลูกท้อที่ภรรยาเด็ดมาเองกับมือ ต่อให้สามีถูกพิษตายก็เต็มใจยอมรับ”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
เขาพูดคุยหยอกเย้ากับเธอเช่นนี้อยู่พักหนึ่ง ทำให้ความโศกเศร้าของเธอสลายหายไปจนสิ้นแล้ว
กู้ซีจิ่วผินหน้ามองเขาแวบหนึ่ง “ท่านหวนคืนฐานะเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์แล้ว เหตุใดยังพูดจากะล่อนเช่นนี้อยู่อีกเล่า?”
ตี้ฝูอียกมือขึ้นลูบศีรษะนางเบาๆ “ไม่ว่าข้าจะอยู่ในฐานะอะไร ล้วนเป็นสามีของเจ้าทั้งนั้น! อ้อ แล้วข้าก็ไม่สนเหมือนกันว่าเจ้าจะเป็นใคร เทพผู้สร้างโลกก็ดี เซียนธรรมดาก็ช่าง เจ้าล้วนเป็นศรีภรรยาของเปิ่นจุนทั้งสิ้น อยากหนีก็หนีไม่พ้นหรอก!”
กู้ซีจิ่วหัวเราะคิกๆ แล้ว อิงแอบอยู่บนแผ่นอกเขา ไม่เอ่ยวาจาอีก
หลังจากที่เขาและเธอต่างกลับสู่ฐานะของตัวเอง ก็ต้องเผชิญหน้ากับเรื่องวุ่นวายกองใหญ่ที่ต้องสะสางจัดการ ยุ่งง่วนจนไม่ได้สนใจอารมณ์ความรู้สึกของตน ยามนี้ในที่สุดก็สามารพูดคุยกันอย่างเป็นส่วนตัวได้แล้ว
ดีจริงๆ เขายังคงเป็นเช่นเดียวกับเมื่อก่อน! ไม่ได้เย็นชาไร้เยื่อใยไปเพราะกลับสู่ฐานะแล้ว…
เธอมองดูลูกท้อเหล่านั้น “ทำไมท่านถึงรู้ว่าลูกท้อพวกนี้ทั้งฝาดทั้งขม ยากจะกินลงล่ะ? เคยชิมมาก่อนแล้วหรือ?”
ตี้ฝูอีเอนกายพิงลำต้น แขนข้างหนึ่งโอบเธอไว้ “โง่งม สถานที่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้าน ในหมู่บ้านมีเด็กน้อยแก่นแก้วอยู่ไม่น้อยเลย หากว่าลูกท้อของที่นี่อร่อย คงถูกพวกเขาเก็บกินจนเกลี้ยงไปนานแล้ว จะยังเหลือมาถึงตอนนี้หรือ”
นี่ก็ถูก!
กู้ซีจิ่วหงุดหงิดอยู่บ้าง หลักการเหล่านี้อันที่จริงเธอก็รู้เหมือนกัน เพียงแต่ก่อนหน้านี้เธอจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอยู่บ้าง…
“อันที่จริง ในความทรงจำของข้าลูกท้อเหล่านี้อร่อยมาก ไม่นึกเลย…”
ตี้ฝูอีเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ “เด็กน้อย ความจริงแล้วบางสิ่งก็หอมหวานอยู่เพียงในความทรงจำเท่านั้น ในความเป็นจริงมันทั้งขมทั้งฝาด ไม่ควรค่าให้อาลัย…”
กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง ทราบว่าเขากำลังอาศัยเรื่องนี้มาปลอบใจเธอ เพียงแต่ ที่เขาพูดมาก็มีเหตุผล
ของบางสิ่งอาจเป็นเพราะสูญเสียไปตลอดกาลแล้ว ถึงได้ตระหนักจดจำความดีของสิ่งนี้ และลืมเลือนความขมฝาดเฝื่อนของมันไป
เธอมองเขาอีกครั้ง เขาก็กำลังหลุบตามองเธออยู่เช่นกัน ทั้งสองคนสบตากันแวบหนึ่ง แววตาเขาดุจสุรา คล้ายกำลังพินิจตัดสินเธออยู่
พวงแก้มเธอพลันแดงเรื่อ เชิดคางขึ้นนิดๆ “มองข้าแบบนี้ทำไม?”
“เด็กน้อย เจ้างามจริงๆ!” ตี้ฝูอีถอนหายใจเบาๆ นิ้วมือไล้ริมฝีปากแดงของเธอ สายตาลุ่มลึกลง
ถึงอย่างไรกู้ซีจิ่วก็เป็นสามีภรรยากับเขามาเนิ่นนานปานนี้แล้ว มองแววตาเขาแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเขาคิดจะทำอะไร หัวใจเต้นกระหน่ำขึ้นมาหลายจังหวะ รีบผลักเขาทีหนึ่ง “ท่านอย่ามาออกลายที่นี่นะ…”
สถานที่แห่งนี้ถึงแม้จะเป็นป่าท้อ แต่ก็ห่างจากหมู่บ้านไม่ไกล ไม่แน่ว่าอาจมีคนโผล่เข้ามาตอนไหนก็ได้…
ตี้ฝูอีหัวเราะฮ่าๆ คราหนึ่ง โอบอุ้มนางไว้แล้วลุกขึ้นมาโดยตรง “แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราย้ายที่กัน!”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย…
แม้แต่ใบหูของเธอก็แดงเรื่อแล้ว ดึงสาบเสื้อเขาไว้ “ข้าไม่ได้หมายความว่าแบบนี้…”
“แต่ข้าหมายความว่าแบบนี้…” ลมหายใจเขาแทบจะเป่ารดเข้าไปในหูเธอแล้ว “ซีจิ่ว คลอดลูกชายให้ข้าอีกสักคนเถอะ!”
————————————————————————————-